ไส้เดือนเขียนจดหมายถึงมนุษย์


ความไม่เที่ยง การไม่ยึดมั่นถือมั่น

ไส้เดือนเขียนจดหมายถึงมนุษย์

 

            เมื่อวันที่  4  กรกฏาคม ที่ผ่านมา   ได้พานิสิตชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ และนักเรียนมัธยมปลาย โรงเรียนบาลีสาธิตฯ  ไปอบรมเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำ  ที่คณะประมง  มหาวิทยาลัยแม่โจ้   จึงถือโอกาสแวะไปหาซื้อปุ๋ยไส้เดือนและฉี่ไส้เดือน  ซึ่งเคยได้มีโอกาสรับฟังการนำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับไส้เดือน   ในงานประชุมวิชาการและวิจัย สวทช.ภาคเหนือ  โดยซื้อมาสองชุดมอบให้เพื่อนอาจารย์ไปชุดหนึ่งเพื่อให้ไปทดลองใช้   ในส่วนของตนเองเพิ่งมีโอกาสนำมาใช้ในการบำรุงดินและบำรุงต้นไม้ดอกไม้ในบ้านเมื่อตอนเย็นวานนี้

            ปกติที่บ้านจะไม่นิยมสารเคมีเพื่อการบำรุงดินหรือต้นไม้  จะใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยชีวภาพ และทำ EM ใช้เอง  ซึ่งพบว่า  ต้นไม้ดอกไม้ที่บ้านเจริญเติบโตดีมาก เราไม่ได้จัดระเบียบในการปลูกต้นไม้เป็นสวนสไตล์ต่าง ๆ  ตามที่นิยมกัน  แต่เลือกปลูกต้นไม้ดอกไม้  ตามที่เราชอบและผูกพันเมื่อครั้งยังเยาว์  เพราะทำให้เรารำลึกถึงความสุขในครอบครัวชนบท ที่อยู่กันพร้อมพรักและบรรยากาศการแบ่งปันเอื้ออาทรระหว่างเพื่อนบ้าน

            ขณะที่ร่วมกับลูกชายขุดพรวนดินเพื่อใส่ปุ๋ย  พบว่า  ทุกแห่งที่ขุดลงไปเจอไส้เดือนขนาดต่าง ๆ แม้กระทั่งในกระถางดอกไม้  ทั้งสังเกตพบว่า  ผิวหน้าดินเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนใบไม้ที่ร่วงหล่นย่อยสลายกลายเป็นผิวหน้าดิน    จึงเตือนลูกชายให้ระวังในการขุดพรวนด้วยเกรงว่าเสียมหรือพลั่วจะโดนตัวไส้เดือน  พร้อมชวนคุยเรื่องประโยชน์ของไส้เดือน ซึ่งคนชนบทตระหนักว่า   มีคุณค่าประโยชน์มากมาย  มิใช่เพียงย่อยเศษใบไม้เป็นปุ๋ยบำรุงดิน  หรือเป็นเหยื่อล่อปลาในการตกเบ็ด  และปัจจุบันได้มีนักวิชาการนักวิจัยสรรค์สร้างมูลค่าเพิ่มให้ไส้เดือนทั้งในรูปแบบการเลี้ยงเพื่อเป็นแหล่งอาหารส่งขาย หรือการเลี้ยงเพื่อสร้างปุ๋ยและฉี่ไส้เดือน  กลายเป็นไส้เดือนรักษ์โลกหรือเป็นแนวร่วมช่วยป้องกันโลกร้อน   แต่ขณะที่คนรุ่นใหม่ ซึ่งมีวิถีแบบคนเมือง จำนวนไม่น้อยรู้สึกรังเกียจไส้เดือน

            หลังจากเสร็จงานบ้าน ได้หยิบหนังสือ “คิดอย่างเซน”มาอ่าน  พบแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเพื่อการอยู่ร่วมกับสรรพสิ่งในโลกนี้  จึงอยากแบ่งปันดังนี้   

            1. ไส้เดือนเขียนจดหมายถึงมนุษย์

............รอยไส้เดือน        เกลื่อนไป           ในผิวดิน

            เป็นลวดลาย       หลายระบิล          หลายท่วงท่า

            มีความหมาย       ว่ากระไร             ใครสงกา

            หรือเห็นว่า         ไร้สิ่ง                  น่าสนใจ

............คือจดหมาย       ไส้เดือน             เตือนมนุษย์

            ไม่รู้สิ้น               รู้สุด                  มาแต่ไหน

            ทั้งคืนวัน            ขยันเขียน           เวียนทำไป

             มนุษย์อ่าน         หรือไม่               ไม่อาวรณ์

............มันพร่ำบอก        พร่ำสอน            พร่ำวอนว่า

            พร่ำพรรณนา      ให้ระวัง             ให้สังหรณ์

            ว่าสรรพสิ่ง         เปลี่ยนไป           ไม่ถาวร

            ทุก ๆ ตอน         อนิจจัง              อนัตตา

............มันให้อรรถ         ถอธิบาย            หลายแสนอย่าง

            อุทาหรณ์           ต่าง ต่าง            ครบทุกท่า

            รอยไส้เดือน        เกลื่อนทั่ว           พสุธา

            ก็เพราะว่า          ไส้เดือนรัก          คนนักเอยฯ

            ............ลองถามตนเองว่า  เคยสังเกตหรือฉุกคิดถึงรอยบนดินที่เกิดจากไส้เดือนหรือไม่ว่า สื่อนัยยะสิ่งใด  หรือ มันกำลังเขียนจดหมายถึงมนุษย์  ซึ่งในจดหมายที่เขียนเป็นรอยบนดินนั้น  แสดงถึงความแปรปรวน  ความไม่เที่ยง  และการตั้งอยู่แล้วดับไป  ของสิ่งทั้งหลาย  อันแสดงถึงความไม่ยึดมั่นถือมั่น

  1. 2.      ตัวกูกับตัวของกู

............อัน “ตัวกู”          “ตัวสู”               มิได้มี

            แต่พอโง่            มันเป็นผี            โผล่มาได้

            พอหายโง่           “กู” “สู”             ก็หายไป

            พอโง่ใหม่           โผล่ใหม่             ดูให้ดี

............แต่ละข้าง          ต่างยึด              ว่า “ตัวกู”

            จึงเกิดการ          ต่อสู้                 กันอย่างผี

            ต่างหมายมั่น      แก่กัน                ฉันไพรี

            ทั้งเปิดเผย         ลับลี้                 มีทั่วไป

............ที่ด้อยกว่า          สูว่ากู                ก็มีดี

            ที่เด่นกว่า           ข่มขี่                  เขาเข้าไว้

            ที่พอกัน             กันท่า                ไม่ว่าใคร

            ล้วนแต่ใคร        โด่งดัง               เป็นธรรมดา

............เอาพระธรรม      กวาดล้าง           อย่างไม้กวาด

            สำหรับฟาด        หัวสัตว์              ที่ข้างฝา

            ตกกระเด็น         เป็นเหยื่อ           แก่ไก่กา

            ที่เก่งกว่า            คือย่าโง่             ให้โผล่เอย ฯ

            เชื่อว่า  ปัญหาของโลก  ปัญหาสิ่งแวดล้อม  ปัญหาของชาติ และปัญหาของบุคคล  อยู่ที่ความยึดมั่น   ความไม่ยอมกัน  เพราะอหังการ  มมังการ    ธรรมะเสมือนคือไม้กวาด  ที่จะกวาด ฟาดให้สัตว์หรือสัญชาตญาณอย่างสัตว์หมดสิ้นจากสันดาน  และหากทุกคน “ยอม” และ “หยุด” ตระหนักถึงการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่และการอยู่ร่วมกันด้วยความรัก   เมื่อนั้น โลก  สังคม  บุคคลก็จะสงบสุข  เข้าถึงความหมายของชีวิตที่แท้จริง   ฉุกคิดถึงไส้เดือนสัตว์ตัวน้อย ที่ทำสิ่งเล็กน้อยตามกำลัง  ตามหน้าที่ของชีวิต  หากเมื่อหลอมรวมกลับกลายเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการธำรงโลก  แล้วผู้ที่ได้ชื่อว่า  มนุษย์ซึ่งเป็นผู้ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย  กำลังทำสิ่งใดเพื่อโลกใบนี้ ????..........

 

หมายเลขบันทึก: 451384เขียนเมื่อ 29 กรกฎาคม 2011 11:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีครับ อาจารย์

อ่านแล้วได้ข้อคิดเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่างทีเดียว

ขอบคุณมากๆ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท