ขอเล่าถึงบรรยากาศของการเข้าร่วมประชุมภาคีการจัดการความรู้ภาคราชการครั้งนี้ที่ มสธ.
ตามที่เกริ่นว่า ดาวลูกไก่ทั้ง 7 นั้นประกอบไปด้วยพญ.รุจนี นพ.อมรพันธ์ และพยาบาลวิชาชีพอีก5 ท่าน พวกเรามารอขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่แปดโมง ทั้งทีมที่ไปประชุมยังไม่รู้อะไรมากนักในการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้จะทำบทบาทหน้าที่วันนี้ได้ถูกต้องหรือไม่ มองหาคุณปิ่ง ก็ไม่ว่างที่จะมาส่งทีมเรา เมื่อพอไปถึงสถานที่ประชุมมีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับแต่ทีมเราก็ยังหาที่นั่งไม่ได้ ตัดสินใจกันไม่ได้ว่าจะนั่งวงนอกหรือวงในดี(เหมือนสนามไก่ชนที่บ้านต่างจังหวัดคะ)(ในห้องประชุมเขาจัดเก้าอี้และโต๊ะเป็นวงเล็กอยู่ข้างในและมีวงกลมอีกวงล้อมรอบ พอจะนึกภาพออกนะคะ เสียดายที่ไม่ได้พกกล้องถายรูปไปด้วย) จนกระทั่งพิธีกรกล่าวเชิญว่าผอ.อัจฉราได้ส่งทีมจากบำราศฯมา 7 ท่าน พวกเราจึงนั่งได้ถูกที่ ซึ่งเป็นที่มาของ "ดาวลูกไก่ทั้ง 7"
แล้วได้อะไรบ้างจากงานนี้ ท่านอธิการบดีกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมโดยกล่าวถึงความสำคัญของKM สรุปได้ว่า พวกเราต้องทำตัวเป็น "ฉันไม่รู้" เพื่อจะได้มารับ/แลกเปลี่ยนความรู้ อย่าคิดว่า "ฉันรู้"นั่นไม่ใช่Concept
ต่อมาเป็นการเสนอ สิ่งที่ได้จากการไปศึกษาดูงานที่ญี่ป่นเรื่อง "Knowledge Management Benchmarking" เมื่อ เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยไปดูเกี่ยวกับความสำเร็จในการทำKM ของ 4 องค์กรคือ
1.บริษัท Eisai(เอซาย) : ปรัชญาบริษัท "hhc : human health care"=มุ่งมั่นสู่นวัตกรรมใหม่ๆเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าและชุมชน แนวปฏิบัติ ฟังเสียงลูกค้าและชุมชน(Voice of Customer)
2.บริษัท Fu koku : แนวคิดหลัก : เปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาที่มาของการเปลี่ยนแปลง เป็นการกระตุ้นให้เกิดความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์
3.บริษัท Sony : แนวคิด KM as Problem Solving "วิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อมองหาแนวทางใหม่และจัดเก็บการวิเคราะห์นั้นไว้ในฐานข้อมูล เพื่อเป็นคลังความรู้ในกระบวนการออกแบบต่อไป"
4.บริษัท Nissan :แนวคิด"GOM Revolution"การเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงาน
วิทยากรพูดถึงคำว่า บะ(Ba) บ่อยๆ เข้าใจว่าหมายถึง KM แบบInformal เพื่อให้งาน Effective หรือ การจัดบรรยากาศของการเรียนรู้ที่สบายๆ อ.ประพนธ์เสริมว่า Ba = Sharing space , learning space (ในญี่ปุ่นจัดโต๊ะแบบสามเหลี่ยม ทำงานแบบRelax หัวหน้าไม่ต้อประสานสายตากับลูกน้อง กินไป คุยไป และทำงานกันไป : งานได้ผล คนพอใจ )
จากที่ฟังมาทั้งหมดสรุปได้ว่า การประยุกต์ใช้ KM ใน 4 องค์กรคือ1.ความมุ่งมั่นและให้การสนับสนุนของผู้บริหารระดับสูง 2. ความริเริ่มสร้างสรรและการมีส่วนร่วม 3. การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของการทำงาน ซึ่งดิฉันคิดว่าสถาบันบำราศฯมีครบแล้วใครเห็นด้วยยกมือขึ้น
โดย ณัฐนันท์ซัง หาญณรงค์(Sakuraจัง)
ดีใจจังเลยคะ ที่ได้เป็นดาวลูกไก่กับเค้าด้วย แต่อย่างไรก็ตามไม่ดีใจและภูมิใจเท่าที่ได้ไปร่วมประชุมภาคี ในครั้งนี้ด้วย เพราะได้ลปรร. มากมายเลยคะ แต่ก็อยากเพิ่มเติมข้อมูลนิดนึงนะคะ
มีนักศึกษาปริญญาเอก (ขอโทษนะคะที่จำชื่อไม่ได้) ท่านมาเสนอผลการศึกษาการจัดการความรู้ในภาครัฐ (กพร.) ศึกษาโดยการใช้แบบสอบถามในกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุม KM ซึ่งจัดโดยทีมงาน กพร. สรุปได้ดังนี้คะ
จากผลการศึกษา ชาวบำราศฯ เราก็สามารถนำผลเหล่านี้มาประยุกต์ และพัฒนางานของเราต่อยอดได้เยอะเลยนะคะ เพราะหลักการที่ 4 บริษัท (จากที่ นส.Surg BI พูดถึง) ชาวบำราศฯ ของเรามีการนำมาใช้แล้วนะคะ แต่พวกเราไม่รู้ว่ามันคือ KM เช่น
บริษัท Eisai(เอซาย) : มีแนวปฏิบัติ ฟังเสียงลูกค้าและชุมชน(Voice of Customer) พวกเราก็มองลูกค้าเป็นศูนย์กลางนั่นแหละคะ
บริษัท Fu koku : แนวคิดหลัก : เปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาที่มาของการเปลี่ยนแปลง เป็นการกระตุ้นให้เกิดความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์
บริษัท Sony : แนวคิด KM as Problem Solving "วิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อมองหาแนวทางใหม่และจัดเก็บการวิเคราะห์นั้นไว้ในฐานข้อมูล เพื่อเป็นคลังความรู้ในกระบวนการออกแบบต่อไป"
2 บริษัทนี้ ทำให้รู้เลยคะว่าทุกวันพวกเราชาวบำราศฯ ทำ KM อยู่แล้ว เช่น ชาวเราก็มี ทีม RM และ ทางหน่วยงานที่มีการเฝ้าระวังความเสี่ยงกันอยู่แล้ว มีการวิเคราะห์กระบวนงานของหน่วยงานเพื่อหาแนวทางการพัฒนาต่อเนื่อง
บริษัท Nissan :แนวคิด"GOM Revolution"การ เปลี่ยนแปลงวิถีการทำงาน มี 2 change คะ
1. Change the way we work
2. Change the way we work ourselves
อยากจะบอกให้ชาวบำราศฯ ทุกคนได้ภูมิใจนะคะว่าประสบการณ์ของการทำ HA สอนพวกเราเยอะเลยนะคะ แต่ก็นั่นแหละคะ ปัญหาและอุปสรรคมันก็ยังมีอยู่ แต่ขอบอกนะคะ " ปัญหาทุกอย่างมีทางออก" แต่ทางออกทุกทางก็มีอุปสรรค (คำหลังเนี้ย ยืมมาจาก อ.สุขกมล ที่สอนเรื่อง Counseling คะ เพราะรู้สึกประทับใจและโดนใจมาก) อุปสรรคใหญ่หรือเล็กก็อยู่กับเรานั่นแหละคะ
สู้ สู้ นะคะ พี่น้องชาวบำราศฯ