เริ่มต้นช้าก็ดีเหมือนกัน


ช้าเพื่อความมั่นใจกับช้าเพราะไร้ประสิทธิภาพย่อมมีผลสำเร็จที่ต่างกัน

ช่วงนี้มีข่าวที่น่าสลดหดหู่หลายเรื่อง ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เราเพิ่งเสียใจกับการสูญเสียนายทหารและสื่อมวลชนไปในเครื่องเฮลิคอปเตอร์สามลำที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและเสียสละ ชาวนอร์เวย์ต้องร่ำไห้กันทั้งประเทศจากการโจมตีของพวกขวาจัดที่นิยมความรุนแรง ประเทศจีนเองก็ต้องสังเวยชีวิตผู้คนไปหลายสิบชีวิตบนรถไฟความเร็วสูงที่ชนกันอย่างรุนแรงเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

สองเหตุการณ์เกิดจากอุบัติเหตุอีกหนึ่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ในฐานะพลเมืองไทยและเพื่อนร่วมโลกก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทุกท่านด้วยครับ



สำหรับผมแล้ว เหตุรถไฟความเร็วสูงชนกันในประเทศจีนเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่สุด หากมองอย่างผิวเผินอาจจะบอกว่าเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลตัวเรา แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ประเทศของเราก็มีความจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงนี้ไม่แบบใดก็แบบหนึ่งมาใช้เพื่อการขนส่งมวลชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน

เราคงจำกันได้ในช่วงของการหาเสียงที่ผ่านมา นโยบายทีสำคัญของพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคที่นำมาใช้ในการหาเสียงได้ให้ความสำคัญกับโครงการนี้เป็นอย่างมาก มีการเชื่อมโยงไปถึงโครงการของประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมีข่าวว่าหากโครงการเหล่านี้เกิดขึ้นจริง เราอาจจะนำเทคโนโลยีของประเทศจีนมาใช้ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงเช่นกัน http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1303186794&grpid=no&catid=07

แต่สิ่งที่เป็นปัญหาให้ต้องมานั่งขบคิดหลังจากอุบัติเหตุครั้งนี้ก็คือ เทคโนโลยีที่ใช้กับรถไฟความเร็วสูงเหล่านี้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าจะต้องมีความทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของระบบการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากมันสามารถวิ่งด้วยความเร็วที่สูงมาก หากนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 เป็นต้นมาตามที่มีการบันทึกไว้พวกมันสามารถทำความเร็วได้ตั้งแต่ต่ำสุดที่ 321 กิโลเมตร/ชั่วโมง(199 ไมล์/ชั่วโมง)และสูงสุดทำไว้โดย MLX01 ของญี่ปุ่นในปี ค.ศ.2003 ด้วยความเร็ว 581 กิโลเมตร/ชั่วโมง (361 ไมล์/ชั่วโมง)http://en.wikipedia.org/wiki/High-speed_rail ซึ่งเทียบได้กับความเร็วสูงสุดของเครื่องบินขับไล่แบบ Spitfire ของอังกฤษสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเลยทีเดียว และเมื่อคำนวณจากโมเมนตัมหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ความเสียหายคงมีมากจนเราจินตนาการไม่ออกเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามจากข่าวที่ปรากฏ สาเหตุของอุบัติเหตุเกิดจากการที่มีฟ้าผ่าที่รถไฟขบวนหนึ่งจนทำให้เกิดความเสียหายกับระบบไฟฟ้าและสัญญาณเตือนป้องกันการชนกันซึ่งจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อมีรถไฟจอดขวางอยู่และจะทำให้รถขบวนอื่นไม่สามารถวิ่งเข้ามาชนได้ แม้หากพิสูจน์ได้ว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จริงก็ย่อมหมายความว่าระบบการรักษาความปลอดภัยทั้งระบบทำงานล้มเหลวและขาดประสิทธิภาพ อีกทั้งยังขาดระบบสำรองสำหรับการนี้โดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตามจากการที่รัฐบาลจีนได้ปลดเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของการรถไฟทันทีถึงสามคนทำให้อาจมองได้ว่าความผิดพลาดที่แท้จริงอาจจะมีส่วนมาจากความผิดพลาดของมนุษย์ด้วยก็มีความเป็นไปได้

ผมไม่รู้ว่าประเทศไทยโชคร้ายที่ยังไม่มีรถไฟความเร็วสูงใช้ทั้งๆที่เพื่อนบ้านที่พัฒนาตามหลังมาในอดีตแซงไปจนเกือบจะหมดทุกประเทศแล้ว เพราะมัวแต่ทะเลาะแย่งชิงแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวจนมองไม่เห็นอนาคตของประเทศชาติ หรือว่าเราโชคดีที่รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมร้ายแรงนั่นเพราะเพิ่งค้นพบว่าเทคโนโลยียังมีข้อบกพร่องอยู่กันแน่ ขนาดเรามีแต่รถไฟความเฉื่อยสูงก็ยังเกิดอุบัติเหตุไม่เว้นแต่ละเดือน บางครั้งวิ่งอยู่ดีๆรางเกิดทรุดหงายท้องลงไปเองบ้าง สับรางผิดวิ่งชนกันเองบ้าง ที่บ่อยที่สุดคือมีรถปิ๊คอัพ รถสิบล้อมาวัดรอยท้าชนเป็นประจำจนเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องตลอดมา

ไม่ใช่ไม่อยากได้ระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพหรอกนะครับ แต่หากจะต้องลงทุนกันจริงๆเรื่องของระบบความปลอดภัยก็ควรเน้นให้เข้มงวดมากๆให้เป็นไปตามมาตรฐานจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมของของคนผู้ซึ่งต้องมาใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ เรามักได้ยินกันบ่อยๆถึงความไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของคนไทยที่อาจจะติดตัวอยู่จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นนิสัย สมัยที่ผมทำงานในโรงงานอิเลคทรอนิคส์ต้องคุมพนักงานซึ่งต้อง operate เครื่องจักรจำนวนมาก เครื่องจักรทุกตัวจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยโดยมันจะไม่ยอมทำงานหากฝาครอบเครื่องยังเปิดอยู่หรือมีอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของมนุษย์ หรือสิ่งของล้ำเข้ามาในส่วนเคลื่อนไหวที่อาจเป็นอันตรายได้ สวิทส์อัตโมัติจะไม่ยอมให้เครื่องทำงาน ก็คนไทยเรานี่แหละครับที่พยายามทำอุปกรณ์มาหลอกเครื่องเพราะความขี้เกียจที่จะต้องเปิดๆปิดๆ ทำให้มือขาดแขนขาดมากันนักต่อนัก ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีมาตรฐานจึงต้องมีกฎเกณฑ์หากใครละเลยการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยแบบนี้จะต้องได้รับ warning letter ซึ่งหากทำซ้ำๆบริษัทสามารถไล่ออกโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้เลยนะครับ

ความคิด ค่านิยมเรื่องทำอะไรตามใจคือไทยแท้นั้นควรจะต้องมาทบทวนและให้การอบรมสั่งสอนกับเยาวชนกันเสียใหม่ จริงๆแล้วก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเองเป็นอันดับแรกนั่นแหละครับ หากคนไทยเรามีวินัย มีการฝึกซ้อมกันอย่างสม่ำเสมอจนเป็นมาตรฐาน เมื่อได้เข้าไปทำงานในองค์กรเหล่านี้ ถึงแม้จะเกิดความบกพร่องผิดพลาดจากเทคโนโลยีเราก็สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่นๆและแม้ว่าอาจจะไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้ทั้งหมดแต่ก็อาจจะทำให้ลดความรุนแรงลงได้บ้าง หรืออาจลดความสูญเสียในชีวิตผู้คนได้อีกมากมาย

เมื่อเราเริ่มต้นช้าจะมาจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ก่อนที่เราจะต้องนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ ช่วงเวลาที่มีอยู่นี้ก็น่าจะเป็นโอกาสที่เราต้องรีบศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝนหาทางแก้ไขป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนนี้แล้วนำไปใช้เมื่อเวลานั้นของเรามาถึงคงจะดีไม่น้อย...เริ่มต้นช้าก็อาจจะดีเหมือนกันถ้าเรารู้จักวางแผนและเตรียมการที่ดี

แต่ช้าบางอย่างก็ไม่เข้าท่า เช่นเลือกตั้งรู้ผลไปตั้งเกือบเดือนแล้วยังมีคณะกรรมการมาแขวนอยู่ไม่ยอมคลอดเป็นรัฐบาลเสียที ประเทศชาติไม่ใช่กุนเชียงจะได้มีไว้แขวน เสียโอกาสเสียเวลาไม่รู้เท่าไหร่ไม่เคยคิดกันบ้างหรือไงครับ ปล่อยให้เกิดสูญญากาศนานๆมันดีนักหรือ นี่ถ้าพวกหงสาวดีรู้ข่าวรีบยกทัพมาตีคงเสียบ้านเสียเมือง คำว่ารอบคอบกับงุ่มง่ามมันวางอยู่บนเส้นเดียวกันนะครับ..



..กรรมการห้ามมวยงานวัดข้างบ้าน นักมวยชกเสร็จรู้แพ้ชนะไปแล้ว คนแพ้ก็หามไปหยอดน้ำข้าวต้มจนไม่เหลือรอยฟกช้ำ คนชนะกลับบ้านไปรอเข็มขัดแชมป์จนเบื่อแล้วเบื่ออีก พวกเซียนมวยรับจ่ายไปใช้กันจนหมดแล้ว กรรมการห้ามมวยกลับบ้านไปกินก๋วยเตี๋ยวอาบน้ำนอนหลายรอบแล้วแต่ยังบอกไม่รู้จะให้เข็มขัดแชมป์ได้อย่างไรเพราะมีพวกที่เสียหมดตูดมาร่ำไห้กระซิกๆให้ตัดสินใหม่ บอกนักมวยกัดหูกันต้องให้พิจารณาคำร้องอีกหลายแผ่น

แม่เจ้า...ถ้าคนพวกนี้เขียนคำร้องมาเป็นภาษาเปรูกว่าจะอ่าน กว่าจะแปล กว่าจะตีความ กว่าจะตัดสิน....ไม่รู้ว่าปีหน้าจะเสร็จหรือเปล่า..? ชกไฟท์หน้าพวกนี้คงเขียนคำร้องล่วงหน้าใส่รถปิ๊คอัพไว้รอกรอกชื่อนักมวยตอนพวกของตัวเองแพ้ให้กรรมการช่วยกันคลำอีกเป็นแน่ คราวนี้คงต้องว่ากันเป็นปี

กรรมการห้ามมวยถ้าไม่มีปัญญาตัดสินตอนมวยชก ก็น่าจะไปเอาดีทางขายกล้วยแขกข้างสนามมวยไม่ดีกว่าหรือ ?

บ้านเรามีกรรมการห้ามมวยแบบนี้เยอะซะด้วย...ถึงว่า.."ไอบ้า"เขาถึงได้ไล่แห่ไม่ให้ยุ่งด้วยด้วย !

น่าน...นอกเรื่องอีกจนได้ !!!



http://www.reuters.com/article/2011/07/24/us-china-train-idUSTRE76M26T20110724
http://www.prachuppost.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539013528&Ntype=2
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017050


cartoon
http://royinzen.blogspot.com/2011/03/law-cartoon-2.html
http://pofgblog.com/2011/02/17/why-i-dont-judge-people/

หมายเลขบันทึก: 451009เขียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2011 22:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ระบบความปลอดภัย ถ้าติดตั้งด้วยเจตนาคำนึงถึงความปลอดภัยจริงๆ ก็จะปลอดภัย

แต่ถ้าติดตั้ง เพียงเพราะให้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย..ก็ไม่รับประกันความปลอดภัย..

คิดว่าเจตนา..สำคัญที่สุดคะ

เป็นเหตุผลที่เราควรต้องปลูกฝังเสียตั้งแต่ยังเด็ก

มาตรฐานและกระบวนเป็นเพียงเครื่องมือ

หากผู้ปฏิบัติไม่เต็มใจที่จะหยิบมาใช้ก็คงไม่มีประโยชน์

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เข้ามาเยี่ยมครับ

จริงด้วยครับ ขอช้าแต่ปลอดภัยถึงที่หมายอย่างมีความสุขก็พอ ...

ขอความเร็วธรรมดา หนีรถติดได้ก็ดีใจแล้วครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท