เรื่องเล่าระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔


๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔

เรียน เพื่อนครู ผู้บริหารและผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน

วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เช้านี้ไม่มีอะไรวุ่นวายอีกเพราะเตรียมกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนพยายามนำเสื้อผ้าไปเท่าที่จำเป็น แต่ก็แน่นไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหลายปลั๊กไฟ สบู่ ยาสีฟัน พร้อมบริวารทั้งหลาย รวมถึงเครื่องบริโภคจำพวกมาม่าน้ำพริกนรก คงติดตาตรึงใจจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าพอย่างเข้าวันที่สองวันที่สามจะรู้สึกเลี่ยนอาหารฝรั่ง อาหารพื้นบ้านเจ้าถิ่นอยากทานอาหารรสจัดให้สะใจ แต่เที่ยวนี้พกไปน้อย หนังสืออ่านเรื่องกฎหมายปกครองฉบับเตรียมสอบ ๒ เล่ม ตัวบทฉบับเล็กอีกหนึ่ง เพราะเดือนกันยายนนี้ก็จะสอบจบกันแล้วที่ขาดไม่ได้คือโน้ตบุคกับเครื่องบันทึกเสียง แม้จะดูหนักไปสักหน่อยแต่เมื่อถึงที่พักแล้วจะสะดวกในการทำงาน เวลา ๐๙.๓๐ น. จำลองมารับไปส่งสนามบินสุวรรณภูมิ ถนนโล่งมากใช้เวลาเพียง ๔๐นาทีก็ถึง ท่านรองฯ พนอ ทิพย์พิมลรัตน์จาก สพป.ชุมพร เขต ๑ มาถึงก่อนแล้ว จึงชวนกันไปรอพรรคพวกกันที่ชั้น ๔ ช่อง G ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับเช็คอินของสายการบิน Garuda Airlineการเดินทางครั้งนี้เป็นการไปร่วมการแข่งขัน IMC 2011 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย มีนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เป็นคณะเดินทางที่มีจำนวนเกือบ ๑๐๐ ซึ่งนับว่าใหญ่สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ ลงไปแลกเงินดอลล่าร์ และเงินรูเปียห์ เงินไทย ๓ พันบาทแลกได้ ๗๕๐,๐๐๐รูเปียห์ และเงินไทย ๑ หมื่นบาทแลกเงินดอลล่าร์ได้ ๓๓๓ ดอลล่าร์ ใช้เวลารวมพลจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยง เช็คอินเข้าไปรอด้านในดีกว่า เขาตรวจละเอียดจนต้องถอดเข็มขัดและรองเท้า ประตูขึ้นเครื่อง F 6 ไกลมากสะพายกระเป๋าที่ใส่โน๊ตบุคจนไหล่เอียงเรียกว่าทั้งเหนื่อยทั้งหิว ขึ้นเครื่องและออกเดินทางประมาณ ๑๔.๑๐ นาที เขามีอาหารกล่องแจกให้บนเครื่องเป็นข้าวและแกงรสชาติดีไม่เผ็ด ความหิวหายไปพอที่จะดูเส้นทางทั้งจากจอมอนิเตอร์และหน้าต่างเครื่องบินเลียบอ่าวไทยผ่านพัทยา ระยอง ตัดทะเลมุ่งหน้าลงใต้ ใช้เวลา ๓ชั่วโมง ๓๐ นาที ก็เห็นเกาะขนาดใหญ่มองลงไปเห็นบ้านเรือนตั้งเป็นหย่อม ๆ เหมือนตุ๊กตาเครื่องลงที่สนามบินนานาชาติเมืองจาร์กาต้า ของอินโดนีเซียอาคารผู้โดยสารเป็นแบบฉบับพื้นเมือง ทำด้วยไม้และปูน แต่สวยงามอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองชักช้ามากที่สำคัญทางเดินภายในอาคารไกล ต้องรับกระเป๋าก่อนแล้วนำไปใส่ในช่องโหลดกระเป๋าอีกครั้งเพื่อต่อเครื่องบินภายในประเทศไปเกาะบาหลีจากนั้นต้องเดินไปขึ้นเครื่องที่ชั้น ๒ ของอาคารที่ไกลจนหมดกำลังขา เครื่องบินไปบาหลีลำใหญ่กว่าลำที่เรามาจากกรุงเทพฯ นั่งสบายกว่า แต่ต้องรอ ๑ชั่วโมงเพราะ ตม.ตรวจนักเรียนของเราช้ามากผู้โดยสารอื่นจึงต้องนั่งคอยบนเครื่องบินมีอาหารเลี้ยงเป็นข้าวสวยกับแกงพะแนงเนื้อรสชาติดีมาก เหมือนคั่วกลิ้งปักษ์ใต้แต่ไม่เผ็ดเท่า เครื่องออก ๒ ทุ่มมาถึงสนามบินของเกาะบาหลีประมาณ ๔ ทุ่มมีรถบัสมารับถึงบันได ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินในอาคารผู้โดยสารหลังรับกระเป๋าแล้วได้แบ่งเด็กกับครูไปพักแยกต่างหาก ส่วนทีมอาวุโสมีรถตู้มารับไปโรงแรมในเมืองเดนปาซ่าร์ชื่อ Aerowisata Hotel Sanur Beach ไม่ห่างจากสนามบินไม่มากนักแต่กว่าจะเข้าห้องพักได้เกือบเที่ยงคืนของเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าไทย ๑ ชั่วโมงห้องพักค่อนข้างสะดวกสบาย ผมพักคู่กับ ผอ.สพป.เชียงราย เขต ๑ คุณวิศิฏฐ์ ดุลยพัชร์ อาบน้ำเสร็จขึ้นเตียงก็หลับทันทีเพราะความเหน็ดเหนื่อย

วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมติดชายหาด Sanur บรรยากาศเหมือนโรงแรมชุมพรคาบาน่าแอนด์รีสอร์ทอาหารเป็นแบบฝรั่ง ผสมพื้นบ้านอินโดนีเซียจำพวกข้าวต้ม ไข่เจียว กาแฟและสลัดต่าง ๆมีขนมพื้นเมืองให้เลือกหลายอย่าง ทั้งหน้าตาและรสชาติเหมือนทางภาคใต้ของไทย ไม่รู้ว่าใครเลียนแบบใครมีตัวแทนจากหลายประเทศที่เคยพบกันที่อินเดียเมื่อปี ๒๐๐๙ เข้ามาทักทายเพราะจำกันได้อิ่มแล้วไปรอนัดหมายกันอีกครั้งในเวลา๐๙.๐๐ น. ที่ลอบบี้โรงแรมว่าจะไปไหนกันดี เพราะวันนี้ถือว่าฟรีเดย์ เจ้าภาพไม่มีกิจกรรมให้ทำจนกว่าจะเย็นจึงจะมีงานเลี้ยงต้อนรับที่โรงแรมแห่งนี้ ท่าน ผอ.โกศล ปราคำ จาก สพป. เชียงใหม่ เขต ๑ชวนซื้อทัวร์ไปเที่ยวภูเขาไฟรวบรวมสมาชิกได้ ๗ คน ตกหัวละ ๓๕ ดอลล่าร์ รวมอาหารเที่ยง๑ มื้อ กว่าจะเดินทางกันได้เกือบ ๑๑ นาฬิกา กำหนดจะไปกินข้าวกลางวันนั่งชมภูเขาไฟบาตูร์ที่คินตามณี ถนนหนทางในประทศอินโดนีเซียแคบมากพอที่รถวิ่งสวนกันได้เท่านั้น เมื่อมีรถจอดจึงต้องรอทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัดแต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับนักซิ่งทั้งหลายที่เหยียบกันจนน่าหวาดเสียวเบรกแต่ละครั้งแบบหายใจรดต้นคอทีเดียวสองข้างทางเป็นร้านค้าและบ้านอาศัยแบบพื้นเมืองส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวหลังคาเตี้ยขนาดเล็ก สินค้าที่มีมากเป็นเครื่องตกแต่งและเครื่องบูชาที่แกะสลักจากหินและปูนปั้นพระพุทธรูปมีมากมายหลายปางและหลายขนาด สร้างและดูพุทธลักษณะงามดีสำหรับช่างไม้ก็ฝีมือ มีร้านเฟอร์เจอร์หลายแห่งในเส้นทางนี้ การทำนามีให้เห็นในที่ราบเป็นการทั่วไประบบชลประทานแบบธรรมชาติที่ส่งน้ำมาจากภูเขาช่วยให้ข้าวในนาเขียมชอุ่มเขาบอกว่าอินโดนีเซียมาเรียนปลูกข้าวไปจากไทย จนขณะนี้ผลิตข้าวได้มากจนต้องส่งออกเป็นคู่แข่งที่สำคัญหน้าบ้านจะมีต้นไผ่พันด้วยกระดาษสีส่วนปลายโค้งลงเหมือนเบ็ดห้อยไว้ด้วยกระดาษที่พับเป็นรูปคล้ายกระดาษตอนตรุษจีนถามได้ความว่าเป็นเครื่องหมายถึงงานประเพณีท้องถิ่นของเขาที่สืบเนื่อง จากความเชื่อของศาสนาอินดูได้เห็นขบวนแห่ศพที่แปลกประหลาด มีเครื่องดนตรีนำหน้าแบบกลองยาว ผู้คนเหมือนร่ายรำแต่ต้องเดินด้วยความเร็วเหมือนจะวิ่งตัวหีบศพถูกประดับประดาคล้ายโกฏิในบ้านเรามีคนหามด้วยไม้ไผ่ทั้งลำมาทำเป็นแคร่นับได้เป็น ๒๐ คนเมื่อเจอขบวนแต่ละครั้งต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะแซงหรือหลบไปได้ การเล่นว่าวมีทั่วไปมีรูปร่างแปลกและสวยเด่น พิธีมงคลก็มีให้เห็นจะหน้าจะมีกะบะดอกไม้ไว้บูชาหรืออาจทำเป็นกระทงก็ได้ พวกเรามาถึงจุดชมวิวเที่ยงกว่าแวะเข้าร้านอาหารพื้นเมืองแบบบุพเฟ่ เพราะหลังร้านเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพภูเขาไฟได้อย่างดีที่สุดเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในเกาะบาหลี ๓,๐๑๔ เมตร ระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อ ๑๗ มีนาคม ๑๙๖๓ เราไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขาไฟโดยตรงเหมือนฟูจิในญี่ปุ่นแต่ไปนั่งชมความงามอีกยอดหนึ่งที่ชื่อว่า ปุระเบซากี หากเป็นมาเลเซียหรือฮ่องกง คงจะมีนายทุนมาทำกระเช้าให้นั่งไปชมปล่องภูเขาไฟกันแล้วอาหารมื้อนี้เลือกแต่ของพื้นบ้านจำพวกไก่จำพวกแกงเนื้อเป็นหลักรสเผ็ดจัดจ้านร้อนแรงไม่แพ้บ้านเรา แต่ข้าวเหนียวเปียกสู้บ้านเราไม่ได้อากาศข้างบนค่อนข้างหนาวอุณหภูมิน่าจะต่ำกว่า ๑๐ องศา ออกมาหน้าร้านอาหารเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกมีทั้งเสื้อยืดผ้าบาติก ไม้แกะสลัก ที่น่ารำคาญเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่เร่ขายมารุมให้ซื้อแข่งกันลดราคาจนสับสนวุ่นวายไร้สมาธิท้ายสุดก็ไม่อยากซื้อหาอะไรอยู่กันพอสมควรรถนำพวกเราลงจากภูเขาไฟมาแวะที่วัดปุระเบซากี (Pura Besakih) ซึ่งเป็นวัดในศาสนาอินดูที่สำคัญของบาหลีอยู่เชิงเขาอากุงเมื่อผ่านด่านเก็บเงินเข้าไปจะพบสายน้ำที่ไหลมาจากภูเขาที่ใสเย็นตาด้านในจะแบ่งเป็นกำแพงหลายชั้น มีทั้งที่อาบน้ำซึ่งไหลมาตามท่อเพื่อล้างบาป(คิดเอาเอง)คนมุงกันมาก เพราะจะมีสาวสวยลงไปอาบน้ำให้ดูหลายคน ในเขตด้านในต้องไปเช่าชุดอินดูนุ่งก่อนจะได้รับอนุญาตหรือมีผ้าสีคาดเอวก็ได้ตามฐานะ รูปปั้นที่ชาวอินดูเคารพนับถือมีอยู่ทั่วไปขาออกมีสระน้ำใหญ่ที่เลี้ยงปลาคราฟไว้มากจนมีหลายขนาดให้ชม แวะซื้อน้ำแก้กระหาย ๑ขวดในร้านค้าของวัด ราคา ๕ พันรูเปียห์ หรือประมาณ ๒๐ บาท ขาออกเขาบังคับให้เดินผ่านร้านขายของที่ระลึกแบบวกไปวนมาจนปวดหัวที่ร้ายกว่านั้นเห็นจะเป็นแม่ค้าที่นำเสนอจนเกินจะรับได้หากคุณเธอพากันนั่งเงียบเสียบ้างคงจะขายของได้มากกว่านี้พฤติกรรมทำให้นักซื้อสมัครเล่นเดินหนีเสียมากกว่า ราคาก็ไม่แน่นอนจนกลัวจะเสียหน้าหากซื้อแพงกว่าเพื่อนฝูง เขาพามาอีกวัดหนึ่งแต่ไม่ได้ลงไปเพราะตัววัดอยู่ลึกลงไปในหุบเขาขาลงไม่หนักใจ แต่ขาขึ้นท่าจะลำบากประเมินกำลังตัวเองแล้วขอรออยู่ด้านบนชมสินค้าดีกว่า ได้เพียง ๓ จุดก็มืดแล้วจึงกลับที่พัก เย็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงต้อนรับระดับวีไอพีที่สนามของโรงแรมมีการแสดงศิลปะอินโดนีเซียให้ชม อาหารจัดเป็นซุ้ม ๆ ให้เลือกรับประทานตามใจชอบรองเลขาธิการ กพฐ. ดร.กมล รอดคล้าย และผอ.สำนักอำนวยการ คุณโรจนะ กฤษเจริญ เพิ่งเดินทางมาถึงเย็นนี้ประธานเปิดงานเป็นเลขาธิการการศึกษาพื้นฐานของอินโดนีเซียมีการแนะนำคณะจากชาติต่าง ๆ รวมทั้งไทย ประมาณ ๓ ทุ่มก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

 


วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ไม่ลงไปทานข้าวเช้าทานกล้วยน้ำหว้าอบจากชุมพร ๒ ลูกก็พออยู่ได้ จนเวลา ๐๘.๐๐ น. ลงไปขึ้นรถบัสหน้าโรงแรมเดินทางไปอีกโรงแรมหนึ่งเพื่อร่วมพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเขาจัดที่นั่งเป็นหมวดหมู่ตามประเทศที่เข้าแข่งขันมีนักการเมืองและข้าราชการผู้ใหญ่ของอินโดนีเซียมาร่วมงานหลายท่านการแสดงของนักเรียนมีอย่างต่อเนื่องสลับกับการกล่าวปราศรัยของบุคคลสำคัญหลังพิธีเปิดพวกเราได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับท่านรองเลขาธิการ กพฐ. ไปทานอาหารว่างที่เจ้าภาพจัดไว้ให้ ก่อนเที่ยงได้ติดตามท่านรองเลขาธิการ กพฐ. ไปชมภูเขาไฟอีกรอบ แต่แวะทานอาหารเที่ยงที่ร้านลือชื่อเรื่องเป็ดทอดเขานำเป็ดมาทอดกรอบให้กินกับข้าวสวยคนละจาน เป็นอาหารจานเดียวน้ำจิ้มสู้บ้านเราไม่ได้ คนไม่กินเป็ดก็มีหมูอบตัดซี่โครงยกแผ่นมาอบทั้งกระดูกและเนื้อดูแล้วก็น่ากินเหมือนกันเนื่องจากเมื่อวานมาดูไปแล้ววันนี้จึงไม่ตื่นตาตื่นใจอะไรอีก และไปแวะวัดน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามสูตรเดิมจะเพิ่มเติมคงเป็นตอนจบเพราะไปนั่งทานอาหารทะเลที่ชายหาดดูเครื่องบินขึ้นลงทุกนาที วันนี้ทั้งค่าทัวร์ค่าอาหาร ๒ มื้อเขาคิดหัวละ ๔๕ดอลล่าร์ คณะที่มี ศน.ปราโมทย์ ขจรภัยเป็นหัวหน้าไปจัดทำข้อสอบร่วมกับเจ้าภาพอีกโรงแรมหนึ่ง อาจารย์พี่เลี้ยงก็ติวนักเรียนที่จะเข้าแข่งขัน
พรุ่งนี้จะสอบแข่งขันทั้งวัน


วันพุธที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ต้มมาม่าเป็นอาหารเช้าเพราะขี้เกียจไปร้านอาหารชายหาด อาบน้ำแต่งตัวลงไปใช้อินเตอร์เน็ตที่ลอบบี้ของโรงแรมเพื่อเช็ค mail สายหน่อยสมาชิกกลุ่มห้าเสือหมายถึงผม  ผอ.โกศล ปราคำ สพป.เชียงใหม่ เขต ๑  ผอ.วิศิฏฐ์ ดุลยพัชร์  สพป.เชียงราย เขต ๑ ผอ.กิตตินันท์ โนสุ สพป.เชียงใหม่ เขต ๓และผอ.เทพรังสรรค์ จันทรังษี โรงเรียนอนุบาลสกลนคร ลงมาพร้อมตกลงใจหาแท็กซี่ไปชมศูนย์การค้าของบาหลี ค่าแท็กซี่เหมาจ่าย ๑ แสน๒ หมื่นรูเปียห์ ไปส่งที่ห้างโรบินสัน เดินดูเสื้อผ้าจนหิวข้ามถนนไปอีกฝั่งเป็นห้างสรรพสินค้าของอินโดนีเซียชื่อ Duta Plaza เป็นห้างที่ทันสมัยเทียบเท่าห้างสรรพสินค้าตั้งฮวดเส็ง บางลำพู สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนมของอินโดนีเซียที่เหมือนกันกับบ้านเราเป็นยีนส์ลีวาย นอกนั้นไม่เคยเจอ ลงไปสั่งข้าวผัดปลาเค็ม(ปลาสายไหม) ที่ชั้นล่างจานละ ๒ หมื่นรูเปียห์ ประมาณ ๑๐๐ บาทไทยจากนั้นเดินซื้อเสื้อผ้าบาติกแบบพื้นเมือง ดูหลากสีแต่หาสีที่เหมาะสมยากเพราะดูแล้วพอสวมใส่จะเหมือนคนอินโดนีเซียมากเกินไป แต่ก็ได้มา ๓ ตัวในราคาประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ รูเปียห์ ขากลับต่อรองแท็กซี่กลับโรงแรมเขาบอกราคา ๗ หมื่นฟังผิดเป็น ๗ แสน เลยขอราคาขามา ๑ แสน ๒ หมื่น มารู้อีกทีก็สายไปแล้วหัวเราะกันใหญ่ ได้แต่ปลอบใจกันเองว่า ขาไปแค่คันเดียว ขากลับใช้รถตั้ง ๒ คันที่คิดไม่ออกทำไมจึงต่อจากราคา ๗ หมื่นเป็น ๑ แสน ๒ หมื่นไปได้ห้าเสือมีมติว่าไม่เป็นไร คืนนี้แก้ตัวใหม่จะไปหาปลาดุกทอดขมิ้นกินกัน ถึงโรงแรมไปนั่งทานกาแฟชายหาดมีฝรั่งตากอากาศกันมาก ล้วนเป็นวัยเกษียณ ราคากาแฟมื้อนี้ ๑๕๒,๕๐๐รูเปียห์ สำหรับนักเรียนมีการแข่งขันประเภทบุคคลประเภททีมที่โรงแรมพาราไดน์ เย็นเดินทางไปชมกิจกรรมการแสดงของนักเรียนชาติต่างๆที่โรงแรมพาราไดน์ พวกเราห้าเสือช่วยจองที่ให้ทีมไทยเพราะนักเรียนมัวแต่แต่งตัวไม่แล้วเสร็จจนชาติอื่นแย่งเก้าอี้ไปเกือบหมด หากไม่จับจองไว้เป็นได้ยืนแน่นอนหลังจากจัดนักเรียนเข้าที่แล้ว จึงออกจากโรงแรมไปหาอาหารเย็นรับประทานสำรวจด้านหน้าโรงแรมไม่มีร้านใดเหมาะสม จึงนั่งแท็กซี่เข้าซอยโรงแรมที่พักไป ๗หมื่นรูเปียห์ เดินสำรวจสักพักก็ได้ร้านแบบ The Country มีดนตรีบรรเลงสนุกสนานฝรั่งออกมาเต้นรำตามจังหวะเพลงบ้าง สั่งอาหารและเครื่องดื่มมาทานกันคนละอย่าง แต่ไม่มีปลาดุกทอดขมิ้นให้สั่ง อิ่มแล้วคุยกันต่อจน ๕ทุ่มจึงเดินทางกลับโรงแรมที่พัก

วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ หลังทานอาหารเช้าแล้วมีนัดหมายเวลา ๐๘.๓๐ น. ให้ไปขึ้นรสบัสที่หน้าโรงแรมวันนี้เจ้าภาพจะพาไปชมศิลปวัฒนธรรมและศึกษาธรรมชาติของเกาะบาหลี นั่งรถคันที่ ๑ มีหลายชาติหลายภาษาไปด้วยกันใช้เวลาไม่นานนัก ก็ถึงโรงละครพื้นบ้านคณะ PEMAKSAN BARONG DENJALA ตั้งอยู่ที่ถนน BATABULAN - GIANYA - BALI จัดอัฒจันทร์ให้ผู้ชมนั่งลดต่ำลงไปเวทีด้านหน้าต่ำที่สุด เครื่องดนตรีอยู่ด้านข้างหลังเวทีเป็นฉากและประตูที่ทำเป็นกำแพงยอดแหลมเหมือนประตูกลในเทพนิยายซึ่งเป็นแบบเดียวกันทั้งบาหลี บารองเป็นการแสดงการต่อสู้ระหว่างปีศาจชั่วร้ายและความดี บารองเป็นคนครึ่งสัตว์ในโบราณนิยายซึ่งเป็นตัวแทนของความดีส่วนรังคาก็เป็นสัตว์ประหลาดพ่อมดหมอผีในโบราณนิยายเป็นตัวแทนปีศาจชั่วร้าย การแสดงเริ่มจากดนตรีโหมโรง ตามออกมาด้วยลิงเสือ นักแสดงชายสวมหน้ากาก ๓ คน ฉากการแสดงตกแต่งเป็นป่า ต้นปาล์ม เสือได้ฆ่าเด็กคนหนึ่งชาย ๓ คนโกรธและพยายามจะฆ่าเสือ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากลิงระหว่างการต่อสู้ชายคนหนึ่งถูกกัด ฉากแรกผู้แสดงหญิง ๒ คนปรากฏตัวเป็นสาวใช้ของรังคา กำลังมองหาสาวใช้ของ เดวี กุลวดีซึ่งกำลังจะมาพบอัครมหาเสนาบดี ฉากที่สองสาวใช้ของ เดวี กุลวดีปรากฏตัวซึ่งสาวใช้ของรังคาได้แปลงร่างเป็นปีศาจสิงอยู่ในร่างของสาวใช้เดวีกุลวดีแล้ว ทั้งหลายได้เดินทางพร้อมกับอัครมหาเสนาบดี เพื่อเข้าพบเดวี กุลวดี ฉากที่สามเดวี กุลวดี และลูกชายของเธอ ซาดีวาปรากฏตัว เดวี กุลวดีได้สัญญาต่อรังคาที่จะสละซาดีวาทันใดนั้นปีศาจก็เข้าสิงร่างของเดวี กุลวดีเธอโกรธและสั่งให้อัครมหาเสนาบดีนำซาดีวาเข้าไปในป่าอัครมหาเสนาบดีซึ่งถูกปีศาจสิงเช่นกัน เขาจึงไม่มีความสงสารซาดีวา จึงนำไปในป่าผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ฉากที่สี่ รังคา ซึ่งไม่มีใครรู้จัก พระศิวะได้ให้พรเพื่อให้ซาดีวานั้นเป็นอมตะรังคาพยายามจะฆ่าซาดีวา แต่ซาดีวาไม่ตาย จึงยอมจำนนและขอให้ซาดีวาฆ่ารังคา รังคาจึงได้ไปสวรรค์ ฉากที่ห้า สาวใช้ของรังคาออกมาขอให้ซาดีวาล้างบาปให้เช่นกันแต่เขาปฏิเสธ นางโกรธจึงแปลงร่างเป็นสัตว์แล้วหายไป แปลงร่างเป็นนกก็แพ้อีกท้ายสุดแปลงร่างเป็นรังคา ซาดีวาไม่สามารถฆ่าเธอได้ จึงเปลี่ยนร่างเป็นบารอง รังคายังมีกำลัง มาก ไม่รู้แพ้ชนะ บริวารของบารองจึงได้ช่วยเขาบินหนีจากรังคาเวลาดูไม่ได้สนใจเนื้อเรื่อง สนใจแต่ภาษาท่าทางที่สนุกสนานมากกว่าใช้เวลาดูละครประมาณ ๒ ชั่วโมง เขาให้ขึ้นรถไปชมสวนสัตว์เปิดที่ตั้งอยู่นอกเมืองเป็นถนนสี่เลนเลียบชายทะเลเลี้ยวซ้ายเข้าไปพบที่ทำการของ BALI SAFARI MARINE PARK พอถึงลานจอดรถต้องลงไปซื้อตั๋วแต่คณะที่ไปทัวร์เขาจัดให้ตั้งแต่ในรถแล้ว จึงนำตั๋วไปแสกน เพื่อผ่านเข้าไปด้านในรอรถของบริษัทที่มีประตูเปิดให้เข้าที่นั่งเท่ากับจำนวนแถวเก้าอี้นั่งผ่านเส้นทางที่เป็นป่าทึบไปยังจุดแรกที่แรกว่า Main Terminal เดินเข้าไปผ่านร้านขายของที่ระลึกไปถึงจุดแสดงของช้าง ชมการแสดงของช้างที่น่ารักน่าประทับใจในความแสนรู้ของเขาการแสดงจบต้องเดินกลับออกมาแล้วตรงไปยังสถานีรถเพื่อขึ้นรถชมสวนสัตว์เปิดอย่างใกล้ชิดเพื่อดูสัตว์ป่าที่เขาเลี้ยงไว้แบบธรรมชาติใช้เวลาประมาณ ๔๐ นาที กลับออกมาประมาณบ่าย ๒ โมง เขาพามาส่งที่โรงแรมเพื่อทานอาหารกลางวัน อิ่มแล้วนั่งทำงานที่ห้องพักจนเย็นลงไปทานอาหารแบบมองโกเลียบาบีคิวเขาให้เราเลือกตักอาหารที่ชอบใส่จานรวมกันเขาจะลงกระทะผัดรวมให้อีกครั้งหนึ่งได้รสชาติแปลกใหม่เหมือนกันอิ่มแล้วเดินเล่นชายหาด ลมเย็นสบาย ไม่เหนียวตัวเหมือนทะเลหน้าร้อนคืนนี้ไม่ได้ออกเที่ยวเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน

วันศุกร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ หลังอาหารเช้าไปขึ้นรถบัสไปโรงแรมพาราไดน์ เพื่อร่วมพิธีมอบรางวัลและปิดการแข่งขัน นักเรียนและครูจากประเทศต่าง ๆจับกลุ่มกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ในห้องประชุมเนื่องแน่นไปด้วยผู้คนพวกเราถูกเชิญไปนั่งแถวหลังประธาน แต่นั่งได้สัก ๑๐ นาที เขาก็มาขอโทษบอกว่าจัดผิดให้ไปคอยนอกห้องประชุม ลงแบบนี้ก็เข้าทางโจร ห้าเสือก็คิดการต่อจะว่าแท็กซี่ไปตลาดบันดุงในราคา๗ หมื่นรูเปียห์ แท็กซี่บอกว่าตลาดที่เราจะไปเป็นระดับ Local เกินไป พวกเราก็เด็ดเดี่ยวไปตามที่ตั้งใจตลาดบันดุงขายสินค้าจำพวกเสื้อผ้าเหมือนตลาดโบ๊เบ๊ พวกเราอยู่กันไม่นานก็ว่าจ้างรถเล็กอีกคันหนึ่งในราคา๗ หมื่นรูเปียห์ ให้ไปส่งที่ห้าง Galleria Duty Free ในย่านทางไปสนามบินรถพาวกไปวนมาในเส้นทางลัดเกือบ ๔๐ นาที ก็มาถึงห้างใหญ่ แต่สินค้าที่มีเป็นสินค้าที่เราไม่ได้สนใจเพราะเป็นพวกน้ำหอม กระเป๋า ปติมากรรม และเสื้อผ้าราคาแพงเลือกซื้อเอาบ้างตามที่พอจะซื้อได้ ขากลับโรงแรมต้องเรียกรถ๒ คัน เพราะไม่มีคันไหนยอมให้พวกเรานั่ง ๕ คน สองคันค่าโดยสาร ๑ แสนพอดี หลังอาหารค่ำที่เลยเวลาไปทาน ๒ทุ่มเพราะรอทีมใหญ่ที่ไปรับรางวัลกับนักเรียน ผลปรากฏว่านักเรียนทั้งหมดสามารถกวาด 51 รางวัล รวม 99 เหรียญ ประกอบด้วย การแข่งขันคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศระดับประถมศึกษาประเภทบุคคล รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง 3 รางวัลได้แก่ด.ช.ภัทร์ กิตติพงศ์พัฒน์ โรงเรียนอนุบาลสุธีธร จ.นครปฐม ด.ช.ธนายุทธ อัศววิญญเดชโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม กรุงเทพมหานคร ด.ช.ธนกร เลิศนิทัศน์โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ เหรียญเงิน 4 รางวัล ได้แก่ด.ช.ศิวกร เฟื่องกวินสมบัติ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กรุงเทพฯ ด.ช.เปรม วัสสานุกูล โรงเรียนแย้มสอาดรังสิต จ.ปทุมธานี ด.ช.ชวินธร สิริพิพัฒน์วรคุณ โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ด.ญ.วรารี ทรัพย์ร่มเย็น โรงเรียนราชวินิตกรุงเทพฯ เหรียญทองแดง 9 รางวัล ได้แก่ ด.ช.นญ กังวานธีรวัฒน์ โรงเรียนอนุบาลสกลนคร จ.สกลนคร ด.ญ.ธนอร บำรุงเชาว์เกษม โรงเรียนอนุบาลราชบุรี จ.ราชบุรี ด.ช.พิชิตชัย ไชยบุตร โรงเรียนอนุบาลชลบุรี จ.ชลบุรี ด.ช.มิษฎา เหมานนท์ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม กรุงเทพฯ ด.ช.นพชัย สิระนาท โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝ่ายประถม กรุงเทพฯ ด.ช.ธนกร วรมงคลโรงเรียนอนุบาลลำปาง จ.ลำปางด.ช.ธัมม์ ธรรมวิเศษ โรงเรียนอนุบาลสระแก้ว จ.สระแก้ว ด.ช.พิทวัส วิเชียรวัฒนชัย โรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ด.ช.ศุภพัฒน์ เมืองสุวรรณ์ โรงเรียนพระราม 9 กาญจนาภิเษก กรุงเทพฯ ประเภททีม คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 2 รางวัล คือ ทีม A ได้ 4 เหรียญเงิน ได้แก่ ด.ช.ศิวกร เฟื่องกวินสมบัติ ด.ช.นญ กังวานธีรวัฒน์ ด.ญ.ธนอร บำรุงเชาว์เกษม และ ด.ช.ภัทร์ กิตติพงศ์พัฒน์ และทีม B ได้ 4 เหรียญเงินได้แก่ ด.ช.ธนายุทธ อัศววิญญเดช ด.ช.เปรม วัสสานุกูลด.ช.พิชิตชัย ไชยบุตร และ ด.ช.ชวินธร สิริพิพัฒน์วรคุณ รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 1 รางวัล คือ ทีม C ด.ช.มิษฎา เหมานนท์ ด.ช.นพชัย สิระนาท ด.ช.ธนกร เลิศนิทัศน์ และด.ญ.วรารี ทรัพย์ร่มเย็น และรางวัลชมเชย 1 รางวัล คือ ทีม D ด.ช.ธนกร วรมงคล ด.ช.ธัมม์ ธรรมวิเศษ ด.ช.พิทวัสวิเชียรวัฒนชัย และด.ช.ศุภพัฒน์ เมืองสุวรรณ์ และประเภทกลุ่มบุคคล รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 3 รางวัล ได้แก่ทีม A ทีม B และทีม C และรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 1 รางวัล ได้แก่ ทีม D ส่วนการแข่งขันคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประเภทบุคคล รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง 2 รางวัลได้แก่ นายต่อพงศ์ นิธยานนท์ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝ่ายมัธยม กรุงเทพฯ และนายนราวิชญ์ อภิรมย์รักษ์ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลาเหรียญเงิน 7 รางวัลได้แก่ ด.ช.พชร นาคะยืนยงสุข โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ ด.ญ.พิริยากร พิริยะธรรมวงศ์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน กรุงเทพฯ ด.ช.ปวัตน์ แก้วฤทธิ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กรุงเทพฯ ด.ช.ฉัตรมงคล ปิ่นทอง โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ ด.ช.วิชญ์ภาส คูสกุล โรงเรียนอุดรพิทยานุกูลจ.อุดรธานี ด.ญ.อติกานต์ โสมาภา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน กรุงเทพฯ และ ด.ช.ฌาน นำชัยศิริ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยมกรุงเทพฯ เหรียญทองแดง 6 รางวัล ได้แก่ ด.ช.ธีร์งามแสงรัตน์โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน กรุงเทพฯ ด.ช.กัญจน์ นันทสมสราญ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรุงเทพฯ เด็กหญิงปัณฑารีย์ ชูศรี โรงเรียนเบญจมราชูทิศราชบุรี จ.ราชบุรี ด.ญ.ธนรัตน์ ธนขจร โรงเรียนแสงทองวิทยา จ.สงขลา นายพิพัฒน์ลือวงศ์โอภาส โรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ และด.ญ.ณัฐชนน คงไพจิตรวงศ์โรงเรียนสุรนารีวิทยา จ.นครราชสีมา ประเภททีม คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 3 รางวัล คือ ทีม A ได้ 4 เหรียญเงินได้แก่ ด.ช.ธีร์ งามแสงรัตน์ นายต่อพงศ์ นิธยานนท์ ด.ช.พชร นาคะยืนยงสุขนายนราวิชญ์ อภิรมย์รักษ์ ทีม B ได้ 4 เหรียญเงิน ได้แก่ ด.ญ.พิริยากร พิริยะธรรมวงศ์ ด.ช.ปวัตน์แก้วฤทธิ์ ด.ช.ฉัตรมงคล ปิ่นทอง ด.ช.วิชญ์ภาสคูสกุล และทีม C ได้ 4 เหรียญเงิน ด.ญ.อติกานต์ โสมาภา ด.ช.กัญจน์ นันทสมสราญ ด.ช.ฌาน นำชัยศิริ ด.ญ.ปัณฑารีย์ ชูศรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 1 รางวัล คือ ทีม D ได้ 4 เหรียญทองแดง ได้แก่ นายจิรภัทร บุนนาค ด.ญ.ธนรัตน์ ธนขจร นายพิพัฒน์ ลือวงศ์โอภาส นายภัทรเวทิน วินทะสมบัติ และทีมผสมหญิง ด.ญ.ณัฐชนน คงไพจิตรวงศ์ ได้รางวัลชมเชย และประเภทกลุ่มบุคคล รางวัลชนะเลิศแชมป์เปี้ยนคะแนนรวมสูงสุด 4 เหรียญทอง ได้แก่ ทีม A รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 2 รางวัล 8 เหรียญเงินได้แก่ ทีม B และทีม C และรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 2 รางวัล 5 เหรียญทองแดง ได้แก่ ทีม D และทีมผสมหญิง ทราบข่าวแล้วก็ขึ้นห้องพักจัดกระเป๋าเดินทางด้วยความยากลำบาก เพราะของมีเพิ่มขึ้น จัดกันหลายรอบจึงแล้วเสร็จ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นภาระมากนักจัดโน้ตบุคลงกระเป๋าใบใหญ่ ได้กระเป๋าแบบเป้เพิ่มมาอีกใบจึงพับกระเป๋าใบเล็กลงเป้ ทุกอย่างก็ลงตัวเหลือไว้เพียงชุดนอนและเครื่องแปรงฟัน ค่อยจัดอีกรอบเช้ามืด

วันเสาร์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ กินข้าวตั้งแต่ ๖ โมงเช้า เพราะมีการนัดหมายว่า ๗ โมงล้อหมุนออกจากโรงแรมไปสนามบิน ข้าวต้มบาหลีมีรสชาติหวานมันและเค็มนิด ๆ มีซอสพริกให้เลือกหลายชนิด กับแกล้มอื่นก็เลือกเอาจากอาหารฝรั่งจำพวกหมอเบคอนทอดไส้กรอก และไข่เจียว อิ่มแล้วตามด้วยกาแฟ เป็นอันเสร็จเรื่องมื้อเช้าลองชั่งกระเป๋ากับตาชั่งของโรงแรมหนัก ๒๐ กก. พอดีเท่ากับน้ำหนักที่สายการบินกำหนดให้โหลดลงเครื่อง ๗ โมงกว่าทุกคนพร้อมรถจึงไปส่งที่สนามบินงูราห์ไรน์ พวกเราจัดการกับตั๋วเครื่องบินและโหลดกระเป๋าจนเรียบร้อยก่อน ๙ โมงแต่ต้องรอเครื่องออกในเวลา ๑๑ นาฬิกาจึงมีเวลาละลายทรัพย์กันอีกรอบเพื่อใช้จ่ายเงินรูเปียห์ที่แลกไว้ให้หมดไปถั่วลิสงตราพระอาทิตย์เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด บนเครื่องมีอาหารกลางวันให้ทานเป็นเส้นหมี่ผัดกับเนื้อหรือไก่ให้เลือก ใช้เวลาเดินทางจากเกาะบาหลีถึง จาการ์ต้าร่วม ๒ ชั่วโมง สนามบินนานาชาติที่จารการ์ต้าทางเดินไกลมาก พวกเรามีเวลาจัดการเรื่องตั๋ว ตรวจคนออกจากเมือง เพียงชั่วโมงเดียวกว่าจะแล้วเสร็จก็เหนื่อย ดีที่ท่านรองฯ พนอ ทิพย์พิมลรัตน์ จาก สพป.ชุมพร เขต ๑ ช่วยรับภาระเรื่องกระเป๋าไปจึงพาสังขารขึ้นเครื่องบินกลับไทยได้ทันเวลา ใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง ๓๐ นาทีเครื่องก็ลงจอดสนามบินสุวรรณภูมิ แม้ทางเดินจะไกล เขาก็มีสายพานทางเดินให้ยืนให้เลื่อนไปเอง หรือหากเราเดินก็จะช่วยให้ถึงเร็วกว่าปกติ หลังลาพรรคพวกเข็นกระเป๋ามาประตู ๑๐ เต้ยมารับไปส่งบ้านพัก พรุ่งนี้มีเรียนที่ศาลปกครองตามปกติ

กำจัด  คงหนู

ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑

หมายเลขบันทึก: 450748เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2011 19:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2014 09:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ท่าน ผอ สบายดีนะครับ

แวะมาเยี่ยม ติดตามผลงาน และฟังเพลงเพราะๆ ครับ

ขอบคุณครับ...  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท