กาลอวสานแห่งความหวัง
ชีวิตแห่งความเป็นมนุษย์ถูกหล่อหลอมรวมกัน จากปัจจัยมิติทางด้านร่างกายและจิตใจ ที่สำคัญหรือที่เราได้รับทราบจากคำปรารภของเหล่านักปราชญ์ต่างๆที่ได้กล่าวไว้”ชีวิตของมนุษย์นั้นร่างกายแข็งแรงเพียงใด หากจิตใจไม่แข็งแรงก็ไร้ค่านัก ชีวิตจึงจำเป็นต้องยืนอยู่บนพื้นฐานแห่งความหวังและกำลังใจ ความหวังคือพลัง และกำลังใจคือทุกอย่างของชีวิต”
ด้วยนิยามดังกล่าวนั้น ความหวังจึงเป็นแก่นหรือใจความสำคัญของชีวิต สำหรับมนุษย์ในวัยหนุ่มสาว ความหวังจึงเป็นจินตนาการที่โลดแล่นอยู่ในจิตวิญญาณแห่งลมหายใจ ประดุจดั่งอากาศที่หล่อเลี้ยงสังขารและอัตตา สม่ำเสมอที่เราได้ยินอีกเช่นกันว่า นักศึกษาหรือปัญญาชน คือความหวังของสังคม คือพลังในการเปลี่ยนแปลงสังคม จริงแท้แน่นอนหรือไม่ ไม่มีคำตอบ คำตอบคือจริงและก็ไม่จริง ตามสัจธรรมที่ได้ปรากฏในสังคมแห่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต
จะกล่าวได้อีก ว่าวันนี้คือที่มาของวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันวานของวันที่แล้ว พรุ่งนี้คือที่มาแห่งอนาคต ซึ่งเป็นอดีตของวันนี้ อนาคตคือคำตอบของวันนี้กับเมื่อวานนี้และเป็นวันพรุ่งนี้ก็ได้ แต่สำหรับอนาคตนั้นเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ารูปลักษณ์และจิตวิญญาณ รูปธรรม นามธรรมเป็นไปอย่างไร อาศัยได้แค่พยากรณ์จากประสบการณ์หรือนิยามแห่งผู้ผ่านพ้นเวลามาบอกกล่าวเท่านั้น
สำหรับหลายชีวิตนั้น บางชีวิตมีความสมบูรณ์แบบและเพียบพร้อมไปทุกอย่างในชีวิต และอีกหลายชีวิตหลายคนที่ตกอยู่ในสภาพที่ตกอับ เพราะโรคร้ายที่เรียกว่าความยากจนเล่นงานเอา แต่มันก็ไม่มีกฎหมายหรืออาญาใดๆเลยสำหรับคนจน คนจนไม่ผิดอะไรในความจริง แต่ยิ่งกว่านั้นบางสายตากลับมองว่าผิดที่เกิดมา เกิดมาจน
ทั้งนี้ทั้งนั้นความรวยความยากดีมีจนอย่างไรก็มิใช่มาตรฐานวัดความดีชั่วได้เลยประการใด แต่ก็อดทนสงสัยมิได้อีกเช่นกัน ว่าความเท่าเทียมกันในชีวิตกับไม่มีเลยในความจริง เหล่านี้ล้วนมนุษย์คือผู้ถูกพิพากษาและลงทัณฑ์ คนจนกับความหวังจึงอยู่กันคนละฟากของเวลา ส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่จะหลุดพ้นก้าวข้ามทะลุมิติเวลามาหาสัจธรรมแห่งชีวิตได้
มันน่าอนาถนักสำหรับหลายคนที่ต้องการความพอดี และความมั่งมีในชีวิต ทุกคนล้วนแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าสำหรับตนเองเสมอจริงหรือไม่ ไม่มีใครที่จะยอมทนทุกข์ดิ่งลงเหวแล้วบอกว่าตนเองมีความสุข นอกเสียจากคนที่ขายศรัทธาแห่งสามัญสำนึกเท่านั้น เจตนารมณ์ดังนี้เป็นไปเพื่ออัตตาและตัณหา
ความเศร้าสร้อยได้ถูกหว่านลงไปในสังคมชนบทที่ยากไร้ เหตุใดเล่าเจ้าหนูน้อยแห่งท้องนาบ้านนอกกับไอ้ทุยหัวทื่อในท้องทุ่ง ค่าของตัวนั้นหาต่างกันไม่ มันเกิดความผิดพลาดของมาตรฐานหรือประการใดชีวิตถึงได้ละเหี่ยและอัปยศนัก เหล่านี้หาใช่ความผิดของพวกเขาและพระเจ้าของเขาไม่ แต่เป็นความผิดของความเห็นแก่ตัวและเป็นความผิดของสังคมที่ขาดการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทั้งๆที่สังคมแห่งนี้ต่างโดนขนานนามว่าดีงาม แต่เป็นเพราะประการใด
การก้าวเลยผ่านพ้นแห่งกาลปัจจุบัน ที่กำลังก้าวสู่อนาคตได้บดขยี้อดีตอย่างแหลกเหลวให้ต้องทนทุกข์ทรมานกับปัญหานานานับประการ สังคมจึงถ่อยกับสังคม และพาลไปหาเรื่องคนในสังคม
ละครชีวิตไม่ได้มีฉากจบที่สวยงามเสมอ หลายชีวิตที่ทนทุกข์ทรมานเพราะโชคชะตาหรือคำบัญชาสวรรค์ทดสอบ ตัวละครต้องจมปลักกับวังวนแห่งเศร้าโศกอย่างไม่รู้จบ ไม่มีเจตนาเลยที่เขาเหล่านั้นต้องการในสิ่งที่เขาเป็นไปหรือกำลังจะเป็น แต่ต้องยอมรับเพราะคำว่าศรัทธา สำหรับบางคนศรัทธาราคาแพงนัก ศรัทธาคือทุกสิ่งทุกอย่างของนิยามคน ศรัทธาคือความหวัง เขาเชื่ออย่างนั้น
สังคมที่มีแต่ความวุ่นวาย คนขายแรงงาน หยาดเหงื่อเพื่อแลกกับธนบัตรกระดาษสองสามใบไว้ประทังชีวิต อัตราแลกเปลี่ยนช่างอัปยศนักกับคุณค่าความเป็นมนุษย์ ละครเรื่องนี้ในสังคมนี้ช่างดำเนินไปอย่างโหดร้ายทารุณเป็นไหนๆ ทั้งที่ผู้ชมผู้เฝ้าติดตามก็ต้องมาเป็นตัวละครจำเป็นสนองความชั่วช้าของสังคม โดยผู้กำกับโฉดชั่วช้านามว่า”รัฐ”มันช่างแล้วทรามกระนั้นจริงๆ สำหรับเนื้อหาบทละครที่ดำเนินไปโดยนัยยะไร้ทิศทางที่เรียกว่า”แผนพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ”
ความรักแห่งพระเจ้ายังคงก้องกังวานอยู่ในใจและจิตสำนึก มนุษย์ยังหวังและหวังในเมตตาอย่างไม่รู้จบจักสิ้น หลายคนที่ต้องขายความศรัทธาเพราะพ่ายแพ้ต่อสภาพการณ์และใจตน และผู้ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ก็สู้อย่างหลังชนฝา หรือไม่ก็ต้องหนีเตลิดจากความเมตตาของผู้ให้ชีวิต
ฉากจบแห่งชีวิตแต่ละคน ละครแต่ละตัวช่างอนาถยิ่ง เขาตายทั้งๆที่เขายังเป็นและเดินได้อยู่ เขาโดนสังคมประชาทัณฑ์อย่างย่อยยับ เขาโดนอันธพาลที่ชื่อว่าทุนนิยมบุกทำร้ายถึงในบ้าน เขาโดนมารร้ายที่ว่าชื่อคอมมิวนิสต์มาข่มเหงจิตใจ เขาโดนมหันตภัยซาตานที่ชื่อว่าโลกเสรีและบรรษัทข้ามชาติเข้าจู่โจม และเขาโดนโลกทั้งโลกโกหกและปิดบังจากความจริง
นามธรรมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้ ใช่ความหวังก็เช่นกัน แต่ชีวิตของแต่ละบุคคลก็ไม่เคยเลยที่จะอยู่ได้หากไร้ความหวัง แต่จนแล้วจนรอด ณ บัดนี้สังคมเราความหวังถึงกาลอวสานแล้ว มันแตกละเอียดกระจัดกระจายไปทั่ว และความศรัทธาก็ล่องลอยฟุ้งในอากาศ เกิดเป็นมลพิษ ใช่แล้วมลพิษของขวัญจากซาตาน
โปรดอย่าร้องไห้อย่าร้องห่มใดๆเลยโอ้ชีวิตและพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้เป็นความผิดอันใดที่เจ้าสิ้นหวัง สำหรับวันนี้เจ้าพ่ายแพ้ และแพ้ใดๆก็แล้วแต่เจ้า แต่เจ้าก็จงรู้ไว้อีกว่า คนที่ไม่มีหวังหรือคนที่ไม่ทำอะไรเลย เขานั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่เลย เสมือนเขาได้ตายไปแล้ว จึงมีประโยชน์อะไรกับคนตายที่จะมาร้องไห้ร้องห่ม คนเป็นเท่านั้นใช่หรือไม่ที่สามารถเดินต่อไปได้
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอันใดเลยที่ท่านจะกำกับและปิดฉากชีวิตตนเองอย่างอนาถ จงหนีออกจากกองละครแห่งความฝัน และจงหวังต่อไปอย่างมีสติ แม้ว่าชีวิตย่อยยับอับจนหมดหนทาง แต่ถ้าเรามีกำลังใจชีวิตเราก็ยังหรืออยู่ และเราก็เชื่อมั่นเสมออย่างศรัทธา ว่าบทสุดท้ายและการแตกสลายของความทุกข์ยากนั้นต้องจบลงอย่างแน่นอน แม้เวลานั้นเราจะไม่มีเหลือลมหายใจอยู่ก็ตาม………. เราชนะแล้ว เราคือผู้ชนะและชนะตลอดกาล!
แด่อัตตาและเธอ
14/07/2554
ตี2.40 น.
.................................................................นายหัว......................................................
ไม่มีความเห็น