ใครจะบอกหรือยืนยันได้ว่า อะไรหรือข้อความใด "เน่าเชื่อถือ"...!
คนที่จะยืนยันหรือบอกว่าสิ่งใดน่าเชื่อถือ คน ๆ นั้นน่าเชื่อถือหรือไม่...?
การอ้างอิง การเอ่ยอ้าง บุคลากรทางวิชาการผู้มีชื่อเสี่ยง เอกสารตำราที่เขียนและขายดีลำดับต้น ๆ ของโลก สิ่งนั้นเรียกว่า "ความน่าเชื่อถือ...?"
ภูมิปัญญาไทย จะให้ใครมากำหนดว่า ถูกหรือผิด สิ่งนั้นน่าเชื่อ น่าถือ...?
Tacit knowledge ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน Story telling ที่ผันผ่านในทุกย่างก้าวจะต้องให้ใครมายืนยัน
ถ้าหากจะรอแต่ว่า สิ่งที่เราคิดนั้นจะถูกหรือผิดก็ต้องหาหลักการหรือทฤษฎีมาเทียบให้ใกล้เคียง ถ้ามีก็ถูก ไม่มีก็ผิด
ถ้าข้อเขียนมีทฤษฎีมาเทียบก็จัดว่าเป็นงานเขียนชั้นดี ถ้าไม่มีก็จัดว่าเป็นงานเขียนชั้นเลว
ถ้าระบบเป็นอย่างนี้ก็ต้องตัดคำว่า ประสบการณ์ และ Tacit knowledge ของจากสารบัญของคำว่า "ความน่าเชื่อถือ"
ความน่าเชื่อถือกำหนดเราให้อยู่ในกรอบ ถ้าหากห่วงแต่ทฤษฎีใครจะกล้าเดินออกนอกกรอบ
องค์ความรู้ที่พ่อแม่ปู่ย่าทำมาถึงเลือนหาย ก็เพราะท่านไม่มีนักวิชาการหน้าไหนไปรองรับ ภูมิปัญญาของท่านจึง "ไม่น่าเชื่อถือ"
อินเตอร์เนท เป็นเครื่องมือที่เราสามารถใช้สื่อสารความรู้แนวคิดได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว ถ้าใครสักคนนึงมีความต้องการที่จะสื่อสารสิ่งที่ตนได้คิด ได้ค้น ได้พบในวันนี้ ซึ่งเกิดจากสองมือและสองเท้า เขาควรจะมี "โอกาส" นั้นหรือไม่...?
ใครสักกี่คนจะมีความสามารถในการค้นหาและอ้างอิง เหมือนกับนักวิชาการที่เรียน Research Methodology ที่ถูกอาจารย์ที่ปรึกษานั่งจี้ตรวจแต่ "บรรณานุกรม"
ระบบการวิจัยไทย จึงสร้างคนให้เก่งในการเขียน Wording พิสูจน์ตัวอักษร และอ้างอิงโน่น อ้างอิงนี่
สุดท้าย สิ่งที่ถูกอ้างอิงต่อ ๆ กันมานั้น "น่าเชื่อถือ"
แต่สิ่งที่ออกมาจากตัวออกมาจากใจนั้น "ไม่น่าเชื่อถือ"
ความเป็นไปได้ของงานเขียนกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ที่คำนำหน้านามของผู้เขียนคนนั้น ระบบการศึกษาไทยและระบบการศึกษาโลกในความเป็นจริงเชื่อไหมว่าคนมีคำหน้านามอย่างนี้อย่างนั้นมี "ปัญญา" น่าเชื่อถือ...?
คนธรรมดาก็เลยแห่กันไปเรียนบัณฑิตศึกษา เพื่อหวังว่าจะเป็นคนไม่ธรรมดาที่มีคำนำหน้านามว่า ดร.
ระบบการเรียน ดร. ทำให้คนมี "ปัญญา" จริงหรือ...?
คนที่ทำงานจริง มีประสบการณ์จริงท้ายที่สุดก็เป็นพวก "ปัญญาชนชั้นสอง" สู้นักวิชาการที่เขียนงานแล้วอ้างอิงเก่ง ๆ ไม่ได้ ทำหรือไม่เคยทำไม่เป็นไร คำนำหน้านามหรู เขียนดี มีอ้างอิง
สุดท้ายระบบการศึกษาและวิชาการก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยในระดับบัณฑิตศึกษา ที่ทรงคุณค่าด้วยคำนำหน้าและ "บรรณานุกรม..."
1 กรกฎาคม 2554
ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
สวัสดีค่ะ
มาขอบคุณบันทึกนี้
ตรงใจพอดี
เนื่องจากกำลังจะส่งนวตกรรมชิ้นหนึ่งที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน
ทำทรายตะไคร้หอมไล่ยุง
เคยนำเสนอไปเวทีหนึ่ง ก็ถูกนักวิชาการตีเกือบล่วงค่ะ
เขาก็จะเอาผลพิสูจน์ ทดลอง ห้องแลบ ฯลฯ
เลยถามย้อนไปว่า ต้นตอมาจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาใช้กันมาจนได้ผล
แต่มาปรับปรุงให้ทันสมัย และดีขึ้นเท่านั้นเอง
แล้วภูมิปัญญาชาวบ้านน่าเชื่อถือไหม?
.........
นี่เขาก็จะให้ส่งเข้าประกวดอีก
แต่ขี้เกียจไปนั่งให้เขาโจมตีค่ะ
เสียดายความรู้สึกดีๆ ที่คิดค้นมา
ขอบคุนที่ให้ข้อมูลค่ะ :D