ขั้นตอนที่ ๑ การวิเคราะห์สถานการณ์ผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน โดยจัดประชุมกลุ่มระดมความคิด (Focus Group) ผู้เข้าประชุมประกอบด้วย พระสงฆ์ ผู้นำชุมชน ญาติผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยมีประเด็นการพูดคุย คือ สภาพของผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนเป็นอย่างไร มีความรุนแรง และมีผลกระทบต่อใครบ้าง มากน้อยเพียงใด และความคาดหวังของชุมชนต่อสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้ป่วยจิตเวชอย่างไร
ขั้นตอนที่ ๒ การวางแผนโดยชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชที่อยู่ในชุมชนมีโอกาสได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถอยู่กับครอบครัวและชุมชนได้ โดยระดมความคิดผู้เกี่ยวข้องในชุมชน ซึ่งได้จัดทำแผนและกิจกรรมการทำงาน
ขั้นตอนที่ ๓ การดำเนินงาน โดยชุมชนเพื่อชุมชน ได้แก่การจัดตั้งคณะกรรมการและกลุ่มแกนนำ ซึ่งมีพระสงฆ์เป็นประธานและมีผู้นำชุมชน/องค์การบริหารส่วนตำบล/อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน/ญาติผู้ป่วยเป็นกรรมการ ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เป็นกรรมการและเลขานุการ หลังจากนั้นมีการรอบรมให้ความรู้และฝึกทักษะการดูแลผู้ป่วยจิตเวช แก่กลุ่มนำและญาติผู้ป่วย จัดตั้งทีมรับผิดชอบดูแลผู้ป่วยในชุมชน โดยแบ่งพื้นที่ดูแลเยี่ยมบ้านให้กำลังใจให้การช่วยเหลือ จัดตั้งเป็นชมรม มีชื่อว่า “ชมรมส่งเสริมดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนโดยพระสงฆ์เป็นแกนนำ เกิดความเป็นประชาคมและรวมตัวเป็นเครือข่ายมากขึ้น มีการขยายเครือข่ายเต็มตำบล และนอกจากนั้นได้ จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน โดยจัดทอดผ้าป่าสามัคคีซึ่งเป็นการระดมการมีส่วนร่วมของชุมชนและจัดกิจกรรมประสานสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชนเพื่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีและยอมรับผู้ป่วยจิตเวชมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ ๔ การติดตามผลการดำเนินงาน โดยประชุมติดตามความก้าวหน้าทุกเดือนๆละ ๑ ครั้ง เพื่อพบปะพูดคุย ติดตามงาน และทำกิจกรรมที่ได้กำหนดไว้ โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและให้การสนับสนุนความรู้/วิชาการ/สื่อ/เทคโนโลยี พร้อมทั้งประสานหาแนวร่วมในการดำเนินงานจากภาคเอกชนและประชาชนจากเครือข่ายและองค์กรอื่นๆ เพื่อเสริมให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ ๕ การประเมินผลโดยการจัดประชุมการประเมินผลที่ผ่านมาพร้อมทั้งวิเคราะห์จุดอ่อนจุดเข็งและโอกาสการพัฒนาในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ที่ได้รับจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พบว่า
ชนได้แรงงานเพิ่ม เนื่องจากผู้ป่วยสามารถประกอบอาชีพในชุมชนได้
- ผู้ป่วยไม่กลับมารักษาซ้ำใน รพ.จิตเวช ภายใน ๒ ปี ๑๐๐ %
- ผู้ป่วยไม่กลับมารักษาซ้ำใน รพ.จิตเวช ภายใน ๑๐ ปี ๖๐.๕ %
๑.๑ ผู้ป่วยได้รับการรักษาต่อเนื่อง ไม่ขาดยา (รวมทั้งผู้ป่วยทางกายโรคอื่นๆ)
๑.๒ ผู้ป่วยมีกำลังใจ ได้ความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวและชุมชน รู้สึกอบอุ่นและมีเพื่อนที่มีปัญหาคล้ายกัน มีความหวังในชีวิต
๑.๓ ผู้ป่วยมีแนวทางการดำเนินชีวิต และวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
๑.๔ ผู้ป่วยได้รับการยอมรับจากครอบครัว ชุมชนสังคมและไม่ถูกตีตราว่าเป็นคนบ้า
๑.๕ ผู้ป่วยปรับตัวและเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมเยี่ยงคนปกติ
๑.๖ ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้ความเข้าในในการดูแลรักษาอาการทางจิตได้มากขึ้น
๑.๗ ครอบครัวมีความสามารถในการจัดการการดูแลผู้ป่วยจิตเวชได้ถูกต้องเหมาะสม
๑.๘ ลดปัญหาเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว
๑.๙ ได้รับกำลังใจจากทุกภาคส่วน ทั้งในและนอกชุมชน
๒. ชุมชน
๒.๑ ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจและยอมรับผู้ป่วยจิตเวชมากขึ้น
๒.๒ ชุมชนไม่ตีตราผู้ป่วยจิตเวช
สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาภายในชุมชน คือคนในชุมชนที่เป็นเจ้าของปัญหาต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไข และให้การยอมรับในความสามารถหรือศักยภาพที่พวกเขามี โดยเปิดโอกาสให้เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชน เมื่อถ้าเขาทำได้หรือทำไปเรื่อยๆ จากที่คนในชุมชนไม่ยอมรับ ก็จะเกิดการยอมรับขึ้นในที่สุด และจะทำให้ผู้ที่ป่วยมีสุขภาพจิตดีขึ้น