“กรมบัญชีกลาง” เผยผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 – 20 พฤษภาคม 2554 เกินเป้าหมายร้อยละ 4.49 พร้อมชี้ “ช่วงการเลือกตั้งไม่กระทบการเบิกจ่าย” ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึง ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2554 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 – วันที่ 20 พฤษภาคม 2554 เบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมจำนวน 1.29 ล้านล้านบาท
หรือร้อยละ 62.37 เกินกว่าเป้าหมายร้อยละ 4.49 (เป้าหมายร้อยละ 57.88) สำหรับรายจ่ายลงทุน เบิกจ่ายแล้วจำนวน 1.63 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 47.29 ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ 3.46 เนื่องจากมีการลงทุนโครงการใหม่ถึงร้อยละ 80 ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 จึงอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง จะเริ่มเบิกจ่ายในช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป ส่วนงบไทยเข้มแข็งเบิกจ่ายแล้ว 2.78 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 81.49 ที่เหลือคือรอเบิกจ่ายตามงวดงาน
นายรังสรรค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ซึ่งเป็นเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546-2553 จำนวน 1.83 แสนล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว 97,521.96 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.23 ในเรื่องนี้ได้รายงานคณะรัฐมนตรีทราบและเสนอแนวทางสำหรับการขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน โดยงบประมาณปี พ.ศ. 2546 –2553 ที่มีหนี้ผูกพันทุกรายการให้เบิกจ่ายได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2554 หากเบิกจ่ายไม่ทันก็ให้เงินงบประมาณพับไป และเงินงบประมาณปี 2552 - 2553 ที่ยังไม่ได้ก่อหนี้ผูกพันแต่เป็นรายการที่จำเป็น เช่น ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือ แก้ไขและฟื้นฟูหลังอุทกภัย ให้เบิกจ่ายถึงสิ้นเดือนกันยายน 2554 เช่นเดียวกัน ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณ จากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี มีผลต่อเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปีปัจจุบันเนื่องจากหน่วยงานต้องเร่งก่อหนี้และเบิกจ่ายสำหรับโครงการที่ใช้เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีก่อน
“สำหรับในช่วงระยะเวลาที่จะมีการเลือกตั้งขณะนี้ น่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแต่อย่างใด เนื่องจากโครงการต่าง ๆ ที่มีแผนในปี 2554 และได้รับจัดสรรเงินงบประมาณไว้แล้ว ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินงานได้ตามแผนงานหรือโครงการที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังเป็นภารกิจของกรมบัญชีกลางที่ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากและรวดเร็วที่สุด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดด้วย” นายรังสรรค์ กล่าว
ไม่มีความเห็น