เมื่อโอ๊ตไม่อยากเข้าห้องเรียน


การบำบัด case นี้เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากคุณครู...และคุณแม่ที่จะพยายามทำตามแผน...แห่งการบำบัด...

เช้าวันศุกร์...
พี่เบิร์ดโทรมาตั้งแต่เช้าตรู่...เพราะวันนี้ไม่ได้เข้าที่ทำงาน มีสืบพยายาม case หลาย case ที่ศาล..จึงส่งต่อ case ปรับพฤติกรรมมาให้...เป็นเด็กชายตัวน้อยๆ อายุแปดขวบ...ไม่ชอบเข้าห้องเรียน...

....
       วันทั้งวันดิฉันก็วุ่นกับงานเอกสาร...วิชาการ...จึงลืม case ...จนมาถึงช่วงบ่าย จึงได้ถามพี่นาง...พี่นางบอกว่าคุณครูจะพาน้องโอ๊ต (นามสมมติ)...เข้ามาประมาณบ่ายสามครึ่ง...ดิฉันจึงรอ..ปกติช่วงบ่ายวันศุกร์ดิฉัน..จะต้องเดินทางมาขอนแก่น..แต่วันนี้ไม่เป็นไร...รอน้องโอ๊ตก่อนดีกว่า...

       ระหว่างหลังประชุมทีม R2R เสร็จแล้วนั้น...ก็นั่งคุยกันเพลินๆ กับพี่อื๋อ...สักพักพี่นางเดินมาบอกว่า case มาแล้วจึง...ได้ไปพูดคุยทักทาย..


น้องโอ๊ต...เป็นเด็กฉะฉานเมื่อพูดคุยด้วย ขณะทักทาย ดิฉันต้องแจ้งให้น้องโอ๊ตทราบว่าพี่เบิร์ดไม่อยู่...พี่กะปุ๋มจะมาคุยกับน้องโอ๊ตแทน ...ซึ่งเราจะต้องทำอย่างนี้กันทุกครั้งที่มีการส่งต่อ case น้องก็รับทราบ...จากนั้นดิฉันก็พูดคุยเรื่อย...ถึงความเป็นไปในโรงเรียนโดยผ่านภาพเล่าเรื่อง...ที่ให้น้องโอ๊ดวาด...
...

ก่อนส่งต่อ case เราได้พูดคุยกันว่าสาเหตุแห่งปัญหาที่น้องโอ๊ต...ไม่อยากเข้าห้องเรียนคือ อะไร?

       พี่เบิร์ดได้ทดสอบ IQ ไปแล้วก็พบว่าใช้ได้ การเรียนรู้รับรู้ทางด้านสติปัญญาไม่บกพร่อง...ดิฉันมาประเมินต่อในด้าน EQ ก็โอเคใช้ได้ในภาพรวมทั้งการควบคุมอารมณ์และการแสดงออกทางอารมณ์ ... และน้องโอ๊ตก็สดใส ร่าเริง ไม่กลัวคนแปลกหน้าด้วย...คำถาม...ที่สงสัยเราก็ได้คุยกับคุณครูที่มาด้วย... คุณครูเล่าให้ฟังว่า...อาการที่ไม่เข้าห้องเรียนดีขึ้นตอนนี้...แต่ก็ยังมีบ้างที่เข้าเรียนสักพักก็เดินออกมายืนหน้าห้อง...แต่ด้วยสาเหตุใดคุณก็สุดจะหาคำตอบได้...

ดิฉันจึงยิงคำถามไปที่น้องโอ๊ตว่า..."ทำไม..โอ๊ตไม่อยากเข้าห้องเรียน..."...โอ๊ตตอบไปว่า..."มันยาก..." ...

       จากคำตอบน้องโอ๊ตเราจึงกลับมาทบทวนกันใหม่จากคำตอบที่น้องโอ๊ตมองว่าการเรียนเป็นเรื่องยาก และคุณแม่น้องโอ๊ตบอกว่า "โอ๊ตอ่านหนังสือไม่ได้ด้วย และไม่ค่อยพยายามเท่าไร"...
ถึงแม้เราจะยังไม่ฟันธงลงไปว่า...สาเหตุของปัญหานั้นมีอะไรบ้าง..แต่กระบวนการปรับพฤติกรรมเราก็ยังคงดำเนินอยู่...นั่นคือ หากน้องโอ๊ตเข้าห้องเรียนตลอดน้องโอ๊ตก็จะได้สติ๊กเกอร์รูปต่างๆ...เป็นรางวัล...(เป็นการให้แรงจูงใจทางบวก)...
...


       การสรุปถึงสาเหตุที่แท้จริงแห่งปัญหา..ตอนนี้เรายังไม่สรุป...เพราะสิ่งที่เราคิดนั้นอาจยังไม่ใช่...
แต่...น่าจะเป็นในเรื่องพฤติกรรม...ที่สะท้อนเรื่องราวในจิตใจของน้องโอ๊ตออกมา...โดยที่น้องโอ๊ตอาจไม่รู้ตัว...แต่สำหรับการบำบัด case นี้เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากคุณครู...และคุณแม่ที่จะพยายามทำตามแผน...แห่งการบำบัด...หวังว่าสักวันเป้าหมายที่เราวางไว้สำหรับน้องโอ๊ตนี้...น่าจะบรรลุคือ...การเข้าห้องเรียนตามปกติ...โดยไม่หนีออกมา...อย่างทุกวันนี้

 

หมายเลขบันทึก: 44526เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2006 07:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 12:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • สมควรปรับเปลี่นพฤติกรรมของเด็กใช่เปล่า.**ไม่ถนัดเรื่องเด็กเสียด้วย
  • โอ๊ตตอบไปว่า..."มันยาก..." ..เราต้องหาที่ง่ายให้ทำก่อน....หลอกล่อให้เด็กชอบ
  • เข้ามาอ่านก่อนไปนอน**ฝันดีนะครับ

เรียนคุณ Mr_Jod

ขอบคุณนะคะที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้...ใช่แล้วคะที่เรากำลังทำตอนนี้ คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของน้องโอ๊ตหรือที่เรียกว่า Behavior Modification...โดยใช้แรงจูงใจทางบวกมาเป็นตัวเสริมแรง...

...

ซึ่งแรงจูงใจทางบวกนั้น ต้องเป็นสิ่งที่น้องโอ๊ตชอบด้วยนะคะ...การปรับพฤติกรรมที่ว่าจึงจะได้ผล...และจากนั้นเมื่อได้ตามประสงค์จนเกิดเป็นพฤติกรรมที่ถาวรแล้ว...เราจะค่อยๆ ถอดการเสริมแรงนั้นออกคะ...

     ผมมีประเด็นจะมาแลกเปลี่ยน คือในสมัยที่เรียนประถมปลายมีเพื่อน 2 คนที่จะไม่ยอมเข้าเรียนในบางวิชา เช่นภาษาอังกฤษ(เสริม) และคณิตศาสตร์ ซึ่งเมื่อเข้าแถวตอนเช้าของวันถัดไปจะโดนตีหน้าแถวเสมอ เขาก็ยอม วันหนึ่งได้ไปวิดปลา (จับปลา) ด้วยกัน จึงได้คุยกันและสอบถาม พร้อมทั้งพูดให้เพื่อนเข้าเรียน เขาตอบผมว่า "กลัวครูถาม แล้วตอบไม่ได้ กลัวอายเพื่อน ครูก็ชอบถามแต่เขา" ผมจึงเสนอให้มานั่งข้างผม เอาไหม โดยผมไปนั่งข้างหลังกับเขาเอง แต่ขอให้เขาเข้าเรียน เพื่อนผมก็เข้าเรียนทุกครั้ง หากครูถามผมจะทำเป็นกระซิบบอกไม่ให้ครูเห็น เมื่อเขาตอบได้ และเข้าเรียนทุกครั้งครูก็ไม่ค่อยถามเขามากนักในเวลาถัดไป ทุกอย่างก็เริ่มเป็นปกติ

     ผมเชื่อว่าครูเห็นที่ผมกระซิบบอกเพื่อน และสังเกตได้ในการเปลี่ยนที่นั่งเรียนของผม แต่ครูคงเข้าใจและได้เอะใจ จึงปล่อย ๆ ผมเข้าใจอย่างนั้น เสียดายที่ผมและคุณครูไม่ได้พูดถึงในเรื่องนี้กัน จนทุกวันท่านทั้ง 2 ไม่อยู่เสียแล้วครับ

ประเด็นที่คุณชายขอบ เปิดไว้ น่าสนใจมากครับ

ผมเป็นจัดอยู่ในพวกไม่ชอบคณิตศาสตร์มาแต่เด็กแล้วครับ แต่ก็ต้องทนเข้าเรียน เรียนแบบไม่รู้เรื่อง เรียนแบบไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ เป็นอย่างนี้มาแต่เด็ก จนจบ ม.ปลาย

แต่ผมก็ทนเข้าเรียน (ที่ผมไม่ขาดอาจเพราะพ่อเป็นครู สถานะมันค้ำคอเด็กด้วยมังครับ) ตกบ้าง สอบซ่อมบ้าง หรือทำยังไงก็ได้ให้ขอแค่ผ่าน...

ผมว่าสิ่งสำคัญที่ผมเข้าเรียนและผ่านพ้นมาได้คือ การที่ผมชอบใจและประทับใจ คุณครูคณิตศาสตร์ทุกคนครับ-- ชอบใจและประทับใจว่าท่านเก่ง เก่งจนหาตัวจับยาก ชอบใจและประทับใจในความเป็นผู้ใหญ่ใจดีของท่าน (แม้ว่าท่านจะไม่ทำให้ผมชอบคณิตศาสตร์มากขึ้นแต่อย่างใด) จนถึงทุกวันนี้ไปมาหาสู่ท่านอยู่ตลอด  ผมว่าตรงนี้ก็น่าจะเป็นประเด็นสำคัญอยู่

สำคัญตรงที่ว่า คุณครูไม่รุกน้องเขามากจนเกินไป รุกแค่ถึงท้ายห้องก็พอครับ รุกมากไปกว่านั้นเขาอาจไปอยู่ข้างบ่อปลาที่ไหนสักแห่ง และถ้าไม่ได้เพื่อนอย่างคุณชายขอบละ ?

ไม่มีหลักวิชาเลยครับ ท่านKa-Poom  บอกแล้วว่าแค่แวะมาเยี่ยมชม

คุณชายขอบ....

น่าคิดคะน่าคิด...น้องโอ๊ตมีเพื่อนสนิทด้วยคะ...ตอนให้วาดภาพ มีภาพคนด้วยจึงถามไปว่าภาพใคร...น้องโอ๊ตบอกว่าเพื่อน...ท่าทางที่น้องโอ๊ตเล่าถึงเพื่อนคนนี้ดูมีความสุข...บางทีอาจต้องนำวิธีนี้ไปร่วมใช้ด้วยก็อาจเป็นได้...

...

ขอบคุณนะคะ...ที่กรุณามาต่อยอดเติมเต็มคะ...

กะปุ๋ม

คุณมงคล...

อืม...ครูรุกฆาต...เด็กอาจถอย...น่าคิดคะ...

ครูก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการพฤติกรรม...เด็ก...สำหรับน้องโอ๊ต...ตอนนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากตรงที่ว่า...เข้าเรียนทุกวิชาแต่ทนนั่งอยู่ได้ไม่นาน...ทีแรกเราก็สงสัยว่า..."สมาธิสั้นหรือเปล่า"...หากแต่พอประเมินแล้วไม่ใช่...ขณะบำบัดก็จดจ่อในสิ่งที่ให้ทำเป็นอย่างดี...จึงตัดประเด็นนี้ออกไป...แต่เรื่องนี้ก็ต้องค่อยๆ แก้ไปคะ...แค่ผลตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิมเราก็พอใจแล้วคะ...

ขอบคุณนะคะ...ที่มาร่วม ลปรร. แม้แค่แวะมาเยี่ยมชมก็ตาม....(ยิ้มๆ)

....

กะปุ๋ม

ผมเคยเป็นในกรณีการเรียนภาษาอังกฤษ สมัยเรียนป.5 ทุกอย่างก็ยังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่พอขาดเรียน 4 วันเพราะไม่สบาย ครูสอน is am are และอะไรต่อมิอะไร ที่ผมตามไม่ถึง จากที่ไม่รู้ก็กลายเป็นไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจไม่กล้าถามใครก็กลายเป็นเบื่อ เบื่อแล้วถูกยัดเยียดให้ต้องเข้าใจ(เสียที) ก็ไม่อยากจะสนใจ พอเห็นเพื่อนเรียนได้ ทำไมเราทำไม่ได้ ก็ไม่อยากเข้าห้องเรียนเพราะอายครู อายเพื่อน

ผมไม่รู้ว่าเด็กระดับน้องโอ๊ต จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ก็คงต้องเริ่มกระตุ้นที่ตัวเด็กมั้งครับ

ขอบคุณ"คุณมัชชะ"..มากนะคะ..

ที่เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้...

น้องโอ๊ตเป็นเสมือนเรื่องราวของ...ใครอีกหลายๆคน...ที่อาจทั้งเคยเจอหรือไม่เคยเจอก็แล้วแต่...

หากแต่ปัญหาใดใด...ที่เราไม่ปล่อยทิ้งหรือมองข้าม...ใส่ใจเข้าไปอีกนิด...ปัญหาที่ว่าอาจไม่ใช่ปัญหา...

โชคดีที่คุณครูน้องโอ๊ตใส่ใจในพฤติกรรมและปัญหาของเด็ก...และพาเขามาปรึกษาเราโดยไม่ปล่อยให้ทิ้งผ่านเลยไป...

กรณีของน้องโอ๊ต..

น้องโอ๊ตเข้ารับการบำบัดมาแล้ว 1 เดือนครึ่งในตอนแรกน้องเข้าเรียนแต่เดินออกจากห้องเรียนทุกครั้ง ซึ่งช่วงแรกๆคุณครูตามให้เข้าห้องแต่ต่อมาก็ปล่อยจนบอกให้คุณแม่มาลาออกเพื่อเอาน้องโอ๊ตไปเรียนที่โรงเรียนอื่น แต่บังเอิญที่โรงเรียนนี้มี Caseที่พี่เคยบำบัดอยู่ Case หนึ่งเมื่อบำบัดแล้วก็พบว่าน้องโตเบลล์ดีขึ้น ( เป็นปัญหาการควบคุมอารมณ์ ) คุณครูก็เลยแนะนำให้มาบำบัดดู ที่เลือกใช้ Behavior Modification เพราะสอดคล้องกับพฤติกรรมที่เป็นปัญหา หลังจากที่เริ่มบำบัดพบว่าน้องโอ๊ตปรับตัวได้ดีขึ้น แต่ยังมีปัญหาในชั่วโมงของคุณครู 3 ท่าน ซึ่งสอนในวิชาที่ยากและพื้นฐานของน้องไม่ดีเนื่องจากไม่ได้เรียนมาตั้งแต่ต้น ( เหมือน ตย.ของคุณชายขอบและคุณมัชชะ ) เท่าที่ทราบในตอนนี้คุณครูกับน้องพยายามปรับตัวเข้าหากันอยู่ซึ่งน้องก็ทำได้ดีขึ้น ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นและน้องโอ๊ตก็เป็น ตย.หนึ่งของความใส่ใจร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ซึ่งบางทีไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากเย็นเลยเพียงแค่ความใส่ใจ สนใจในรายละเอียดเท่านั้น , Star chart เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ผลดีในเด็กที่อายุไม่เกิน 8 ขวบ ซึ่งในกรณีนี้ Work ฮ่ะ..^ ^

สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ที่ลูกสาวมีปัญหาไม่อยากเข้าห้องเรียนเหมือนกันและตอนนี้ก็กำลังกลุ้มใจอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะว่าคุณครูก็ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเพราะครูบอกว่าครูไม่สามารถดูแลลูกเราเป็นพิเศษได้เพราะเด็กเยอะมาก ห้องละ 40 คน

ลูกสาวอายุ7ขวบอยู่ชั้นป.1 โรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ลูกไม่ชอบเรียนดนตรีไทยเพราะครูดุมาก และไม่ชอบภาษาอังกฤษเพราะฟังไม่รู้เรื่อง(ชาวฟิลิปปินส์สอน)และดิฉันก็เคยเข้าไปนั่งฟังครูสอนด้วย ครูจะถือไม้เรียว1 อันสื่อก็คือหนังสือถ้าเด็กไม่ฟังก็จะเอาไม้ฟาดกระดานดังๆให้เด็กสนใจ ดิฉันก็พอรู้ปัญหาว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ลูกไม่อยากเรียนแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ผู้ใหญ่ได้ก็เลยคิดที่จะหาวิธีที่จะอบรมลูกให้สามารถดำรงชีวิตในสถานการณ์แบบนั้นให้ได้และอยู่อย่างมีความสุขแต่ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม ใครมีคำแนะนำช่วยบอกด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ 0850131216

สวัสดีค่ะ...คุณอารีย์ฉัตรเมื่อ ส. 23 มิ.ย. 2550 @ 01:01 จาก 203.113.50.14

หากได้รับความร่วมมือจากครูนั้นจะง่ายมากขึ้นค่ะ..เพราะเวลาส่วนใหญ่นั้นเด็ก..ใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนกับครูและกลุ่มเพื่อน...

คนเรามักต้องการหาที่ที่มีความสุข...แม้แต่เด็กเองก็เช่นเดียวกัน...แสดงว่าที่เด็กไม่อยากเข้าห้องเรียนนั้นเพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นสาเหตุไม่อยากให้เข้า..เราลองพิจารณาหาสาเหตุ...จริงๆ...นะคะ...ว่าเป็นเพราะอะไร..อาจจะไม่ใช่ครูหรือโรงเรียนก็ได้..หรืออย่างไรดิฉันก็ไม่แน่ใจ...เพราะทราบข้อมูลน้อยมากค่ะ...

(^____^)

กะปุ๋ม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท