บทบรรณาธิการของ นสพ. แนวหน้า แสดงความห่วงใยผลกระทบต่อสังคมไทยจากการซื้อขายปริญญา เป็นข้อเขียนที่ดีมาก และผมขอนำมาขยายต่อว่า วงการอุดมศึกษาต้องเอาใจใส่เรื่องคุณธรรมจริยธรรมในการปฏิบัติงานของตนให้มากกว่านี้ เพราะอุดมศึกษาเป็นที่บ่มเพาะผู้นำรุ่นใหม่ออกไปทำหน้าที่ดูแลชาติบ้านเมืองในอนาคต
หากกลไกบ่มเพาะบิดเบี้ยวเสียเอง บัณฑิตที่ออกไปก็ย่อมบิดเบี้ยวไปหมด ยิ่งโดนสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวนให้ “เลี่ยงบาลีนิดหน่อย” เพื่อผลประโยชน์ บัณฑิตเหล่านี้ก็จะทำสิ่งผิดคุณธรรมจริยธรรมได้โดยไม่รู้สึกผิด ความชั่วร้ายในสังคมก็จะยิ่งระบาดหนักยิ่งกว่าที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน
ตลอดชีวิตการทำงานในมหาวิทยาลัยของผม ผมจะบอกผู้ร่วมงานอย่างตรงไปตรงมาว่า กติกาเชิงคุณธรรมจริยธรรมของการทำงานในมหาวิทยาลัยต้องเข้มงวดเคร่งครัดยิ่งกว่าสังคมภายนอก เพราะเราทำหน้าที่สร้างบัณฑิตออกไปรับใช้สังคม หากสังคมมหาวิทยาลัยย่อหย่อนด้านคุณธรรมจริยธรรม ก็จะเป็นตัวอย่างให้นักศึกษา ไม่ว่าเราจะพร่ำสอนหลักการดีเพียงไร ก็จะไร้ผล เพราะเขาจะรู้ว่าเราดีแต่พูด หรือพูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง การปฏิบัติเป็นตัวอย่างมีอิทธิพลสูงกว่าคำสอนมากมายนัก
ดังนั้น การทำผิดในลักษณะของการทุจริตในการดำเนินการมหาวิทยาลัย หากมีหลักฐานว่าเป็นการจงใจ ต้องลงโทษขั้นสูง หรืออย่างรุนแรงเสมอ ไม่มีการปรานี ผมถือหลักการนี้สมัยทำหน้าที่บริหารงานคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และดำเนินขั้นตอนสอบสวนลงโทษไล่ข้าราชการที่ทุจริตไปหลายคน แม้จะสงสาร แต่ก็ต้องทำ เพื่อดำรงสังคมมหาวิทยาลัยให้มีระดับคุณธรรมจริยธรรมสูง
ผมจึงเห็นด้วย กับการลงโทษผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการขายปริญญาหรือประกาศนียบัตร ด้วยโทษขั้นสูงสุด หากสอบสวนได้ว่า ทำผิดจริง โดยโทษนี้ต้องเป็นคดีอาญา และถือเป็นการฉ้อโกงประชาชน และประเทศชาติ
ผมเห็นว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่งไม่เอาใจใส่ตรวจสอบและขจัดเหลือบสังคมที่หากินโดยมิชอบอยู่โดยรอบกิจการของมหาวิทยาลัย มีผู้เล่าว่า ไปงานประชุมวิชาการใหญ่โตที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง และนั่งรถผ่านป้ายประกาศรับทำวิทยานิพนธ์ อยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยนั้น ที่เป็นป้ายขนาดใหญ่มาก ที่เรียกว่า คัดเอ๊าท์ ที่จริงวันนั้นผมไปด้วย แต่ไม่เห็น มิฉะนั้นจะมีรูปโปสเตอร์นั้นมาให้ดูด้วย ผมคิดว่า การที่ผู้บริหารและคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยนั้นไม่เอาใจใส่ หรือทำเป็นไม่เห็น เป็นการส่งเสริมการทุจริตทางวิชาการทางอ้อม และจะนำมาซึ่งความเสื่อมของมหาวิทยาลัยนั้น
วิจารณ์ พานิช
๒๕ พ.ค. ๕๔
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ