พระโรงงานฝีมือจัด และดีมาก เหล่านี้จะพบบ่อย ในมือของนักสะสมพระที่ไม่ค่อยพัฒนาความรู้ของตัวเอง
หลังจากผมพยายามคัดแยกพระโรงงานออกจากพระแท้ในทุกกลุ่มเนื้อที่ผมมี ทำให้ตู้และกล่องเก็บพระของผมโล่งพอสมควร ไม่เหมือนช่วงแรกๆที่ไปเหมาพระมาจากตามบ้าน ที่มีทั้งพระแท้และพระโรงงานปะปนกันมากพอสมควร
ด้วยสาเหตุมาจากความรู้ และความเข้าใจไม่ชัดเจนพอ ถามใครก็ไม่ค่อยได้ อาจจะเพราะไม่รู้เหมือนกัน หรือกลัวเราจะรู้ทันก็ไม่ทราบ
ดังนั้น อะไรที่ดูแล้วใกล้เคียงก็เก็บไว้ก่อน
แต่พอชัดเจนมากขึ้น
ก็ค่อยๆคัดแยกออกเรื่อยๆ ตามลำดับ ที่เป็นที่มาของบันทึกสรุปบทเรียน ที่ผมพยายามบันทึกมาเป็นระยะๆ
โดยเริ่มจากแยกระดับฝีมือไม่ดีชัดๆออกไปก่อน ที่กลางๆก็เก็บไว้เพื่อพิจารณา ที่มั่นใจค่อยนำเสนอสรุปบทเรียน
ดังนั้น ความแตกต่างของการพัฒนาความรู้ ก็คือความคมชัดของเส้นแบ่งระหว่างพระโรงงาน และพระแท้
วันนี้ขอเป็นบันทึกรวมแบ่งระดับฝีมือ แต่การดูเนื้อจริงๆนั้น ขอให้ย้อนไปดูบันทึกเก่าที่มีรายละเอียดทุกเนื้อ
- ทั้งเนื้อดิน ของกรุต่างๆ
- ตะกั่วสนิมแดง
- ชินเงิน
- ชินเขียว
- สำริด
- เงิน
- ทองคำ
- จนกระทั่งเนื้อผง
จุดน่าสนใจก็คือ ผมพบว่า
พระโรงงานฝีมือจัด และฝีมือดีมากเหล่านี้จะพบบ่อยมาก ในมือของนักสะสมพระที่เก็บมานาน แต่ไม่ค่อยพัฒนาความรู้ของตัวเอง
เพราะ เมื่อเราพัฒนาความรู้แล้ว เราก็จะค่อยๆคัดแยก "พระฝีมือจัด" ออกเรื่อยๆ
จนกระทั่งแบ่งเกรด เป็น
- ระดับฝีมือจัด
- ฝีมือดีมาก
- ฝีมือดี
- ฝีมือธรรมดา และ
- แบบฝีมือไม่ดี ในกลุ่มพระเก๊ดูง่าย
หลังจากนั้น ก็พยายามมาพิจารณาว่าแต่ละระดับฝีมือ เขาทำได้ถึงขนาดไหน
ในระดับฝีมือไม่ดีนั้น จะดูง่ายมาก
- ทั้งเนื้อ ทั้งพิมพ์ไม่มีอะไรใกล้เคียงเลย
-
ทั้งศิลปะที่หยาบ ไม่อ่อนช้อย
- เนื้อกระด้าง ผิวก็โปะบ้าง ขัดแต่งบ้าง พ่นทรายบ้าง สารเคมีหรือกรดกัดบ้าง
- แต่งสีแบบหยาบๆแล้วนำมาขายเป็นร้อยละ หรือองค์ละ ๒๐ ถึง ๕๐ บาท และ
- ขายดีมากที่สุดในตลาดพระ เพราะราคาถูก มีจำนวนมาก
ผู้ที่ซื้อพระเหล่านี้ไป เท่าที่ทราบและเคยเห็น ก็มักเป็นพระที่มาจากวัดต่างๆ ที่นำไปแจกพระเครื่องสมนาคุณคนทีมาทำบุญให้วัด
ผมหลงหยิบในช่วงแรกๆบ้างเล็กน้อย ส่วนใหญ่คืนจ้าของเขาไปหมดแล้ว เก็บไว้ดูไม่กี่องค์
เนื่องจากดูง่าย มีอยู่ทั่วไป และคิดว่าทุกท่านคงเคยเห็นแล้ว จึงขอข้ามไป
ในระดับฝีมือธรรมดา เริ่มจะดูยากสำหรับมือใหม่
- พิมพ์จะทำได้ใกล้เคียง แต่เนื้อมักไม่ตรงตามมวลสารของแต่ละกรุ
-
ผิวและการกร่อน หรือการเกิดสนิม ไม่ใกล้เคียง ไปไม่ได้เลย
- ทั้งมีสภาพยังใหม่ แต่พยายามทำให้เก่าด้วยการโปะ การขัดแต่งแบบหยาบๆเละๆ
พระกลุ่มนี้สามารถแยกได้ง่าย เพราะเนื้อไม่ถึง เนื้อผิดกรุ และพิมพ์มักเพี้ยนๆ ตี้นไปหรือผิดเพี้ยน ขนาดเล็กไป ใหญ่ไป
ในระดับฝีมือดี มือใหม่จะหลงง่ายมาก
- พิมพ์และตำหนิต่างๆจะทำได้ตรงตามตำราที่เขียนโดย "เซียนใหญ่" ที่วางขายในตลาดเป็นส่วนใหญ่
- มีการพัฒนาฝีมือช่างได้ดี
- งานค่อนข้างละเอียด ขายแยกเป็นองค์ๆ องค์ละประมาณ ๑๐๐ บาท
- แผงพระมักใช้ประดับแผง เผื่อให้มือใหม่หลงหยิบ
- มักจะมีรายละเอียดของศิลปะบางจุดที่ยังไม่ได้ทำ หรือช่างมองข้ามไป
- บางทีเนื้อก็ทำได้แบบใกล้เคียงมาก
- แต่ยังมีจุดสังเกตที่ระดับเซียนมักใช้คำว่า "ไม่เป็นธรรมชาติ" หรือ "ไม่ตรงตามตำรา"
ในระดับฝีมือดีมาก นักสะสมทั่วไปจะหลงหยิบเป็นประจำ
- ระดับนี้ พิมพ์และตำหนิมักจะถูกต้องตามตำราหมดทุกจุด
- โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ระดับบล็อคคอมพิวเตอร์ โอกาสพลาดน้อยมาก
- เนื้อก็ทำแนบเนียน ดูยากมาก แต่จะไม่หนึกนุ่มแบบพระแท้
- เป็นพระระดับทำทีละองค์ และลงรายละเอียดตามตำราที่มี
-
คนที่ไม่เคยเห็นพระแท้ จะคิดว่าแท้ เพราะจะเหมือนตัวหนังสือในตำราทุกรายละเอียด
- ราคาขายอยู่ที่ประมาณ ๒๐๐ บาท
- คนที่ศึกษามานานพอสมควรจะมองออกในลักษณะไม่ "สวยงาม" แบบ "ธรรมชาติ" ตรงตามศิลปะ เนื้อหา และหลักการ
ในระดับฝีมือจัด แม้แต่คนเล่นพระเครื่องมานานก็อาจยังพลาด
- เป็นพระที่ผ่านการผลิตแบบทีละองค์
- เน้นความละเอียดทั้งพิมพ์และเนื้อ ในทุกมิติ
- ทั้งความหนา สีของวัสดุและมวลสาร คราบต่างๆ สนิม
- โดยช่างจะพยายามเลียนแบบธรรมชาติเกือบทุกขั้นตอน
- แต่เป็นการเร่งปฏิกริยา หรือทำเลียนแบบธรรมชาติ ตามลำดับที่อธิบายไว้ในตำรา
- รายละเอียดใดๆในตำรา จะมีครบหมดอย่างไม่น่าเชื่อ
- ช่างฝีมือดี อ่านมาก ศึกษามาก อาจจะมากกว่านักสะสมบางคนด้วยซ้ำ
- แต่เป็นการทำแบบรวดเร็ว
- จึงทำให้ "อายุ" ของเนื้อเป็นแบบเดียว ไม่ค่อยหลากหลาย
- ผิวมักมีแบบเดียว หรือหลายแบบแต่เรียงกันไม่เป็นระบบแบบ "ธรรมชาติ"
- มีความขัดแย้งในเชิงหลักการพัฒนาการของเนื้อพระ
ฉะนั้น โดยรวม
- การดูเนื้อพระ ผิวพระ และวิวัฒนาการที่เห็น จึงสำคัญกว่าการดูพิมพ์ และตำหนิ
- เพราะ พิมพ์นั้นลอกเลียนแบบได้ง่ายมาก ในยุคคอมพิวเตอร์
- แต่ก็ต้องดูประกอบกันทั้งสองอย่าง
จึงจะปลอดภัยที่สุด
เมื่อเวลาดูพระ จึง
- ต้องค่อยๆดู
- ใช้กล้องกำลังขยายสูง
- ดูในที่มีแสงมากๆ
- ดูทีละจุด ทีละประเด็น
- ค่อยๆอ่านเนื้อ
- อ่านพิมพ์
- อ่านอายุ และ
- อ่านประวัติของพระแต่ละองค์ จากสภาพที่ปรากฏที่เนื้อและผิวพระ
- อย่าเชื่อนิทานใดๆ
- ให้ดูและอ่านจากเนื้อพระอย่างเดียว
เมื่อเริ่มเรียนนั้น
-
อย่าดูแบบเซียน
- ที่หยิบดูแบบรวดเร็ว
- ด้วยความชำนาญ
- ดูโดยรวมในเชิงศิลปะ ตำหนิ อายุของเนื้อ ความงาม และธรรมชาติ
- แบบเบ็ดเสร็จในรอบเดียว
-
มือใหม่ต้องค่อยๆไป ค่อยๆอ่าน ให้เวลาในการอ่านมากๆ
- วางทันทีเมื่อสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
-
โอกาสเก๊ มากกว่า แท้
- แม้จะแท้ก็ไม่สวย อย่าไปอาลัยอาวรณ์
- ถนอมเนื้อถนอมตัวไว้ จะเจ็บน้อย
- โอกาสยังมีอีกมาก ตราบใดที่เงินยังอยู่ในกระเป๋า
แล้วท่านจะไม่พลาดไปหยิบพระโรงงานเหล่านี้ครับ
ขอให้โชคดีครับ