กิจกรรมบำบัดศึกษาอุ่นเครื่องนศ.กบ.ชั้นปีที่ 4 ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กิจกรรมบำบัดเพื่อการส่งเสริมสุขภาพจิต ได้ผลลัพธ์ตอบโจทย์หลังจากการเรียนรู้อย่างมีชีวิตชีวา มีปัญหานำ และมีการวิพากษ์ระหว่างกลุ่มได้อย่างน่าสนใจ
KM-1st PBL
“ทำอย่างไรจะส่งเสริมสุขภาพและป้องกันด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพ
มีประสิทธิผล และคุ้มค่า”
กลุ่มที่ 1
1. กระบวนการแรกรับ ->
ญาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นอสม. หรือตำรวจ
เพื่อนำส่งสถานบำบัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วย
2. แพทย์ตรวจอาการเบื้องต้น (ภายใน 48 ชั่วโมง) พร้อมแนบ ตจ.1
- ญาติยินยอม ->
ส่งตัวไปสถานบำบัด
- ญาติไม่ยินยอม ->
ทำตามกฎหมาย
3. ประเมิน
- ไม่รับ
(กรณีที่ตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติทางจิตเวช)
-> แนะนำการส่งเสริมสุขภาพ
กิจกรรมยามว่าง กิจกรรมที่สนใจ
-> ทักษะการจัดการความเครียด
การจัดการเวลา เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต
- รับ -> การรักษาโดยทีมสหวิชาชีพ ประเมินแรกรับ
โดยประเมินตามบทบาทของแต่ละวิชาชีพ เช่น
นักกิจกรรมบำบัดประเมินความสนใจ ความสามารถ โดยดูจากบริบท เช่น
ครอบครัว อาชีพ
- ให้การบำบัดฟื้นฟู ประเมินซ้ำ
และดูความก้าวหน้าของอาการเป็นระยะๆ (ตลอดการให้การบำบัดฟื้นฟู
4. การประชุมทีมสหวิชาชีพ ก่อนการจำหน่ายผู้ป่วยออกจากสถานบำบัด
4.1 จำหน่าย
- ญาติรับ ->
ส่งเสริมอาชีพให้เหมาะสมกับความสามารถ และบริบท
-> แนะนำญาติในการดูแลผู้ป่วย เช่น การทานยา การสังเกตอาการ
เป็นต้น
- ไม่มีญาติ ->
ประสานงานกับนักสังคมสงเคราะห์ ในการส่งต่อไปยังสถานสงเคราะห์
ซึ่งเมื่อส่งต่อแล้ว จะให้คำแนะนำแก่ผู้ดูแลถึง ตัวโรค อาการ
ผลข้างเคียงของยา การรับประทานยา โดยจะมี อสม.
คอยติดตามผลและนำยามาให้ทุกเดือน
4.2 ไม่จำหน่าย ->
ทำการประเมินซ้ำโดยทีมสหวิชาชีพ
5. กรณีที่จำหน่าย -> ทีมสหวิชาชีพจะติดตามผลเป็นระยะๆ
โดยติดตามผล เดือนละครั้ง เป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นจะเป็นทุกๆ 3
เดือนจนครบ 1 ปี
แบ่งออกเป็น
- การเยี่ยมบ้าน
- การมาตามนัดของแพทย์ (ที่สถานบำบัด)
กลุ่มที่ 2
1.1
ส่งเสริมให้มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตในชุมชนเป็นประจำ เช่น
กิจกรรมผ่อนคลายความเครียด
1.2
ให้ความรู้กับคนในชุมชนเรื่องการจัดการกับผู้ป่วยทางจิตที่พบในชุมชน
เช่น ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ สถานีอนามัย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข
2.การส่งตัวผู้มีปัญหาทางจิตเข้าสถานพยาบาล
2.1 เป็นไปตามกระบวนการทางการแพทย์ของสถานพยาบาล
2.2
เมื่อผู้รับบริการมีอาการทางจิตที่ไม่อยู่ในภาวะอันตรายแล้วจึงรับเข้ารับการบริการทางกิจกรรมบำบัด
โดยเริ่มจากประเมินความสามารถในการประกอบกิจกรรม เช่น กิจวัตรประจำวัน
การประกอบอาชีพ และความสนใจในการประกอบกิจกรรม
3.การบริการ/การบำบัดฟื้นฟู
3.1 ประเมินความสามารถในการเข้ากลุ่มกิจกรรม
3.2 จำลองสถานการณ์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
3.3 นันทนาการ
3.4 ส่งเสริมอาชีพ
3.5 กิจกรรมในกิจวัตรประจำวัน
3.6 ให้ความรู้เรื่องสิทธิต่างๆ เช่น
การเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ การประกอบอาชีพ
3.7 รายงานความก้าวหน้าให้ทีมสหวิชาชีพทราบ
4.การจำหน่ายผู้รับบริการ
4.1 ประเมินก่อนการจำหน่ายออกร่วมกับทีมสหวิชาชีพ
4.2
ให้ความรู้กับญาติในกรณีที่ผู้รับบริการกลับไปอยู่บ้าน
4.3 ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
นักสังคมสงเคราะห์ในกรณีที่ผู้รับบริการไม่มีผู้ดูแล
5.การติดตามผล
5.1
สร้างความรู้ความเข้าใจในชุมชนให้ชุมชนยอมรับและเห็นความสามารถของผู้รับบริการ
5.2
ติดตามการกลับไปประกอบกิจวัตรประจำวันที่บ้านและการประกอบอาชีพ
กลุ่มที่ 3
1. สร้างทีมสหวิชาชีพ(แพทย์, พยาบาล, นักจิตวิทยา,
นักกิจกรรมบำบัด, นักสังคมสงเคราะห์) ให้เข้มแข็ง
2. ทีมสหวิชาชีพประสานงานกับหน่วยงานในชุมชน และคนในชุมชน
ในเรื่องของการให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ
เมื่อพบผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต
3. แนะนำให้ผู้นำชุมชน
จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพทางจิตร่วมกันในชุมชน และครอบครัว
4.
ทีมสหวิชาชีพสร้างทัศนคติเชิงบวกในการยอมรับและยินยอมการบำบัดฟื้นฟูของผู้รับบริการในชุมชน
5.
ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต
และผู้ดูแล
กลุ่มที่ 4
1.
การวางแผนรับผู้รับบริการสามารถทำได้ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ
- เชิงรับ : การที่พบอาการป่วยของผู้รับบริการ
แล้วมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการนำผู้ป่วยส่งต่อเพื่อรับการรักษา
- เชิงรุก: การเข้าไปสำรวจ
จัดกิจกรรม ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพจิต
เพื่อค้นหาผู้รับบริการที่คาดว่าจะพบปัญหาด้านสุขภาพจิต
พร้อมทั้งเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาอื่นๆตามมา
2. การคัดกรองผู้รับบริการแรกรับร่วมกับสหวิชาชีพ
หาปัญหาที่แท้จริงของผู้รับบริการ
เพื่อให้สามารถแบ่งผู้รับบริการได้ชัดเจน
โดยดำเนินการตามสิทธิที่ผู้รับบริการพึงได้รับตามหลัก
พรบ.ส่งเสริมสุขภาพจิต 2551 โดยแบ่งเป็น
- ผู้ป่วยใน
เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมในโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยนอก
3.
การฟื้นฟูผู้รับบริการตามบทบาทของแต่ละสหวิชาชีพ
โดยนักกิจกรรมบำบัด
จะมีบทบาทในการประเมินเพื่อค้นหาความสามารถ
และความสุขในแต่ละบุคคล
จากนั้นจึงให้สื่อการรักษาทางกิจกรรมบำบัด
ที่ผ่านการวิเคราะห์อย่างเหมาะสมตามปัญหา ความต้องการ
และบริบทของผู้รับบริการ
เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามศักยภาพที่ตนเองมีอยู่
4. การจำหน่ายผู้รับบริการออก
ต้องผ่านการประชุมร่วมกับทีมสหวิชาชีพ
เพื่อยืนยันว่าผู้รับบริการพร้อมที่จะออกไปใช้ชีวิตในสังคมได้
รวมทั้งคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการเมื่อออกจากโรงพยาบาลหรือสถานรักษา
( เช่น ที่อยู่อาศัย
การติดตามผลการรักษา การประกอบอาชีพ ฯลฯ )
5. ส่งเสริมชุมชนให้เข้มแข็ง
สามารถช่วยเหลือผู้รับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาสุขภาพจิต
สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับผู้รับบริการเพื่อให้คนในสังคมยอมรับ
การเฝ้าระวังการเกิดอาการซ้ำและติดตามผลการรักษา
โดยให้ชุมชนและครอบครัวเป็นแกนนำหลัก
กลุ่มที่ 5
ให้ความรู้ทางจิตเวชในครอบครัวและชุมชนให้ทราบถึงอาการเบื้องต้น
และวิธีที่จะส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทางสถานพยาบาล
2.เมื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล
- ให้ความรู้กับครอบครัวในเรื่องของโรคทางจิตเวช
เพื่อให้ครอบครัวเข้าใจและยอมรับในตัวผู้ป่วย
- ให้ความรู้ทางด้านสิทธิผู้ป่วยจิตเวชให้กับครอบครัว
-
ให้การบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยร่วมกับทีมสหวิชาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยผ่านการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทีมสหวิชาชีพที่ให้บริการแก่ผู้รับบริการทางจิตเวชแต่ละราย
3. ก่อนจำหน่ายภายใน 30 วัน
- ประเมินความสามารถและความสนใจ
-
วางแผนกิจกรรมที่มีความหมายหรือกิจกรรมการทำงานที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
ภายใต้บริบทที่ผู้ป่วยอาศัยอยู่ เช่น
ส่งเสริมเรื่องกิจวัตรประจำวัน
ในเรื่องการจัดการยาและการจัดการเวลาของผู้ป่วย
- ให้ผู้ป่วยทดลองกลับไปใช้ชีวิตประจำวันที่บ้าน
โดยมีครอบครัวและเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้คำแนะนำ
4. ระบบการป้องกันดูแลผู้ป่วยหลังจากจำหน่าย
-
ให้กลุ่มอาสาสมัครในชุมชนคอยดูแลผู้ป่วยในการใช้ชีวิตในชุมชนและสามารถติดต่อประสานงานกับทางโรงพยาบาล
เมื่อผู้ป่วยมีอาการทางจิตเวชอีกครั้ง
- มีสายด่วน ในการให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยและครอบครัว
โดยนักกิจกรรมบำบัดและสหวิชาชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มที่ 6
นักกิจกรรมบำบัดวิจัยและพัฒนาแบบคัดกรองเกี่ยวกับผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิตที่เข้ากับบริบทของชุมชนและร่วมกับหน่วยงานด้านสุขภาพภายในชุมชน
เพื่อดำเนินการคัดกรองผู้ป่วย
lนักกิจกรรมบำบัดร่วมกับพยาบาลด้านจิตเวชจัดทำโครงการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยจิตภายในชุมชน
(จากข้อมูลที่ได้จากการคัดกรอง) เช่น
สำรวจกลุ่มอาการทางจิตที่สำคัญในชุมชน
วางแผนการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพจิตในชุมชน
นักกิจกรรมบำบัดจัดอบรมให้กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชุมชน
ในเรื่องการจัดกิจกรรมกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช เช่น
กิจกรรมกลุ่มเพื่อส่งเสริมแรงจูงใจ
กิจกรรมกลุ่มเพื่อผ่อนคลายความเครียด เป็นต้น
lนักกิจกรรมบำบัดส่งเสริมให้คนในชุมชนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอาการทางจิตเวช
พร้อมกับยอมรับและสามารถอยู่ร่วมกับผู้ป่วยทางจิตได้
ประเมินความเครียดในชุมชน
พร้อมกับการส่งเสริมสุขภาพจิตโดยให้คำปรึกษา
สอนการผ่อนคลายความเครียดด้วยตนเอง
และการป้องกันปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด