หอคอยที่สูงที่สุดในโลก-เห็นปัจจุบัน... ปลงอดีต...มองอนาคต
หอคอยที่ถ้าดูจากฟ้าลงมาคือดอกบัวที่ซ้อนกลีบกัน
ด้วยความที่ดินแดนนี้มีอายุย้อนไปได้ไกลแสนไกลในอดีต เป็นอู่อารยะธรรมที่เก่าแก่ของโลก ทุกวันนี้ในเดลีและในเมืองใหญ่ของอินเดียจึงมีโบราณสถานมากมาย ที่ค้นพบแล้วก็มาก ที่ยังไม่ได้ค้นพบก็นับไม่ถ้วน ที่ได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกโลกก็มีตั้ง 15 แห่ง รอเสนอและขึ้นทะเบียนอีก...... ในเดลีมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวก็คือ Red Fort พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ Old Delhi ตลาดเก่าของเดลี สุสานของกษัตริย์มุสลิมหุมายุน Humayun Tomb และน Qutub Munar วันนี้ได้โอกาสดีจึงจะพาไปชมกุตับ มีนาร์ หอคอยโบราณสถานที่ผสมผสานศิลปะทั้งของฮินดูและมุสลิมและเป็นที่ยอมรับว่าสูงที่สุดในโลก
กุตับมีนาร์ (กุตับ-ชื่อของกษัตริย์ กุตับอุดดินไอบัก มีนาร์-หอสูง) หรือเดิมชื่อ ปฤถวีสตัมภ์ (ปฤถวี-ชื่อของกษัตริย์ฮินดู สตัมภ์-เสา) เป็นหอสูงที่น่าจะถือเป็นเครื่องหมายของเดลี เป็นถาวรวัตถุที่มีความงามได้สัดส่วน ภายนอกเป็นหินทรายสีแดง สร้างเป็นลูกฟูกขึ้นไปอย่างเกลี้ยงเกลา ซึ่งได้มีการสร้างต่อกันขึ้นไปหลายทอด หลายยุคสมัย แต่ละลูกฟูกจารึกเป็นอักษรอาระบิกจากบทสวดในพระคัมภีร์โกหร่าน
เดิมพระเจ้าปฤถวีราช กษัตริย์ฮินดูทรงสร้างหอไว้สูงเพียง 95 ฟุต เพื่อให้ธิดาขึ้นไปดูแม่น้ำยมุนาอันศักดิ์สิทธิ์ในขณะสวดมนต์ ต่อมากษัตริย์กุตับอุดดินไอบัก ( Qutub ud-din Aibak) ซึ่งเป็นกษัตริย์มุสลิม ได้ปรับปรุงในปี พ.ศ. 1743 จากนั้นกษัตริย์องค์อื่นในราชวงศ์เดียวกันได้สร้างต่ออีกสองครั้ง ในปี พ.ศ. 1753 และ พ.ศ. 1779 กษัตริย์ฟิโรซ ชาห์ แห่งราชวงศ์ตุกลัขได้เสริมต่อจนเป็นรูปอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นศิลปกรรมแบบมุสลิมผสมฮินดูที่หาดูได้ยาก ความสูงของหอนี้รวมทั้งหมด 238 ฟุต แบ่งออกเป็น 5 ชั้น ภายในโปร่ง มีบันไดขึ้นไป 379 ขั้น
กับซากสลักหักพังที่เป็นธรรมดา....เช่นเดียวกับสังขาร
มีระเบียบบังคับว่าคนคนเดียวขึ้นไปไม่ได้ เพราะมีคนเคยขึ้นไปกระโดดฆ่าตัวตายบ่อยๆ จึงยอมให้คนอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป แต่ในปัจจุบันมีระเบียบห้ามขึ้นไปข้างบนหอคอย
ในบริเวณกุตับมีนาร์ มีถาวรวัตถุเป็นศิลปะฮินดูเดิม แล้วมุสลิมมาสร้างเสริมเติมแต่งให้ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมของคนไปเยี่ยมชมไม่แพ้หอกุตับมินาร์ คือ เสาเหล็ก ทำด้วยเหล็กอย่างดีไม่เป็นสนิม เข้าใจว่าสร้างขึ้นใน พ.ศ. 800 หลังสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ที่เสามีคำจารึกเป็นภาษาสันสกฤต เป็นคำบูชาถวายพระวิษณุ การฝังเสาทำได้แน่นหนามาก เล่ากันว่ากษัตริย์มุสลิมพยายามเอาปืนใหญ่ยิงใกล้ ๆ ยังไม่โค่นไม่ร้าวแต่อย่างใด รอยเสาที่ถูกปืนใหญ่ ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ ความสูงของเสานี้ 32 ฟุต 8 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 16 นิ้ว เป็นที่เชื่อกันว่า ถ้าใครเอาหลังพิงเสานี้ แล้วเอาแขนโอบทางเบื้องหลัง จนมือจับกันได้ ถือว่าเป็นคนซื่อสัตย์หรือมีบุญวาสนา หรือหากทำดังนั้นแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ความปรารถนาใดๆ ที่ขอจะสัมฤทธิ์ผล ปัจจุบันทางการได้สร้างรั้วเหล็กล้อมเอาไว้ ห้ามคนเข้าไปสัมผัสกับเสาเหล็ก
ได้อะไรการไปชมโบราณสถานเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นของฮินดู มุสลิมหรือพุทธก็ตาม นอกจากความงามที่ยังคงหลงเหลืออยู่แล้ว ผมมักจะมองเห็นซากปรักหักพังของวัตถุซึ่งในแง่หนึ่งก็คือก้อนอิฐ ก้อนหิน ดินทรายที่คนนำมาสร้างใช้ประโยชน์ แต่ในขณะเดียวกันสิ่งซากปรักหังพังเหล่านี้ก็มีคุณค่าตรงที่มีเรื่องราวอยู่ในสิ่งนั้น ความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานจึงอยู่ที่เรื่องราวต่างๆ นั้นด้วย
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง ผมมองเห็นปัจจุบัน เห็นแล้วก็อดที่จะปลงธรรมสังเวชไม่ได้ ปลงกับในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องเสื่อมโทรม แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ผู้สร้างความยิ่งใหญ่ทั้งหลายตายไป จะเหลือก็เพียงเรื่องราวและสิ่งก่อสร้างทิ้งไว้ ซึ่งจะยิ่งใหญ่หรือไม่นั้นอยู่ที่คนรุ่นหลังๆ จะพิจารณาตัดสินและยอมรับกัน สุสานหลายแห่งในอินเดียถูกทิ้งร้างเงียบเหงาไม่มีใครสนใจไปชมในขณะที่สุสานบางแห่งก็มีคนแห่กันไปชมมากมาย ทั้งที่ก็เป็นสุสานเหมือนกัน นี่ถ้าเป็นสุสานของศาสนาอื่นๆ เช่นคริสเตียน คนจีนหรือแม้แต่ป่าช้าของบ้านเรา จะมีคนยังไปเที่ยวชมความงามหรือไม่
เมื่อมองเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็อดที่จะปลงธรรมสังเวชและมองอนาคตข้างหน้าต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่อยู่ชั่วนิรันดร์เช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์เรา จะเห็นแก่ตัว แย่งชิงอำนาจ ลาภ ยศ ตำแหน่ง สมบัติกันไปถึงไหน ไม่รู้หรอกหรือว่าหากตายไป ณ วินาทีนี้ ก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลย นอกจากบุญและบาป และความหลงจากอวิชชาที่มักมีแรงยึดติดสูงกว่าปัญญา......ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางในอนาคต
ผมก็เพียงอยากจะชมโบราณสถานและสุสานแล้วให้ได้อะไรที่เป็นบุญกุศลและเกิดปัญญาเพิ่มเติมจากการถ่ายภาพสวยๆงามๆเท่านั้น
เจริญสุขครับ
อ่านข้อเขียนของคุณพลเดชแล้วก็เห็นด้วย เข้าใจอย่างมากๆ โดยเฉพาะคำที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่อยู่ชั่วนิรันดร์เช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์เรา จะเห็นแก่ตัว แย่งชิงอำนาจ ลาภ ยศ ตำแหน่ง สมบัติกันไปถึงไหน ไม่รู้หรอกหรือว่าหากตายไป ณ วินาทีนี้ ก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลย
วันนี้น้าจ้าเพิ่งได้คุยเรื่องแบบนี้กับลูกค้าที่ธนาคาร กลับมาบ้านก็ได้มาอ่านข้อเขียนของคุณอีก ดีจังเลย ฝรั่งหลายๆคนที่น้าจ้าคุยด้วย หลายๆคนเขาก็จามีความคิดเหมือนแบบที่เราคิดกันเนี่ยละคะ.
ชอบชีวิตที่สูงอายุขึ้นของตัวเองจังเลยค่ะ เพราะจิตใจมันสงบขึ้น และก็เป็นแบบที่คุณพลเดชพูดค่ะ เห็นปัจจุบัน ปลงอดีต มองอนาคต.
น้าจ้าครับ
ชีวิตสูงอายุก็หมายความว่าเหลือเวลาไม่มากครับ หมายความว่าการเดินทางนี้กำลังจะต้องเปลี่ยน การเดินทางเส้นใหม่กำลังจะมาถึง มีคนบอกว่าเราก็ต้องเตรียมตัวเดินทางเส้นใหม่ด้วยความสง่างาม ก็จริงครับ เมื่อเราเต็มที่กับชีวิตนี้แล้ว ก็คงไม่เพียงพอ คงต้องเตรียมตัว เตรียมเสบียงกับเส้นทางใหม่ด้วย
ผมว่าเรื่องเสบียงนี้เราต้องขวนขวายเรียนรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเตรียมได้คุ้มที่สุด ผมก็พอจะรู้ๆ บ้างแล้วครับ อยู่ที่ว่าเวลาที่ยังมีลมหายใจอยู่นี้ เราจะทำจะหาจะสะสมได้มากน้อยเพียงใด...การที่เราสนทนากันก็ถือว่าเป็นการซักซ้อม ทบทวนวิชาก่อนเข้าห้องสอบครับ :)
มะปรางเปรี้ยว. ขอบคุณครับที่ให้ดอกไม้เป็นกำลังใจ
ลองเล่นคริกเก็ตไหมครับ
ขอบคุณ ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ สำหรับดอกไม้กำลังใจนะครับ