นอกจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แล้วยังมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่ได้จัดการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยในปี 2550 ไว้อีกด้วย โดยได้แบ่งระดับการประเมินออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ ระดับ 5 ดีมาก, ระดับ 4 ดี, ระดับ 3 ปานกลาง, ระดับ 2 ควรปรับปรุง, และระดับ 1 ต้องปรับปรุงโดยด่วน
โดยใช้ตัวชี้วัด 3 ตัว ได้แก่
1.ความสามารถเฉลี่ยของอาจารย์ในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เทียบเท่ากับระดับนานาชาติ
2.ความสามารถของอาจารย์ในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่มีคุณภาพในด้านการได้รับการอ้างอิง
3.ความสามารถของหน่วยงานในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เทียบเท่ากับวารสารระดับนานาชาติ
ซึ่งผลการจัดระดับคณะ/สาขาที่ได้รับผลประเมินระดับ 5 ในตัวชี้วัดที่ 1
คือคณะ/สาขาที่ความสามารถเฉลี่ยของอาจารย์ในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เทียบเท่ากับระดับนานาชาติ อยู่ในระดับดีมาก ได้แก่
•วิศวกรรมศาสตร์: สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์
•วิทยาศาสตร์: สถาบันอณูชีววิทยาและพันธุศาสตร์ ม.มหิดล, คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล, สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ ม.สุรนารี
•เกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร/ประมง/ทรัพยากรธรรมชาติ: คณะอุตสาหกรรมเกษตร ม.สงขลานครินทร์, คณะทรัพยากรธรรมชาติ ม.สงขลานครินทร์
•เทคโนโลยี/พลังงาน/วิทยาการสารสนเทศ: บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มท.พระจอมเกล้าธนบุรี, คณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ มท.พระจอมเกล้าธนบุรี
•แพทยศาสตร์/เวชศาสตร์เขตร้อน: คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
•เภสัชศาสตร์: คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
•วิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ส่วนคณะ/สาขาที่ได้คะแนนระดับ 5 ในตัวชี้วัดที่ 2
คือคณะ/สาขา ที่ความสามารถของอาจารย์ในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร วิชาการระดับนานาชาติที่มีคุณภาพในด้านการได้รับการอ้างอิง อยู่ในระดับดีมาก:
•วิศวกรรมศาสตร์: สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์
•วิทยาศาสตร์: สถาบันอณูชีววิทยาและพันธุศาสตร์ ม.มหิดล
•เกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร/ประมง/ทรัพยากรธรรมชาติ: คณะอุตสาหกรรมเกษตร ม.สงขลานครินทร์
•เทคโนโลยี/พลังงาน/วิทยาการสารสนเทศ: บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มท.พระจอมเกล้าธนบุรี
•แพทยศาสตร์/เวชศาสตร์เขตร้อน: คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล
•เภสัชศาสตร์: คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
•วิทยาศาสตร์การแพทย์: คณะเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล
คณะ/สาขาที่ได้คะแนนระดับ 5 ในตัวชี้วัดที่ 3
คือคณะ/สาขาที่ความสามารถของหน่วยงานในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เทียบเท่ากับวารสารระดับนานาชาติ อยู่ในระดับดีมาก:
•วิศวกรรมศาสตร์: สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
•วิทยาศาสตร์: คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล, คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
•เกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร/ประมง/ทรัพยากรธรรมชาติ: คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, คณะทรัพยากรธรรมชาติ ม.สงขลานครินทร์
•เทคโนโลยี/พลังงาน/วิทยาการสารสนเทศ: คณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ มท.พระจอมเกล้าธนบุรี
•แพทยศาสตร์: คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
•เภสัชศาสตร์: คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
•วิทยาศาสตร์การแพทย์: คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
เป็นที่น่าสังเกตว่าข้อมูลที่ทั้งสามหน่วยงานนำมาใช้ในการสำรวจครั้งนี้ ได้มาจากแต่ละมหาวิทยาลัยที่เป็นผู้ให้ข้อมูล ซึ่งก่อให้เกิดการตั้งคำถามว่า จะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าข้อมูลที่ทางมหาวิทยาลัยแจ้งแก่หน่วยงานในการให้คะแนนเพื่อจัดอันดับหรือจัดระดับนั้นมีความถูกต้องตามความจริง เพราะเกรงว่าบางมหาวิทยาลัยอาจให้ข้อมูลที่บิดเบือนออกไปเพื่อเป็นการทำให้มหาวิทยาลัยของตนได้คะแนนเพิ่มในบางตัวชี้วัด ซึ่งหากเกิดกรรีดังกล่าวก้จะส่งผลต่อความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของผลการจัดอันดับและการจัดระดับด้วยเช่นกัน
นอกจากหน่วยงานทั้งสามที่มีการจัดระดับและอันดับของคณะ/สาขา ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยแล้ว ยังมีองค์กรหรือหน่วยงานอื่นที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อใช้ในการจัดอันดับสาขาวิชา ที่มีการเรียนการสอนในบางมหาวิทยาลัย เช่น เวบไซต์ www.urank.info ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นของบุคคลทั่วไปต่อความนิยม และความเชื่อมั่นในคุณภาพการเรียนการสอนของคณะและสาขาในแต่ละมหาวิทยาลัยและมีการจัดอันดับจากคะแนนที่ได้มาจากผลสำรวจความคิดเห็นดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีนิตยสาร BrandAge ที่ทำการสำรวจและจัดอันดับ Thailand’s Most Admired Brand ตั้งแต่ ปี 2002 โดยมีหัวข้อที่สำรวจและจัดอันดับเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยระดับ MBA ที่น่าเชื่อถือที่สุดไว้ด้วย โดยในปี 2011 นั้น หลักสูตร MBA ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นอันดับที่สอง นิตยสาร Reader’s Digest เองก็ได้ทำการสำรวจ Reader's Digest Asia Trusted Brands Survey ในด้านต่างๆ มีการแบ่งรางวัลจากผลสำรวจออกเป็นสองระดับคือ ระดับ Platinum ซึ่งเป็นระดับสูงสุดและระดับรองลงมาคือ Gold ซึ่งหัวข้อหนึ่งเกี่ยวกับด้านองค์กรที่ให้การบริการก็มีการจัดระดับมหาวิทยาลัยไว้ในหัวข้อนี้ด้วย โดยในปี 2010 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับรางวัลในระดับ Platinum และมีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับรางวัลในระดับ Gold ซึ่งก็ถือว่าเป็นการจัดระดับมหาวิทยาลัยที่มาจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อความเชื่อถือในคุณภาพของมหาวิทยาลัยนั่นเอง
การจัดอันดับหรือจัดระดับของมาหวิทยาลัยในประเทศไทยไม่ควรเทียบเคียงกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยด้วยกันเองเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดการที่ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ การศึกษาของไทยเองก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถแข่งขันกับการศึกษาในประเทศอื่นๆได้เช่นกัน ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยจะต้องพัฒนาให้สามารถแข่งขันกับมหาวิทยาลัยอื่นในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้ได้เช่นกัน ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นการสำรวจเพื่อประเมินคุณภาพและจัดระดับ/อันดับของมหาวิทยาลัยในประเทศเท่านั้น การจัดอันดับมหาวิทยาลัยยังมีการจัดอันดับกันในระดับภูมิภาคและระดับโลกอีกด้วย ซึ่งการจัดอันดับดังกล่าวจะทำให้ทราบว่ามหาวิทยาลัยของไทยนั้นอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ของโลก และจะสามารถแข่งขันกับมหาวิทยาลัยในประเทศอื่นๆได้หรือไม่ และมหาวิทยาลัยของไทยจะต้องมีการพัฒนาในด้านใดอีกบ้างนั้น จำเป็นต้องอาศัยตัวชี้วัดจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลกเข้ามาเป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยด้วย
ไม่มีความเห็น