มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน
มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน

คำถามคาใจ


ด่านตรวจแห่งนี้ขึ้นชื่อด้านความเข้มงวดในการตรวจตราไม่ให้ผู้ลี้ภัยเดินทางออกจากแค้มป์ แล้วสิ่งที่เรากลัวก็เป็นจริง เจ้าหน้าที่เรียกให้รถหยุด ผมคิดอยู่ในใจว่า "แย่แล้วคราวนี้"

คำถามคาใจ 

 

โท่ดิ้โบ

 

งานปีใหม่ เป็นงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ที่ชาวกะเหรี่ยงต่างรอคอย งานนี้จะเปลี่ยนสถานที่จัดไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในรัฐกะเหรี่ยง ทั้งคนกะเหรี่ยงทั้งในประเทศพม่าที่อยู่ใกล้สถานที่จัดงาน และผู้ลี้ภัยที่พลัดถิ่นมาอยู่เมืองไทย ต่างก็อยากไปร่วมงานนี้เพื่อแสดงความสามัคคีของชนชาติ เมื่อสามปีที่ผ่านมามีการจัดงานปีใหม่ขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้กับแค้มป์ที่ผมพักอาศัยอยู่ ผู้ลี้ภัยหลายคนจึงแสดงท่าทีว่าอยากจะเดินทางไปร่วมงานนี้อย่างออกหน้าออกตา

แม้พวกเราจะรู้อยู่แก่ใจว่ามีกฎห้ามไม่ให้ผู้ลี้ภัยเดินทางออกนอกที่ปลอดภัยแห่งนี้ แต่ผู้ลี้ภัยหลายคนก็ยืนยันว่าจะเดินทางออกไปให้ได้ เมื่อใกล้วันงาน การลักลอบออกนอกค่ายผู้ลี้ภัยจึงเกิดขึ้น บางคนโชคร้ายถูกเจ้าหน้าที่จับส่งตัวไปขังที่เรือนจำแม่สอด แล้วถูกส่งตัวไปยังจังหวัดเมียวดีประเทศพม่า แต่บางคนก็โชคดีเดินทางไปถึงหมู่บ้านที่จัดงานได้ตลอดรอดฝั่ง และได้ร่วมฉลองวันปีใหม่ของชนชาติตัวเอง

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่แอบออกไปร่วมงานปีใหม่ในครั้งนั้น โชคดีที่ผมและเพื่อนสามารถเดินทางไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ไม่ถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจบัตรประชาชน พวกเราได้ร่วมงานปีใหม่ด้วยความยินดี หลังงานเลิกผู้คนต่างเดินทางกลับบ้านของตัวเอง ผมและเพื่อนข้ามแม่น้ำเมยมายังฝั่งไทยแล้วจึงจับรถโดยสารกลับแค้มป์ ระหว่างทางเราทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานเสียงดังลั่นรถ

ก่อนจะถึงค่ายผู้ลี้ภัยผมและเพื่อนมองเห็นด่านตรวจอยู่ลิบ ๆ เสียงพูดคุยหัวเราะของเราค่อย ๆ จางลง จนเงียบไปในที่สุด ด่านตรวจแห่งนี้ขึ้นชื่อด้านความเข้มงวดในการตรวจตราไม่ให้ผู้ลี้ภัยเดินทางออกจากแค้มป์ แล้วสิ่งที่เรากลัวก็เป็นจริง เจ้าหน้าที่เรียกให้รถหยุด ผมคิดอยู่ในใจว่า "แย่แล้วคราวนี้"

เมื่อรถหยุด เจ้าหน้าที่เรียกให้ทุกคนลงจากรถและแสดงบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่ตรวจดูบัตรประชาชนของผู้โดยสารทีละคน... ทีละคน... ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงผมกับเพื่อน เมื่อรู้ว่าเราไม่มีบัตร เจ้าหน้าที่ก็แยกเราทั้งสองออกมาจากกลุ่มผู้โดยสาร ผมกระซิบกับเพื่อนว่า "ตายแน่แล้ว เขาจะเอาเราไปขังไว้ที่ไหนก็ไม่รู้" ไม่นานนักรถโดยสารที่บรรทุกผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ แล่นผ่านหน้าเราไป ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง

นาฬิกาข้อมือบอกให้รู้ว่าผมและเพื่อนนั่งอยู่ที่ด่านตรวจนี้เกือบสองชั่วโมง กระทั่งเจ้าหน้าที่สองคนเข้ามาถามเราว่า "พวกแกสองคนไม่รู้หรือว่า การที่ออกมานอกแค้มป์แบบนี้มันมีความผิด" เราทั้งสองพยักหน้ายอมรับ เจ้าหน้าที่จึงให้เราชดใช้ความผิดด้วยการทำความสะอาดบริเวณด่านตรวจนั้น และตักน้ำจากลำห้วยมาเติมอ่างน้ำในห้องน้ำให้เต็ม ผมและเพื่อนดีใจมากที่รู้ว่าเราจะไม่ถูกส่งตัวไปฝั่งพม่า จึงรีบทำตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่อย่างแข็งขัน จนงานเสร็จผมและเพื่อนจึงถูกปล่อยตัว วันนั้นผมคิดว่าตัวเองโชคดีมาก เพื่อนฝูงหลายคนที่ได้รู้เรื่องของผมก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

แต่วันนี้ เมื่อมองย้อนกลับไป ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โชคดีเท่าไรนัก สามปีที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้ชีวิตและเข้าใจความเป็นอยู่ที่นี่ ได้เรียนรู้เรื่องสิทธิและกฎหมายไทย ผมได้เห็นผู้ลี้ภัยที่ถูกจับได้รับการปล่อยตัวเมื่อหัวหน้าแค้มป์เป็นผู้รับรองว่าคนคนนั้นเป็นผู้ลี้ภัยจริง ในวันที่ผมต้องรับโทษทำความสะอาดด่านตรวจ ผมรู้ว่าผมทำผิด  ผมรู้ว่าเจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ที่จะจับผม แต่ผมเริ่มสงสัยว่า "ใช่จริง ๆ หรือ ผมควรต้องรับโทษแบบนั้นหรือ"

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 440095เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2011 03:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คำถาม "คาใจ"

แล้วเมื่อไรจะได้คำตอบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท