lotus
พระใบฏีกาสุพจน์ เกษนคร

ศาสนากับการพัฒนา


ศาสนากับการพัฒนา

เอกสารประกอบการบรรยาย

รายวิชาศาสนากับการพัฒนา    พุทธศาสตร์ชั้นปีที่  ๔

คำว่า "ศาสนา" ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า "Religion" และคำว่า "ศาสนา" ในภาษาไทย มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตว่า "ศาสน" แต่หากเขียนว่า "สาสนา" จะเป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีว่า "สาสน" (ประยงค์ สุวรรณบุบผา, 2537: 164)     สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (2527 : 28-36) ทรงให้ความหมายว่า ศาสนา มีความหมายสรุปได้เป็น 2 นัย คือ (1) คำสั่งสอน (2) การปกครอง

        พระราชวรมุนี (ประยุทธ ปยุตฺโต) (2527: 291) ให้นิยามว่า "ศาสนา" คือ คำสอน คำสั่งสอน ปัจจุบันใช้หมายถึงลัทธิความเชื่อถืออย่างหนึ่ง ๆ พร้อมด้วยหลักคำสอน ลัทธิพิธี องค์การ และกิจการทั่วไปของหมู่ชนผู้นับถือลัทธิความเชื่อถืออย่างนั้น ๆ ทั้งหมด

        สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) (2531: 91) ทรงอธิบายว่า "ศาสนาคือ คำสั่งสอน ท่านผู้ใดเป็นต้นเดิม เป็นผู้บัญญัติสั่งสอน ก็เรียกว่าศาสนาของท่านผู้นั้น หรือท่านผู้บัญญัติสั่งสอนนั่นได้นามพิเศษอย่างไร ก็เรียกชื่อนั้นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ศาสนาจึงมีมาก คำสอนก็ต่างกัน..."

        สุชีพ ปุญญานุภาพ (2532: 9) อธิบายความหมายคำว่า “ศาสนา” ไว้ว่า

        1. ศาสนา คือ ที่รวมแห่งความเคารพนับถืออันสูงส่งของมนุษย์

        2. ศาสนา คือ ที่พึ่งทางจิตใจ ซึ่งมนุษย์ส่วนมากย่อมเลือกยึดเหนี่ยวตามความพอใจ และความเหมาะสมแก่เหตุแวดล้อมของตน

        3. ศาสนา คือ คำสั่งสอน อันว่าด้วยศีลธรรม และอุดมคติสูงสุดในชีวิตของบุคคล รวมทั้งแนวความเชื่อถือและแนวการปกิบัติต่า ๆ กันตามคติของแต่ละศาสนา

        ราชบัณฑิตยสถาน (2539: 783) ให้ความหมายของ “ศาสนา” ว่า “ลัทธิความเชื่อของมนุษย์อันมีหลัก คือ แสดงกำเนิดและความสิ้นสุดของโลก เป็นต้น อันเป็นไปในฝ่าย ปรมัถต์ประการหนึ่ง แสดงหลักธรรมเกี่ยวกับบุญบาป อันเป็นไปในฝ่ายศีลธรรมประการหนึ่ง พร้อมทั้งลัทธิพิธีที่กระทำตามความเห็น หรือตามคำสั่งสอนในความเชื่อนั้น ๆ”

        จากนิยามดังกล่าวในข้างต้น จะเห็นว่านักคิดท่านต่าง ๆ ต่างให้นิยามของศาสนาไปตามโลกทัศน์ของแต่ละบุคคล ซึ่งเมื่อเราพิจารณาคำนิยามเหล่านี้แล้ว อาจจะเกิดปัญหาว่า นิยามใดดีที่สุด หรือเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากนิยามของคำว่า “ศาสนา” ย่อมถูกต้องและเหมาะสมแตกต่างกันออกไปตามหลักความเชื่อของศาสนานั้น ๆ

        เมื่อเกิดปัญหาในเรื่องของการนิยามแล้ว จึงนำไปสู่การพิจารณาว่า นิยามที่ดีของศาสนานั้น ควรเป็นอย่างไร ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ได้มีผู้เสนอว่า “วิธีการนิยามศาสนาที่ดีนั้น ควร พิจารณาหาสิ่งที่มีคุณลักษณะร่วมกันที่มีอยู่ในทุกศาสนา มาใช้เป็นคำนิยามของคำว่า ศาสนา” และหากพิจารณาบรรดาศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ เราจะพบว่า มีลักษณะร่วมกัน ที่สำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้

 

  • ทุกศาสนาจะต้องมีหลักคำสอน

        หลักคำสอนทางศาสนามีหน้าที่สั่งสอนให้มนุษย์ประพฤติดี เพื่อนำมนุษย์ไปสู่เป้าหมายที่สำคัญของศาสนา อีกทั้งทำให้มนุษย์ได้พบกับสัจธรรมในชีวิต ซึ่งเมื่อพิจารณาตามนัยยะ นี้แล้วจะเห็นว่า คำสอนทางศาสนานั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์จะต้องปฏิบัติตาม เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายสูงสุดของศาสนาที่แต่ละปัจเจกบุคลนับถืออยู่

  • หลักคำสอนของทุกศาสนาจะมีลักษณะเป็นเรื่องราวของความเชื่อมากกว่าเหตุผล

        เนื่องจากหลักคำสอนของแต่ละศาสนามุ่งสร้างความเชื่อ ความศรัทธาในคำสอนของศาสนานั้น ๆ ให้เกิดขึ้นแก่มนุษย์ อีกทั้งการยอมรับศาสนาของมนุษย์เกิดจากความเชื่อทาง ศาสนา ที่ (บางศาสนา) สามารถยอมรับศาสนานั้น ๆ ได้โดยไม่สนใจความถูกต้องในเชิงเหตุผล หรือบทพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

  • ศาสนาทุกศาสนาเน้นเรื่องของระดับจิตใจมากกว่าเรื่องทางวัตถุ

        โดยเรื่องที่ให้ความรู้สึกทางอารมณ์ หรือจิตใจนั้นจะถูกแสดงออกโดยผ่านพิธีกรรมทางศาสนา ความเชื่อทางศาสนา และการแสดงออกผ่านทางการกระทำ เป็นต้นว่า ผู้ที่เคร่ง ศาสนามักจะมีความมั่นคงทางจิตใจสูง เพราะเขามีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่เขาเชื่อมั่นอย่างแน่นแฟ้น ทำให้จิตใจสงบ เป็นต้น

        จากลักษณะทั่วไปที่ศาสนาต่าง ๆ มีอยู่ร่วมกัน ทำให้สรุปความหมายของคำว่า “ศาสนา” ได้ว่า “ศาสนาหมายถึง หลักคำสอนที่เป็นแบบแผนของความเชื่อ ความมั่นคงทางจิตใจ และเป็นแบบแผนพฤติกรรมของมนุษย์ เพื่อนำมนุษย์ไปสู่เป้าหมายที่ดีงามในชีวิต”

        กระนั้นก็ตาม การพิจารณาว่าสิ่งใดจัดเป็นศาสนาหรือไม่นั้น โดยปกติจะพิจารณาจากองค์ประกอบของศาสนา กล่าวคือ ระบบความเชื่อถือ หรือหลักคำสอนใดก็ตามที่มีองค์ ประกอบดังต่อไปนี้ กับนับได้ว่าเป็นศาสนา

        1. ศาสดา คือ ผู้ก่อตั้งศาสนา หรือผู้คิดค้น ริเริ่มในการนำคำสอนไปเผยแผ่ เช่น พระพุทธศาสนามีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา

        2. มีศาสนธรรม หรือหลักคำสอนอันเป็นผลงานของศาสดาในรูปของหลักคำสั่งสอนที่มีเหตุผล เช่น พระพุทธศาสนามีธรรมะ และพระวินัยเป็นหลักคำสอน

        3. มีศาสนบุคคล คือ สาวก หรือศาสนิกชนผู้เชื่อฟัง เชื่อถือ ปฏิบัติตามคำสั่งสอน เช่น พระพุทธศาสนามีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

        4. มีศาสนพิธี คือ พิธีกรรมต่าง ๆ ทางศาสนา ซึ่งในแต่ละศาสนาก็จะมีพิธีกรรมของตนเอง เช่น พระพุทธศาสนามีพิธีบรรพชา อุปสมบท, ศาสนาคริสต์มีพิธีมิซซา เป็นต้น

        5. มีศาสนสถาน คือ สถานที่เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม หรือเป็นที่อาศัยของผู้เผยแผ่ศาสนานั้น ๆ เช่น พระพุทธศาสนามีวัด อาราม โบสถ์ วิหาร, ศาสนาอิสลามมีมัสยิด ศาสนาสิขมีคุรุด วารา เป็นต้น

 

ความหมายของคำว่า พัฒนา

คำว่าพัฒนา (Development) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เป็นผลมาจากสภาพสังคมที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว คำว่าการพัฒนาคำเดียว มีความหมายคลุมการพัฒนาทางสังคมทั้งหมดด้วย และคำว่าการพัฒนาหมายถึงสภาพสังคมโดยรวมที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการได้ให้ความหมายของคำว่า การพัฒนา(Development) อย่างเช่น ว่า การพัฒนา หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

๑. ความแตกต่าง เช่น ปริมาณและคุณภาพของบริการข้อมูลและข่าวสารฐานะทางสังคม บทบาทและอาชีพ
๒. การใช้ประโยชน์จากบริการที่มีอยู่  เช่น ครบครัว จัดหาเครื่องอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ มาใช้ได้ เนื่องจากครอบครัวมีรายได้สูงขึ้น  การกระจายรายได้ของครอบครัว  ครอบครัวมีสิ่งของเครื่องใช้ และครอบครัวสามารถใช้บริการต่าง ๆเพิ่มขึ้น
๓. เทคโนโลยีและความมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีระดับสูง และการแพร่กระจายเทคโนโลยีออกสู่สังคมอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
๔. ความเชื่อและความไม่เชื่อ เช่น เป้าประสงค์  ความเชื่อพื้นฐาน ค่านิยม โอกาสและการสนับสนุน
๕. ทัศนคติ  เช่น ระดับความพอใจ  ความเป็นเอกภาพ ขวัญและความพึ่งพอใจ
๖. พฤติกรรม  เช่น  การช่วยตนเอง ความมีประสิทธิภาพ การใช้ทรัพยากรมนุษย์และความคิดริเริ่ม
๗. ทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ทรัพยากรทางกายภาพ ทรัพยากรมนุษย์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
๘. โครงสร้าง เช่น แบบแผนการดำเนินชีวิต และแบบแผนขององค์กร
๙. ผลต่อเนื่องและแบบแผนรวม เช่น คุณภาพชีวิต และคุณภาพของสิ่งที่มนุษย์ผลิตขึ้น

คำว่า  การพัฒนา  ใช้ในภาษาอังกฤษว่า  Development  นำมาใช้เป็นคำเฉพาะและใช้ประกอบคำอื่นก็ได้ เช่น  การพัฒนาประเทศ  การพัฒนาชนบท  การพัฒนาเมือง  และการพัฒนาข้าราชการ เป็นต้น  การพัฒนาจึงถูกนำไปใช้กันโดยทั่วไปและมีความหมายแตกต่างกันออกไป ดังกล่าวแล้ว  เกี่ยวกับความหมายของการพัฒนานั้นได้มีผู้ให้ความหมายไว้หลายความหมายทั้งความหมายที่คล้ายคลึงกัน  และแตกต่างกัน  ซึ่งอาจจำแนกออกได้เป็น  10  ลักษณะ คือ  

1.  ความหมายจากรูปศัพท์ 

          โดยรูปศัพท์  การพัฒนา  มาจากคำภาษาอังกฤษว่า  Development  แปลว่า การเปลี่ยนแปลงที่ละเล็กละน้อย  โดยผ่านลำดับขั้นตอนต่างๆ ไปสู่ระดับที่สามารถขยายตัวขึ้น  เติบโตขึ้น  มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น  และเหมาะสมกว่าเดิมหรืออาจก้าวหน้าไปถึงขั้นที่อุดมสมบูรณ์เป็นที่น่าพอใจ  (ปกรณ์  ปรียากร.  2538, หน้า  5)  ส่วนความหมายจากรูปศัพท์ในภาษาไทยนั้น  หมายถึง  การทำความเจริญ  การเปลี่ยนแปลงในทางที่เจริญขึ้น  การคลี่คลายไปในทางที่ดี  ถ้าเป็นกริยา  ใช้คำว่า  พัฒนา  หมายความว่า  ทำให้เจริญ คือ ทำให้เติบโตได้  งอกงาม  ทำให้งอกงามและมากขึ้น  เช่น  เจริญทางไมตรี  (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน  พ.ศ.  2525,  2538,  หน้า  238)

          การพัฒนา  โดยความหมายจากรูปศัพท์จึงหมายถึง  การเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เกิดความเจริญเติบโตงอกงามและดีขึ้นจนเป็นที่พึงพอใจ  ความหมายดังกล่าวนี้  เป็นที่มาของความหมายในภาษาไทยและเป็นแนวทางในการกำหนดความหมายอื่นๆ  (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า  2) 

2.  ความหมายโดยทั่วไป 

            การพัฒนา  ที่เข้าใจโดยทั่วไป  มีความหมายใกล้เคียงกับความหมายจากรูปศัพท์ คือ หมายถึง  การทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งที่ดีกว่าเดิมอย่างเป็นระบบ  หรือการทำให้ดีขึ้นกว่าสภาพเดิมที่เป็นอยู่อย่างเป็นระบบ  (ยุวัฒน์  วุฒิเมธี.  2526, หน้า  1)  ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบทางด้านคุณภาพระหว่างสภาพการณ์ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงเวลาที่ต่างกัน  กล่าวคือ  ถ้าในปัจจุบันสภาพการณ์ของสิ่งนั้นดีกว่า  สมบูรณ์กว่าก็แสดงว่าเป็นการพัฒนา  (ปกรณ์  ปรียากร.  2538,  หน้า 5) 

          การพัฒนา  ในความหมายโดยทั่วไปจึงหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เกิดคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิม  ความหมายนี้  นับว่าเป็นความหมายที่รู้จักกันโดยทั่วไป  เพราะนำมาใช้มากกว่าความหมายอื่นๆ  แม้ว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับของนักวิชาการก็ตาม (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า  2)

 3.  ความหมายทางเศรษฐศาสตร์

          นักเศรษฐศาสตร์ได้ให้ความหมายของ  การพัฒนา ว่า  หมายถึง  ความเจริญเติบโต  โดยเน้นความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ  เช่น ผลผลิตรวมของประเทศเพิ่มขึ้น  รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น  รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อคนของประชากรเพิ่มขึ้น (ณัฐพล  ขันธไชย.  2527, หน้า  2)  มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น  ประชากรมีรายได้เพียงพอที่สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของตนได้  (เสถียร  เชยประทับ.  2528, หน้า  9)  ซึ่งอาจสรุปได้ว่า  การพัฒนา เป็นกระบวนการทางสังคม  ที่ผลผลิตออกมาในรูปซึ่งสามารถวัดได้ด้วยเกณฑ์ทางเศรษฐศาสตร์  (สุนทรี  โคมิน.  2522, หน้า 37)

          จะเห็นได้ว่า  นักเศรษฐศาสตร์ได้กำหนดความหมายของการพัฒนา  โดยใช้ความหมายจากรูปศัพท์และความหมายโดยทั่วไป คือ  หมายถึง  ความเจริญเติบโต  แต่เป็นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ  ตามเนื้อหาของวิชาเศรษฐศาสตร์  ซึ่งเป็นการเน้นความหมายเชิงปริมาณ คือ  การเพิ่มขึ้น  หรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าด้านอื่นๆ  (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า  2-3) 

4.  ความหมายทางพัฒนบริหารศาสตร์ 

          นักพัฒนบริหารศาสตร์ได้ให้ความหมายของ การพัฒนา เป็น  2 ระดับ คือ  ความหมายอย่างแคบและความหมายอย่างกว้าง  ความหมายอย่างแคบ  การพัฒนา หมายถึง  การเปลี่ยนแปลงในตัวระบบการกระทำการให้ดีขึ้นอันเป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณภาพเพียงด้านเดียว  ส่วนความหมายอย่างกว้างนั้น  การพัฒนา  เป็นกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงในตัวระบบการกระทำทั้งด้านคุณภาพ  ปริมาณและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน  ไม่ใช่ด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว

          การพัฒนา  ในความหมายของนักพัฒนบริหารศาสตร์จะมีขอบข่ายกว้างขวางกว่าความหมายจากรูปศัพท์  ความหมายโดยทั่วไป  และความหมายทางเศรษฐศาสตร์ที่กล่าวมาแล้ว  เพราะหมายถึง  การเปลี่ยนแปลงของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ทั้งในด้านคุณภาพ (ดีขึ้น) ปริมาณ  (มากขึ้น)  และสิ่งแวดล้อม  (มีความเหมาะสม)  ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว  (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า 3) 

5.  ความหมายทางเทคโนโลยี 

          ในทางเทคโนโลยี  การพัฒนา  หมายถึง  การเปลี่ยนแปลงระบบอุตสาหกรรม  และการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย  ด้วยนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์  ทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงจากสังคมประเพณีนิยม  เป็นสังคมสมัยใหม่ที่ทันสมัย  (นิรันดร์  จงวุฒิเวศย์.  2534, หน้า  95)  หรือ การพัฒนา  คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของมนุษย์ด้วยเทคโนโลยีนั่นเอง  (นิรันดร์  จงวุฒิเวศย์  และพูนศิริ  วัจนะภูมิ.  2534,  หน้า  13)

          จะเห็นได้ว่า  ความหมายของ  การพัฒนา  ในทางเทคโนโลยีแตกต่างออกไปจากความหมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  โดยหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ทันสมัยด้วยความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ซึ่งเป็นความหมายอีกแนวทางหนึ่ง  (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า  3) 

6.  ความหมายทางการวางแผน 

          ในทางการวางแผน  การพัฒนา  เป็นเรื่องเกี่ยวกับการชักชวน  การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  ด้วยการปฏิบัติตามแผนและโครงการอย่างจริงจัง  เป็นไปตามลำดับขั้นตอนต่อเนื่องกันเป็นวงจร  โดยไม่มีการสิ้นสุด  (นิรันดร์  จงวุฒิเวศย์. 2534, หน้า 91-92) ซึ่งองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งหประชาชาติ  (The  United  National  Educational

,  Scientific  and  cultural  Organization : UNESCO. 1982,  p.  305, อ้างถึงในอัจฉรา  โพธิยานนท์. (2539, หน้า  11)  สรุปได้ว่า  การพัฒนาเป็นหน้าที่  (Function)  ของการวางแผนและการจัดการ ดังนี้

                             D        =        f (P+M)

                   เมื่อ     D        =        Development  คือ  การพัฒนา

                             P        =        Planning  คือ  การวางแผน

                             M       =        Management  คือ  การบริหารงานหรือการจัดการ

          ดังนั้น  การพัฒนา  จะเกิดขึ้นได้ด้วยการวางแผนที่ดี  มีการบริหารงานและการจัดการอย่างเป็นระบบ  ทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

          การพัฒนา  ในความหมายของนักวางแผน  จะเป็นไปอีกแนวทางหนึ่ง  โดยอาจสรุปได้ว่า  หมายถึง  การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการเตรียมการของมนุษย์ไว้ล่วงหน้า  ในลักษณะของแผนและโครงการ  แล้วบริหารหรือจัดการให้เป็นไปตามแผนและโครงการจนประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่วางไว้  จะเห็นได้ว่าความหมายของการพัฒนาทางการวางแผนกำหนดให้การพัฒนาเป็นกิจกรรมของมนุษย์และเกิดขึ้นจากการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเท่านั้น  การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เกิดจากการวางแผนโดยมนุษย์  ไม่ใช่การพัฒนาในความหมายนี้ (สนธยา พลศรี. 2547, หน้า 4)     

7.  ความหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติ 

          ในขั้นของการปฏิบัติ  การพัฒนา  หมายถึง  การชักชวนหรือการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยการปฏิบัติตามแผนและโครงการอย่างจริงจังและเป็นลำดับขั้นตอนต่อเนื่องกันในลักษณะที่เป็นวงจร  ไม่มีการสิ้นสุด  (นิรันดร์  จงวุฒิเวศย์  และพูนศิริ  วัจนะภูมิ.  2534, หน้า  13)

          การพัฒนา  ในความหมายของการปฏิบัติการนี้เป็นความหมายต่อเนื่องจากความหมายทางการวางแผนโดยมุ่งเน้นถึงการนำแผนและโครงการไปดำเนินการอย่างจริงจังและอย่างต่อเนื่อง  เพราะถึงจะมีแผนและโครงการแล้วแต่ถ้าหากไม่มีการนำไปปฏิบัติการพัฒนาก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้  (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า 4) 

8.  ความหมายทางพระพุทธศาสนา 

          พระราชวรมุนี  (ประยุทธ์  ปยุตฺโต,  2530, หน้า  16-18)  ได้ให้ความหมายและอธิบายไว้ว่า  ในทางพุทธศาสนา  การพัฒนา  มาจากคำภาษาบาลีว่า  วัฒนะ  แปลว่า  เจริญ  แบ่งออกได้เป็น  2 ส่วน คือ  การพัฒนาคน  เรียกว่า  ภาวนา  กับการพัฒนาสิ่งอื่นๆ  ที่ไม่ใช่คน เช่น  วัตถุสิ่งแวดล้อมต่างๆ  เรียกว่า  พัฒนา  หรือ วัฒนา  เช่น การสร้างถนน  บ่อน้ำ  อ่างเก็บน้ำ  เป็นต้น  ซึ่งเป็นเรื่องของการเพิ่มพูนขยาย  ทำให้มากหรือทำให้เติบโตขึ้นทางวัตถุและได้เสนอข้อคิดไว้ว่า  คำว่า  การพัฒนา  หรือ คำว่า  เจริญ นั้นไม่ได้แปลว่าทำให้มากขึ้น  เพิ่มพูนขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น  แต่มีความหมายว่า  ตัดหรือทิ้ง เช่น เจริญพระเกศา คือตัดผม  มีความหมายว่า  รก เช่น  นุสิยา  โลกวฑฺฒโน  แปลว่า  อย่างเป็นคนรกโลกอีกด้วย  ดังนั้น  การพัฒนาจึงเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความเจริญจริงๆ คือ ต้องไม่เกิดปัญหาติดตามมาหรือไม่เสื่อมลงกว่าเดิม  ถ้าเกิดปัญหาหรือเสื่อมลง  ไม่ใช่เป็นการพัฒนา  แต่เป็นหายนะ  ซึ่งตรงกันข้ามกับการพัฒนา

          กล่าวได้ว่า  การพัฒนา  ในทางพระพุทธศาสนา  หมายถึง  การพัฒนาคนให้มีความสุขมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม  การพัฒนาในความหมายนี้  มีลักษณะเดียวกันกับการพัฒนาในความหมายทางด้านการวางแผน คือ เป็นเรื่องของมนุษย์เท่านั้น  แตกต่างกนเพียงการวางแผนให้ความสำคัญที่วิธีการดำเนินงาน  ส่วนพุทธศาสนามุ่งเน้นผลที่เกิดขึ้น คือ  ความสุขของมนุษย์เท่านั้น  (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า 4) 

9. ความหมายทางสังคมวิทยา 

          นักสังคมวิทยาได้ให้ความหมายของ  การพัฒนา ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคม  ซึ่งได้แก่  คน  กลุ่มคน  การจัดระเบียบความสัมพันธ์ทางสังคม  ด้วยการจัดสรรทรัพยากรของสังคมอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ  (ฑิตยา  สุวรรณชฏ.  (2527, หน้า  354)  การพัฒนา เป็นทั้งเป้าหมายและกระบวนการที่ครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนต่อชีวิตและการทำงาน  การเปลี่ยนแปลงสถาบันต่างๆ ทางสังคม  วัฒนธรรมและการเมืองอีกด้วย  (Streeten.  1972,  p. 3)

          นักสังคมวิทยาได้ให้ความหมายของ  การพัฒนา  โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคม  คือ มนุษย์  กลุ่มทางสังคม  การจัดระเบียบทางสังคม  ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับความหมายในทางพุทธศาสนา  คือ  การเปลี่ยนแปลงมนุษย์และสิ่งแวดล้อมให้มีความสุข  และมีลักษณะเช่นเดียวกับความหมายทางการวางแผน คือ  ด้วยวิธีการจัดสรรทรัพยากรของสังคมอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ  ซึ่งนักวางแผน เรียกว่า  การบริหารและการจัดการนั่นเอง  (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า 5)

 10.  ความหมายทางด้านการพัฒนาชุมชน

            นักพัฒนาชุมชนได้ให้ความหมายของ  การพัฒนา  ไว้ว่า  หมายถึง  การที่คนในชุมชนและสังคมโดยส่วนรวมได้ร่วมกันดำเนินกิจกรรมเพื่อปรับปรุงความรู้ความสามารถของตนเอง  และร่วมกันเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของตนเองชุมชนสังคมให้ดีขึ้น  (สมศักดิ์  ศรีสันติสุข.  2525, หน้า  179)  การพัฒนาเป็นเสมือนกลวิธีหรือมรรควิธี (Mean)  ที่ทำให้เกิดผล  (Ends) ที่ต้องการ คือ คุณภาพชีวิต  ชุมชน และสังคมดีขึ้น (ยุวัฒน์  วุฒิเมธี.  2534, หน้า  2)

          นักพัฒนาชุมชนได้ให้ความหมายของ  การพัฒนา  ไว้ใกล้เคียงกับนักสังคมวิทยา คือ เป็นวิธีการเปลี่ยนแปลงมนุษย์และสังคมมนุษย์ให้ดีขึ้น  แต่นักพัฒนาชุมชนมุ่งเน้นที่มนุษย์ในชุมชนต้องร่วมกันดำเนินงานและได้รับผลจากการพัฒนาร่วมกัน 

          จากความหมายในด้านต่างๆ  ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  จะเห็นได้ว่า  การพัฒนา  มีความหมายที่คล้ายคลึงกันและแตกต่างการออกไปบ้าง  ซึ่งถ้าหากพิจารณาจากความหมายเหล่านี้อาจสรุปได้ว่า  การพัฒนา  หมายถึง  กระบวนการเปลี่ยนแปลงของสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ดีขึ้น  ทั้งทางด้านคุณภาพ  ปริมาณ  และสิ่งแวดล้อม  ด้วยการวางแผนโครงการและดำเนินงานโดยมนุษย์  เพื่อประโยชน์แก่ตัวของมนุษย์เอง  (สนธยา  พลศรี.  2547,  หน้า 5)

 

หมายเลขบันทึก: 439628เขียนเมื่อ 17 พฤษภาคม 2011 21:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท