เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า อดีตเป็นเหตุของปัจจุบันและปัจจุบันก็เป็นเหตุของอนาคต คำกล่าวข้างต้นนี้ถ้าจะอธิบายก็คงต้องบอกว่า การที่วันนี้เราเป็นอย่างไร อยู่อย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไรนั้นก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของเราในอดีตนั้นเอง ชีวิตของเราที่ต้องเป็นอย่างเช่นวันนี้เป็นเพราะอะไร ถ้าเราลองถามตัวเราเองเราก็น่าจะคลำเจอคำตอบ ไม่ว่าจะมีสภาพดีร้ายประการใดก็ด้วยมีเหตุมาจากอดีตทั้งสิ้น หากเมื่อคิดได้แล้วก็พิจารณาต่อไปว่าแล้ววันข้างหน้าหละเราจะอยู่อย่างไร ก็เข้าใจหละว่าเราไม่อาจคาดเดาอนาคตได้อย่างแม่นยำ แต่หากว่าเราเชื่อในเรื่องกฎของการกระทำข้างต้นแล้ว วันนี้หากเราพยายามกระทำแต่ในสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นความคิด คำพูด การกระทำ เรามุ่งกระทำแต่เรื่องเชิงบวก เชิงสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดของชีวิต ก็เชื่อว่าชีวิตน่าจะพัฒนาคุณภาพของตนเองไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะหมดลม หายใจ เมื่อพัฒนาตนเองได้ระดับหนึ่งแล้วก็ควรหันไปช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันพัฒนา ชีวิตด้วย
ตัวของผมเองนั้นหากย้อนมองกลับไปในวัยเด็กก็แลเห็นพฤติกรรมบางอย่างที่จะทำ ให้เป็นผมในวันนี้ เช่นเป็นเด็กที่มีความอยากรู้มาก ชอบการอ่านหนังสือ ชอบจินตนาการ ชอบนิทาน ชอบฟังเรื่องเล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนในอดีตที่ผ่านการเล่าจากย่า ชอบการไปวัดและชอบท่องเที่ยว ด้วยเป็นลูกชายคนโตจึงต้องรับผิดชอบดูแลน้องตั้งแต่ยังเด็กน้อยๆ สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังนิสัยความรับผิดชอบ สำนึกเรื่องชั่วดี ความขยันอดทน
ปัจจุบันนี้ของผมมีหลายบทบาทหน้าที่การทำงานในสำนักงานเป็นผู้จัดการฝ่าย บัญชี รับผิดชอบระบบบัญชีและการเงิน เป็นหัวหน้าโครงการสำรวจและดูแลทรัพย์สินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ในเขต จังหวัดปทุมธานี เป็นเจ้าของสำนักงานบัญชี (บริษัท ทรัพย์แสนดีการบัญชี จำกัด) เป็นครูสอนวิชาการบัญชีให้กับนักเรียนของโรงเรียนวัฒนพฤกษาบริหารธุรกิจ ทำไมผมต้องทำอะไรหลายอย่างหรือไม่กลัวจับปลาหลายมือหรือ (แต่ผมมีมือแค่สองมือ) ผมทำงานตามช่วงเวลาครับ ทำทีละอย่าง ทำตามลำดับความสำคัญของงานว่าอะไรต้องทำก่อน อะไรควรทำ และอะไรน่าทำ ประกอบกับผมเป็นคนที่รู้จักเลือกคู่ครองของชีวิตเพราะผมเล็งเห็นถึงความดี และความสามารถเป็นสำคัญ จากชีวิตที่ไม่เคยมีอะไร วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มก่อร่างสร้างตนจนเป็นรูปธรรม ไม่เป็นเพียงความฝันเหมือนวันเก่า ชีวิตผมทำงานประจำมาตั้งแต่ปี 2538 เห็นเงินเดือนทีได้รับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่มีพัฒนาการของการเจริญงอกงาม น้อยมาก หากเมื่อเทียบกับความต้องการของพนักงานและเมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจที่ค่า เงินมันน้อยลงทุกที ตอนนี้ผมเริ่มทำงานราคาทองบาทละประมาณ 4,000 บาทกว่า เงินเดือนผมซื้อทองได้เกือบ 1.5 บาท ปัจจุบันเงินเดือนผมก็ยังซื้อทองไม่ได้ 2 บาทเลย หลังจากที่ทำงานมานาน ผมเห็นวิถีชีวิตของรุ่นพี่หลายคนที่ทำงานให้กับบริษัท แต่ชีวิตก็ไม่เคยมีอะไรดีขึ้น หากผมดำเนินชีวิตเหมือนพนักงานคนอื่นชีวิตผมก็จะมีชีวิตที่ไม่ต่างกันกับเขา เหล่านั้น อย่างนี้จึงเป็นเหตุให้ผมลุกขึ้นมาออกแบบวิถีทางของชีวิตผมด้วยตนเอง เลือกที่จะทำงานมากดีกว่าอยู่อย่างไม่มีทางเลือก เราจะต้องทำงานเพื่อตนเองและครอบครัว เพื่ออนาคตของลูกและอนาคตของตนเอง การทำงานของผมเรื่องที่มีความสุขมากที่ สุดก็คือการสอนนักเรียน ปกติผมเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ ในจินตนาการของผมมองว่าการสอนนักเรียนก็คือการปลูกความรู้ให้กับเขา เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ หากทำให้ต้นไม้เจริญงอกงามมีลำต้น กิ่งและใบ ที่สมบูรณ์จนต้นไม้นั้นเข็งแรง มีดอกมีผลให้คนอื่นได้มาเด็ด มาดมกลิ่นของดอก ได้มารับประทานผลของมัน การสอนนักเรียนหากทำให้เขาประสบความสำเร็จได้นั้นช่างเป็นความสุขความปิติ เหมือนว่าต้นไม้นั้นมันช่างเจริญงอกงามและสวยงามเสียเหลือเกิน
ช่วงนี้เวลานี้ผมเหมือนอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนถ่ายไปสู่อนาคตยังอยากทำ อะไรอย่างนี้ไปอีกนานๆ หากยังมีความสามารถหายใจได้อยู่ สถานศึกษาที่ผมได้เรียนในระดับมหาวิทยาลัยเขาปลูกฝังนักศึกษาของเขาทุกคน ว่า กัมมันเตน.วิสุชัมติ (คนจะบริสุทธิ์ได้ด้วยการงาน ) ผมภูมิใจในมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่ได้ให้ผมมีวันนี้ ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของพ่อแม่ ภูมิใจในตนเอง ที่ได้ทำทุกอย่างได้อย่างอดทนและต่อสู้ ขอบคุณทุกคนรอบๆตัวผม ที่ทำให้ผมมีวันนี้
ไม่มีความเห็น