บทที่ ๖
ของหนังสือ 21st Century Skills : Learning for Life in Our Times
เริ่มด้วยคำถามว่า เครื่องมืออะไรสำคัญต่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่
๒๑
ก. อินเทอร์เน็ต
ข. ปากกาและกระดาษ
ค. โทรศัพท์มือถือ
ง. เกมการศึกษา
จ. การทดสอบ
ฉ. ครูเพื่อศิษย์
ช. ทุนสนับสนุนการศึกษา
ซ. พ่อแม่ที่รักลูก
ฌ. ถูกทุกข้อ
คำตอบคือถูกทุกข้อ แต่ตกไป ๒ ข้อ คือ คำถาม (โจทย์ - Question) และกระบวนการไปสู่คำตอบ กับ ปัญหา (Problem) และการสร้างแนวทางที่หลากหลายไปสู่การแก้ปัญหานั้น
เครื่องมือที่สำคัญที่สุด ของการเรียนรู้ และการสอน ในศตวรรษที่ ๒๑ คือคำถามกับปัญหา
การเรียนรู้แบบใช้การตั้งคำถามเป็นหลักเรียกว่า Inquiry-Based Learning การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลักเรียกว่า Problem-Based Learning หากใช้หลายๆ ปัญหาประกอบกันอย่างซับซ้อนเพื่อทำงานใดงานหนึ่งให้สำเร็จ เรียกว่า Project-Based Learning การเรียนรู้แบบเหล่านี้แหละที่ครูเพื่อศิษย์ต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นโค้ช หรือ learning facilitator โดยต้องเลิกเป็น “ผู้สอน” แต่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียน
ครูเพื่อศิษย์ต้องฝึกเป็นนักตั้งคำถาม และนักตั้งปัญหา เพื่อสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ และที่สำคัญต้องไม่ตั้งเป้าว่าต้องได้คำตอบที่ถูก ใครตอบผิดถือว่าใช้ไม่ได้ ครูที่ประพฤติตัวบูชาคำตอบที่ถูกเป็นพระเจ้า ไม่ใช่ครูเพื่อศิษย์ แต่เป็นครูเพื่อคำตอบที่ถูกต้อง
การเดินทางจากคำตอบที่ผิด ไปสู่คำตอบที่ถูกต้อง คือการเรียนรู้ ครูเพื่อศิษย์ต้องยึดการเรียนรู้ของศิษย์เป็นพระเจ้าหรือเป้าหมายของชีวิต
วิชาที่สร้างความสนุกและความรู้สู่คำตอบ (answers) และการแก้ปัญหา (solutions) คือวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์เป็นวิชาหาคำตอบ วิศวกรรมศาสตร์เป็นวิชาหาการแก้ปัญหา
เวลานี้เขาไม่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์กันแล้ว เขาเรียนวิชา STEM คือ Science, Technology, Engineering และ Mathematics รวม ๔ วิชาย่อยนี้เข้าเป็นกลุ่มวิชา STEM โดยนักเรียนทุกคนต้องเรียนกลุ่มวิชานี้ในทุกชั้น ตั้งแต่อนุบาลจนจบ ม. ๖ โดยเรียนตามพัฒนาการของสมอง และตามแผนการดำเนินชีวิตในอนาคต เด็กที่มีเป้าหมายเรียนกฎหมายก็เรียน STEM แบบหนึ่ง เด็กที่ต้องการโตขึ้นเป็นนักฟิสอกส์ก็เรียน STEM อีกแบบหนึ่ง ครูเพื่อศิษย์ต้องคำนึงถึงความแตกต่างหลากหลายในเป้าหมายการเรียนของศิษย์ ซึ่งหมายความว่า แนวคิดที่ว่า เด็ก ม. ๔ – ๖ ที่ต้องการปูพื้นฐานความรู้ไปเป็นนักการทูตจะไม่เรียนกลุ่มวิชา STEM เลย เป็นแนวความคิดที่ผิด เพราะจะทำให้เราได้นักการทูตที่แคบและตื้น
แต่เราสารมรถทำให้เด็กที่เตรียมตัวเป็นนักการทูตมีพื้นฐานความรู้ STEM ได้โดยไม่ต้องสอน แต่ให้เด็กเรียนโดย PBL ซึ่งหมายความว่าครูต้องออกแบบ PBL ให้เด็กกลุ่มนี้ได้เรียน STEM ที่จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเขาในอนาคต และที่สำคัญคือสามารถติดตามความก้าวหน้าของศาสตร์ด้าน STEM ได้ตลอดชีวิต
นักวิทยาศาสตร์ตั้งคำถาม Why? วิศวกรตั้งคำถาม How? ครูเพื่อศิษย์ต้องชวนศิทษย์ฝึกฝนการตั้งคำถามทั้งสอง ทั้งที่เป็นคำถามโดดๆ และที่เป็นคำถามเชิงซ้อนใน PBL
กระบวนวิธีของวิทยาศาสตร์กับวิศวกรรมศาสตร์แตกต่างกันดังนี้
จะเห็นว่า
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทางวิศวกรรมศาสตร์
เป็นกระบวนการไม่รู้จบ ครูเพื่อศิษย์ต้องมีวิธีการ
“ประทับตรา” แนวคิด (กระบวนทัศน์) “ไม่รู้จบ” นี้เข้าไปในสมองของศิษย์
ให้ติดตัวไปจนตาย นี่คือส่วนหนึ่งของ Learning Skills
ที่เป็นส่วนหนึ่งของ 21st Century Skills -
ทักษะของการตั้งคำถาม และตั้งปัญหา แบบที่ไม่รู้จบ
บรรยากาศของการตั้งคำถาม และตั้งปัญหา นอกจากจะช่วยวางรากฐานการเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ศิษย์แล้ว ยังจะทำให้ชีวิตนักเรียนเป็นชีวิตที่สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ กระตุ้นจินตนาการ ยั่วยุให้ค้นคว้า ค้นหา สร้าง และเรียนรู้ คือทำให้โรงเรียนไม่เป็นสถานที่น่าเบื่อหรือสร้างความทุกข์ให้แก่ศิษย์
วิจารณ์ พานิช
๑๒ ธ.ค. ๕๓