สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านบล็อกทุกท่าน
ฉบับที่แล้ว ผู้เขียนได้นำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับพระอรหันต์ของนิสิตคฤหัสถ์แรกเข้าเรียนปริญญาโท(ภาคปกติ เรียนจันทร์ อังคาร พุธ) ๒ ท่านไปแล้ว ในฉบับนี้จะนำเสนอข้อคิดเห็นของนายสุวิทย์ ปรีดากรณ์ ซึ่งมีความเชื่อว่าพระอรหันต์มีจริงแต่บุคคลที่ได้บรรลุนั้นบรรลุจริงหรือไม่ดังข้อความว่า"สงฆ์ที่ดีคือมีศีล ๒๒๗ ข้อบริบูรณ์ ก็เป็นพระสุปฎิปันโนแล้ว ควรค่าแก่การเคารพกราบไหว้แล้ว ในส่วนคุณธรรมในระดับสูงตามที่ร่ำลือกันนั้น เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล คงไม่มีใครไปรู้กับท่านได้ ท่านอาจบรรลุจริง หรือท่านเข้าใจผิด หรือคนรอบข้างท่านสร้างเรื่องขึ้น เป็นไปได้หลายกรณี ในกรณีท่านบรรลุจริง การได้ไปกราบท่าน ทำบุญกับท่าน ก็ถือได้ว่าอานิสงส์สูงตามหลักศาสนา แต่ถ้าเราไม่มีโอกาส การทำบุญทั่วๆไปทางศาสนา โดยเฉพาะการทำบุญในลักษณะสังฆทาน ทำบุญหรือสืบทอดพระพุทธศาสนา จะมีอานิสงส์ไม่แพ้กัน ส่วนที่สำคัญของการปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาคือพระธรรมต่างหาก ชาวพุทธที่ดีควรยึดตัวคำสอนไว้เป็นหลัก รับรองไม่หลงทางเพราะในการปฏิบัติจริงแล้ว ตนเป็นที่พึ่งของตน ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเรา เราจะพ้นทุกข์ได้ก็เพราะตัวเรา" นายศักดา บุตรจันทร์ไม่เชื่อว่าพระอรหันต์ในปัจจุบันนี้มีอยู่จริงดังข้อความว่า "ในฐานะที่เป็นชาวพุทธนั้น คิดว่า คงเป็นไปไม่ได้และไม่มีแล้วด้วยหลักที่ว่า นับตามอายุพุทธกัปป์ซึ่งในช่วงปัจจุบันอยู่ในช่วงกลางของอายุพระพุทธศาสนาแล้ว ถ้าจะมีคงมีเพียงแต่พระอนาคามี และต่อไปก็จะลดต่ำลงไปเรื่อยๆเป็นพระสกทาคามี เป็นพระโสดาบัน และสุดท้ายจะเป็นยุคของความว่างเปล่า แล้วค่อยจะกลับมามีพระศาสดาขึ้นมาใหม่ด้วยเหตุนี้จึงไม่เชื่อว่าพระอรหันต์นั้นมีอยู่จริง" นางจินดา เฮงสมบูรณ์ ได้แสดงข้อคิดเห็นว่า "ไม่เป็นเรื่องที่เราควรจะคิด เพราะฐานะอย่างคนสามัญเช่นเราเป็นปุถุชนไม่อาจรู้ได้จริง ผู้รู้ที่แท้จริงต้องเป็นพระอรหันต์ด้วยกันจึงจะรู้ได้ การที่คนสนใจก็เพราะเขาเหล่านั้นมีความเชื่อว่าทำบุญกับพระอรหันต์จะได้บุญมาก หรือหวังพึ่งบุญจากพระอรหันต์นั่นเอง เพราะพระอรหันต์เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นผู้สิ้นกิเลสทั้งปวง ปราศจากโลภะ โทสะ และโมหะโดยสิ้นเชิง การหวังพึ่งพระอรหันต์ เพื่อทำบุญกับท่านไม่พอเพียงพุทธศาสนิกชนควรทำบุญด้วย การบำเพ็ญทานกับใครก็ได้ ขอให้เป็นทานที่บริสุทธิ์ ทรัพย์สินที่ให้ทานเป็นของตนโดยชอบธรรม และบำเพ็ญโดยไม่หวังผลตอบแทนการบำเพ็ญทานกับพระสงฆ์ ควรบำเพ็ญเพื่อบำรุงเชิดชูพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนนานเพื่อความผาสุกของปวงชน การทำบุญควรทำด้วยบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ นอกจากบำเพ็ญทานแล้ว ควรรักษาศีล ๕ รักษาสติและเจริญสมาธิ คือมีสัมมาสติ และสัมมาสมาธิด้วยตนเอง ไม่ต้องไปวิ่งตามพระอรหันต์ กล่าวคือทำบุญด้วยการปฏิบัติดีละกิเลสตัณหาอุปาทานด้วยตนเอง ไม่ใช่ไปหวังพึ่งผู้หมดกิเลสเช่นพระอรหันต์ เราพึ่งพระอรหันต์โดยปฏิบัติตามคำสอนของพระภิกษุที่สอนเราอย่างถูกต้อง และใช้วิจารณญาณของตนเองในการจะเชื่อฟังโดยถือหลัก กาลามสูตรที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาสั่งสอนไว้ คือจะเชื่อถือปฏิบัติตามก็ด้วยเหตุผล ไม่ใช่คอยดูผู้อื่นว่าเขาหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์หรือไม่ แต่กำจัดกิเลสของตนให้เบาบาง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นพุทธศานิกชนที่แท้จริง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ไม่เคารพพระอรหันต์ เราเคารพพระภิกษุทั้งหมดเพราะถือว่าท่านเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา มิใช่เลือกเคารพแต่พระอรหันต์ เพราะถ้าเช่นนั้นเราจะไม่ได้อะไรเลย เพราะเราจะมีความลังเล แน่ใจไม่แน่ใจซึ่งเป็นการเสียเวลา พระภิกษุหรือคนอื่นที่เป็นฆราวาสจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี หรืออรหันต์ ก็เป็นบุญของท่าน เราไม่ควรไปเสียเวลาไปดูคนอื่น เอาเวลามาตั้งใจทำบุญด้วยการปฏิบัติตนเองให้เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธองค์ อย่างน้อยบำเพ็ญเพียรให้ได้แค่โสดาบันก็ยังดี ถ้าจะพยายามพากเพียรให้ถึงเป็นอรหันต์ยิ่งดีที่สุด" ข้อคิดเห็นของนิสิตแรกเข้าเรียนของบัณฑิตวิทยาลัยเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นตัวตนของนิสิตว่านิสิตมีความรู้ในด้านพระพุทธศาสนาพอสมควร ฉบับนี้เราได้ทราบความคิดเห็นของนิสิตคฤหัสถ์ภาคปกติแล้วค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ
เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของบล๊อคครับ แหม, อาจาย์แม่ฯ เก่งจัง มีการตกแต่งรูปซะด้วย อิอิ
สวัสดีครับ ผมอยู่ที่สวีเดนครับ อากาศที่นี่เย็นสบายดี ประมาณ ๑๕ องศาเซลเซียส
นมัสการท่าน ชอบอ่าน อ้าวคนข้างบนสึกไวจังเลย... ผมมีความรู้ทางธรรมน้อยมาก เลยเข้ามาอ่านบันทึกนี้ครับ
สวัสดีคุณวศิน
นึกอยู่ตั้งนานยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
ช่วยบอกด้วยค่ะว่า เคยเจอที่ไหน
เออนะอาจารย์แม่ น่าจะเรียกตั้งนานละ เบื้อจังนิเราคิกๆ
ออ ลืมไปแล้วหลวงพ่อโชดกท่านเป็นอรหันต์ด้วยป่ะคับ แต่ท่านเทศลำดับญาณได้อย่างช่ำชองง่ะ ช่วยตอบทีนะครับ รอคำตอบอยู่ แถวๆปิ่นเกล้าครับพ้มมมม