76. หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง (1)


มอบความรัก มอบความเอื้ออาทร มอบดอกไม้..ดอกไม้ของน้ำใจ เชิญฟังที่ส่วนเสริมครับ

         27 มีนาคม 2554

          เช้าๆ ฝนมาเป็นฝอยพอรับรู้ว่าเป็นฝน เคี้ยวหมากยังไม่แหลกก็หายไป พอสายหน่อย ฝนเริ่มมาอีก คราวนี้หนาเม็ดขึ้นอีกนิด แต่..หากเดินตากฝน 5 นาที ก็ยังไม่เปียกทั้งร่าง พักใหญ่ๆ ก็หายไป จนใกล้เที่ยงมาอีกแล้ว คราวนี้เดินตากฝนเพียง 3 นาที ตัวก็โชกแล้ว 

อืมมมม...เทพยดาจะช่วยผมได้หรือเปล่าหนอ....

 

การจะไปภูเก็ตเที่ยวนี้ ผมมีเวลาเตรียมตัวมากหน่อย จึงค้นคว้าข้อมูลเพื่อนำไปฝอยบนรถ 

แล้วเลยนำลง GTK ด้วย เริ่มที่หลวงพ่อแช่ม วัดฉลองนะครับ

                                

            สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์เรื่องราวของ หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง เมื่อคราวเสด็จลงไปตรวจราชการที่มณฑลภูเก็ต ครั้งแรก พ.ศ. 2441 ว่า

                ...ทรงพบ พระครูวัดฉลอง ก็พิศวง เพราะที่หน้าแข้งท่านพระครู มีรอยปิดทองคำเปลวราวกับพระพุทธรูป ทรงถามก็ทราบจากปากท่านพระครูว่า พวกชาวตลาดเขาขอปิด จึงทำให้ทรงสนพระทัยมูลเหตุแห่งการปิดทองนั้น ทรงสืบถามเรื่องจากตัวท่านพระครู ข้าราชการเมืองภูเก็ต และชาวบ้าน นับเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก........

                พระครูวัดฉลอง ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ถึงนี้ คือ หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง นั่นเอง ชาวภูเก็ตเชื่อกันว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์ในทางวิทยาคมมากมาย  จึงพากันเคารพศรัทธาเลื่อมใส นับถือท่านอย่างผู้วิเศษทั่วทั้งจังหวัด 

                       

อภินิหารพระครูวัดฉลอง
ปราบอั้งยี่

                ในปีพุทธศักราช 2419 กรรมกรเหมืองแร่เป็นจำนวนหมื่น ในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงได้ซ่องสุมผู้คนก่อตั้งเป็นคณะขึ้นเรียกว่า อั้งยี่ โดยเฉพาะพวกอั้งยี่ในจังหวัดภูเก็ตก่อเหตุวุ่นวายถึงขนาดจะเข้ายึดการปกครองของจังหวัดเป็นของพวกตน ทางราชการในสมัยนั้น ไม่อาจปราบให้สงบราบคาบได้ พวกอั้งยี่ถืออาวุธรุกไล่ ยิง ฟันชาวบ้านล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านไม่อาจต่อสู้ป้องกันตนเองและทรัพย์สิน ที่รอดชีวิตก็หนีเข้าป่าไป เฉพาะในตำบลฉลองชาวบ้านได้หลบหนีเข้าป่า เข้าวัด ทิ้งบ้านเรือนปล่อยให้พวกอั้งยี่เผา หมู่บ้านซึ่งพวกอั้งยี่เผา ได้ชื่อว่า บ้านไฟไหม้ จนกระทั้งบัดนี้
                ชาวบ้านส่วนหนึ่งหลบหนีเข้ามาในวัดฉลอง เมื่อพวกอั้งยี่รุกไล่ใกล้วัดเข้ามา ต่างก็เข้าไปแจ้งให้หลวงพ่อแช่มทราบ และนิมนต์ให้หลวงพ่อแช่ม หลบหนีออกจากวัดฉลองไปด้วย หลวงพ่อแช่มไม่ยอมหนี ท่านว่า  

                "ข้าอยู่ในวัดนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จนอายุป่านนี้แล้ว ทั้งเป็นสมภารเจ้าวัดอยู่ด้วย จะทิ้งวัดเสียอย่างไรได้ พวกสูจะหนีก็หนีเถิด แต่ข้าไม่ไปล่ะ จะตายก็ขอตายอยู่ในวัด อย่าเป็นห่วงข้าเลย"
 

                เมื่อหลวงพ่อแช่มไม่ยอมทิ้งวัด ชาวบ้านต่างก็แจ้งหลวงพ่อแช่มว่า

          "เมื่อท่านไม่หนีพวกผมก็ไม่หนี จะขอสู้มันละ พ่อท่านมีอะไรเป็นเครื่องคุ้มกันตัว ขอให้ทำให้ด้วย"

          หลวงพ่อแช่มจึงทำผ้าประเจียดแจกโผกศีรษะคนละผืน เมื่อได้ของคุ้มกัน คนไทยชาวบ้านฉลองก็ออกไปชักชวนคนอื่นๆ ที่หลบหนีไปอยู่ตามป่า กลับมารวมพวกกันอยู่ในวัด หาอาวุธ ปืน มีด เตรียมต่อสู้กับพวกอั้งยี่

           พวกอั้งยี่ เที่ยวรุกไล่ฆ่าฟันชาวบ้าน ไม่มีใครต่อสู้ก็ชะล่าใจ ประมาทรุกไล่ฆ่าชาวบ้านมาถึงวัดฉลอง ชาวบ้านซึ่งได้รับผ้าประเจียด จากหลวงพ่อแช่มโพกศีรษะไว้ ก็ออกต่อต้านพวกอั้งยี่ พวกอั้งยี่ไม่สามารถทำร้ายชาวบ้าน กลับถูกชาวบ้านไล่ฆ่าฟันแตกหนีไป ครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งแรกของไทยชาวบ้านฉลอง

          ข่าวชนะศึกครั้งแรกของชาวบ้านฉลอง รู้ถึงชาวบ้านที่หลบหนีไปอยู่ที่อื่น ต่างพากันกลับมายังวัดฉลอง รับอาสาว่า ถ้าพวกอั้งยี่มารบอีกก็จะต่อสู้ ขอให้หลวงพ่อแช่มจัดเครื่องคุ้มครองตัวให้ หลวงพ่อแช่มก็ทำผ้าประเจียดแจกจ่าย ให้คนละผืน พร้อมกับแจ้งแก่ชาวบ้านว่า

 

                "ข้าเป็นพระสงฆ์จะรบราฆ่าฟันกับใครไม่ได้ พวกสูจะรบก็คิดอ่านกันเอาเอง ข้าจะทำเครื่องคุณพระให้ไว้สำหรับป้องกันตัวเท่านั้น" 

                ชาวบ้านเอาผ้าประเจียดซึ่งหลวงพ่อแช่มทำให้โพกศีรษะเป็นเครื่องหมายบอกต่อต้านพวกอั้งยี่
 

                พวกอั้งยี่ให้ฉายาคนไทยชาวบ้านฉลองว่า พวกหัวขาว ยกพวกมาโจมตีคนไทยชาวบ้านฉลองหลายครั้ง ชาวบ้านถือเอากำแพง พระอุโบสถเป็นแนวป้องกัน อั้งยี่ไม่สามารถตีฝ่าเข้ามาได้

              ภายหลังจัดเป็นกองทัพเป็นจำนวนพัน มีแม่ทัพ นายกอง ธงรบ ม้าล่อ เป็นเครื่องประโคมขณะรบกัน ยกทัพเข้าล้อมรอบกำแพงอุโบสถ ยิงปืน พุ่งแหลน พุ่งอีโต้ เข้ามาที่กำแพง 

            เป็นที่น่าอัศจรรย์ ที่บรรดาชาวบ้านซึ่งได้เครื่องคุ้มกันตัวจากหลวงพ่อแช่มต่างก็แคล้วคลาดไม่ถูกอาวุธของพวกอั้งยี่เลย รบกันจนเที่ยงพวกอั้งยี่ยกธง ขอพักรบ ถอยไปพักกันใต้ร่มไม้หุงหาอาหาร ต้มข้าวต้มกินกัน ใครมีฝิ่นก็เอาฝิ่นออกมาสูบ อิ่มหนำสำราญแล้วก็นอนพักผ่อน

            ชาวบ้านแอบดูอยู่ในกำแพงโบสถ์ เห็นได้โอกาสในขณะที่พวกอั้งยี่เผลอก็ออกไปโจมตีบ้าง พวกอั้งยี่ไม่ทันรู้ตัวก็ล้มตายและแตกพ่ายไป

           หัวหน้าอั้งยี่ประกาศให้สินบน ใครสามารถจับตัวหลวงพ่อแช่มวัดฉลองไปมอบตัวได้ จะให้เงินถึง 5,000 เหรียญ
 

           เล่าลือกันทั่วไปในวงการอั้งยี่ว่า คนไทยชาวบ้านฉลองซึ่งได้รับผ้าประเจียดของหลวงพ่อแช่มโพกศีรษะ ล้วนแต่เป็นยักษ์มารคงทนต่ออาวุธ ไม่สามารถทำร้ายได้ ยกทัพมาตีกี่ครั้งๆ ก็ถูกตีโต้กลับไป ในทุกครั้ง จนต้องเจรจาขอหย่าศึกยอมแพ้แก่ชาวบ้านศิษย์หลวงพ่อแช่ม โดยไม่มีเงื่อนไข

           คณะกรมการเมืองภูเก็ต ได้ทำรายงานกราบทูลไปยังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้คณะกรมการเมืองนิมนต์หลวงพ่อแช่ม ให้เดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร มีพระประสงค์ทรงปฏิสันฐานกับหลวงพ่อแช่มด้วยพระองค์เอง

           พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานสมณศักดิ์หลวงพ่อแช่ม เป็น พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญานมุนี ให้มีตำแหน่งเป็นสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต อันเป็นตำแหน่งสูงสุดซึ่งบรรพชิตจักพึงมีในสมัยนั้น ในโอกาสเดียวกัน ทรงพระราชทานนามวัดฉลองเป็นวัดไชยาธาราราม

                             


                จากคำบอกเล่าของคณะผู้ติดตามหลวงพ่อแช่มไปในครั้งนั้นแจ้งว่า มีพระสนมองค์หนึ่งในรัชกาลที่ 5 ป่วยเป็นอัมพาต หลวงพ่อแช่มได้ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้รดตัวรักษา ปรากฏว่าอาการป่วยหายลงโดยเร็วสามารถลุกนั่งได้ 


โยโส ภะคะวา อรหังสัมมา สัมพุทโธ อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภควันตัง อภิปูชะยามิ

โยโส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ธัมมัง อภิปูชะยามิ

โยโส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง สังฆัง อภิปูชะยามิ

โปรดติดตามในตอนต่อไป

 

หมายเลขบันทึก: 432996เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2011 12:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:39 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

บารมีหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง      ชวนพี่น้องชาวไทยไปกราบท่าน

กุฏิงามกราบหุ่นปั้นอันตระการ   เจดีย์สถานบรมสารีริกธาตุมั่นศรัทธา       

แวะมากราบหลวงพ่อแช่มด้วยคนนะครับ

จำได้ว่า

ท่านมีไม้เท้าอยู่หนึ่งอัน ปิดทองเสียด้วย สอบถามได้ความว่า

มีคนบนบานศาลกล่าวว่า หากอยู่รอดปลอดภัยจะปิดทอง "ของดี" ท่าน

ปรากฏว่ารอดจริง แต่ไม่กล้าไปแก้บน

จนเจ็บไข้ได้ป่วยแก้ไม่หาย

จนต้องไปแจ้งให้ท่านทราบ

ทราบเรื่องแล้วท่านบ่นเอาเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้ปิดทองของดี

โดยเอาไม้เท้าสอดใต้เก้าอี้แล้วท่านนั่งทับ

แล้วให้คนนั้นปิดทอง

จริงหรือเปล่าครับ

แหม.....คนเราพิเรนจริงๆ

สวัสดีครับ คุณวิโรจน์ พูลสุข

       ฟ้าฝน...ไม่ค่อยจะเป็นใจ ตอนนี้ผมสวดมนต์ขอพึ่งบารมีของหลวงพ่อแช่ม

ให้ฟ้าโปร่ง ทะเลเรียบ ปราศจากปัญหาอุปสรรค 

       คณะผมทั้งสิ้น 53 คน ไปนมัสการหลวงพ่อแช่มและเที่ยวภูเก็ต 1-3 เม.ย. 

       ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ คุณโสภณ 

ตามประวัติหลวงพ่อแช่มที่ผมค้นคว้ามา เป็นเด็กสาวครับ

สาวน้อยจอมแก่นแสนซน มีอาการปวดท้องไปบนพิเรน เกิดหายปวด 

รายละเอียดในตอนต่อไปครับ

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท