วันก่อนโดยสารรถไฟฟ้า ข้างๆ เป็นคุณแม่คนหนึ่ง มากับลูกชายอายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งอยู่ในวัยซน ดูเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ช่างคิด ช่างถาม คุณแม่ก็ไม่เบื่อที่จะคอยตอบคำถามเหล่านั้น แทรกด้วยการอบรมเป็นระยะ
สักครู่ มีโทรศัพท์มาถึงคุณแม่ บังเอิญนั่งอยู่ใกล้กันจึงได้ยินพอจับใจความว่า ลูกชายคนเก่งลืมโน้ตบุ้คของคุณแม่ไว้ในรถตู้เช่าเมื่อคืนนี้ หลังจากทำเสียงดุ (เล็กน้อย) ถามลูกชาย ก็ได้คำตอบแบบสำนึกผิดนิดๆ ว่า "ก็ผมลืมครับ แม่" เด็กชายทำหน้าเศร้าสักพัก แล้วก็หันไปสนใจกับสิ่งใหม่ๆ รอบตัวต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมแอบสังเกตเห็นคุณแม่ถอนหายใจ เดาเอาว่าโน้ตบุ้คเครื่องนั้นคงสำคัญ หรือมีข้อมูลอะไรสำคัญ และคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะได้คืนมา ตนเองก็คงรู้สึกกังวลไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้มากกว่านี้เล่า จำต้องฝืนยิ้ม และตอบคำถามอื่นๆ ที่เด็กชายขี้สงสัยถามต่อไป
เด็กๆ หลายคนคงไม่รู้ว่า ในหลายๆ ครั้งพ่อแม่ของเราก็ตกอยู่ในสภาพคล้ายกันนี้ โดยที่เราไม่มีโอกาสได้รับรู้สิ่งที่ท่านกลัดกลุ้มในใจเลย
พ่อแม่จึงเปรียบเสมือนเกราะกำบัง คล้ายแนวกั้นคลื่นที่ถาถมเข้าสู่ฝั่งให้อ่อนกำลังลง
การเป็นพ่อแม่ที่สามารถควบคุมสติ และอารมณ์ของตนเองได้ จึงถือได้ว่าเป็นผู้ที่ได้ปฏิบัติธรรมในขั้นสูง ที่คนธรรมดาๆ อย่างเราคงยากจะเทียบ
ไม่มีความเห็น