สึนามิไทยไปไกลถึงญี่ปุ่น

การจัดการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้

               คนไทยค่อนข้างรู้จักสึนามิน้อยมาก แต่เมื่อมีการเกิดสึนามิ ที่ภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ.2547 ทำให้ทุกคนรู้จักกันเป็นส่วนใหญ่ และรู้รสของการสูญเสีย โหดร้าย จนจำชื่อ "สึนามิ"ได้ติดหูติดตา พร้อมๆกับความหวาดกลัวเมื่อไปเที่ยวทะเล และป้ายข้อความ "สึนามิ เส้นทางที่เตือนภัย"ตามแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอันดามัน

              เมื่อปลายปีที่แล้ว ข่าวเรื่องการเกิด"สึนามิ"ในช่วงปีใหม่ ทำให้หลายฝ่ายออกมายืนยันว่าไม่เกิดแน่นอน โดยมีข้อความสั้น SMS เตือนถึงข่าวนี้ส่งตรงผ่านระบบโทรศัพท์มือถือซึ่งหลายคนอาจได้รับและก็ไม่เกิดจนได้  จนเราเริ่มๆจะลืมคำว่า "สึนามิ"ไป

              สึนามิเมืองไทย ไปไกลถึงญี่ปุ่น เพราะเจ้าของ "สึนามิ"จริงๆคือญี่ปุ่น เหมือนไทยเป็นเจ้าของ"ส้มตำ" อย่างไงอย่างนั้น แต่เดี๋ยวนี้ "ส้มตำ"ไปทั่วโลก และอาจอร่อยกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ

             คำว่า "สึนามิ" มาจากภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า "ท่าเรือ" (津 สึ) และ "คลื่น" (波/浪 นะมิ) ศัพท์คำนี้บัญญัติขึ้นโดยชาวประมงญี่ปุ่น ผู้ซึ่งแล่นเรือกลับเข้าฝั่งมายังท่าเรือ และพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยรายล้อมอยู่รอบท่าเรือนั้นถูกทำลายพังพินาศไปจนหมดสิ้น โดยในระหว่างที่เขาลอยเรืออยู่กลางทะเลกว้างนั้นไม่ได้รู้สึกหรือสังเกตพบความผิดปกติของคลื่นดังกล่าวเลย ทั้งนี้เนื่องจากคลื่นสึนามิไม่ใช่ปรากฏการณ์ระดับผิวน้ำในเขตน้ำลึก เพราะคลื่นที่เกิดขึ้นจะมีขนาดของคลื่น (แอมพลิจูด) ขนาดเล็กมากเมื่ออยู่ในพื้นน้ำนอกชายฝั่ง ในขณะเดียวกันก็มีความยาวคลื่น ที่ยาวมาก (ปกติจะมีความยาวหลายร้อยกิโลเมตร) ทำให้คลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นไม่สามารถสังเกตเห็นได้ขณะที่ลอยเรืออยู่บนผิวน้ำกลางทะเลลึก เนื่องจากคลื่นที่เกิดขึ้นจะเห็นเป็นเพียงแค่เนินต่ำ ๆ ตะคุ่ม ๆ อยู่ใต้น้ำเท่านั้น (วิกิพีเดีย)

           ไปๆมาๆญี่ปุ่นเอง เป็นเจ้าของ สึนามิ และรู้เรื่องสึนามิดีกว่าประเทศต่างๆในโลกก็ว่าได้  การเกิดสึนามิสำหรับประเทศที่เตรียมการในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งด้านความรู้ของเยาวชน ประชาชน เรื่องการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง เรื่องการเตือนภัย ก็ยังประสบได้ขนาดนี้ ซึ่งข่าวว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นในรอบ 140 ปี

           ทุกคนคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และวิกฤติการณ์ครั้งนี้ เชื่อว่า "โลก"คงจะตื่นตัวในเรื่องนี้กันครั้งใหญ๋ เกี่ยวกับการป้องกันและให้ความรู้ ที่สำคัญเมืองไทย ก็ติดมหาสมุทรทั้งด้านตะวันออกและตะวันตก  คงจะต้องให้ความรู้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนกันมากขึ้น พอๆกับการตื่นในเรื่องนี้ของชาวโลก

           มีคนมากระซิบข้างๆว่า "มนุษย์ทำลายธรรมชาติมามาก สุดท้ายธรรมชาติก็จะเอาของเขาคืน"

          ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ และถึงเวลาที่ทุกคนจะนึกถึง "สึนามิ"กันอีกครั้งหลังจากเกือบลืมกันไปแล้ว