ปล่อยอะไร วางอะไร


You have to let it go

วันศุกร์กลางคืนที่แล้ว ได้ไปปฎิบัติธรรมกับท่านอาจารย์โชติกะ พอดีมีพระบวชใหม่ มาบวชทดแทนคุณของพ่อแม่ ใช้เวลาในการเป็นเพศบรรชิตหนึ่งสัปดาห์  คืนนั้นท่านมาร่วมเดินจงกลม และนั่งสมาธิด้วย  ท่านเดินจงกลมด้วยความตั้งใจ  สงบ ช้า สง่างาม และมีสติทุกย่างก้าว

ดูแล้วสาธุอนุโมทนาในความตั้งใจของท่าน  หลังจากการนั่งสมาธิ ท่านอาจารย์ให้โอกาสให้ลูกศิษย์ได้ซักถามข้อสงสัย

ท่านอาจารย์ก็พูดไปเรื่อยๆเป็นภาษาอังกฤษ ผมก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะท่านอาจารย์แปลภาษาบาลีเป็นภาษาอังกฤษ บางคำไม่เคยได้ยินมาก่อน หลวงพี่บวชใหม่ท่านดีกว่าผมมาก เพราะท่านเป็นเด็กไทยที่เกิดที่นี้ ท่านพูดภาษาอังกฤษไพเราะมาก ฟังแล้วระรื่นหู

มีตอนหนึ่งท่านอาจารย์พูดว่า You have to let it go (รู้แล้วละ รู้แล้ววาง) แล้วท่านก็บรรยายธรรมะของท่านไปเรื่อยๆ  พอเสร็จท่านอาจารย์ก็ถามว่ามีใครสงสัยอะไรไหม

หลวงพี่บวชใหม่ก็ถามขึ้นด้วยความข้องใจว่า ท่านมีครอบครัว มีภรรยา มีลูก จะให้ท่าน Let it go (รู้แล้วละ แล้วปล่อย แล้ววาง) ท่านจะทำได้อย่างไร ลูกเมียมิแย่หรือ

ท่านอาจารย์ยิ้มแล้วหันหน้าไปทางพระหนุ่มว่า  ไม่ใช่อย่างงั้น  You have to let it go หมายความว่า คุณต้องให้ attachment goes ไม่ใช่ให้ Your family goes.  สำหรับฆราวาส คุณมีครอบครัวได้  แต่อย่ามีแบบตัณหาอุปาทานว่าเป็นตัวเราของเรา จะได้ไม่เป็นทุกข์ เมื่อถึงคราวที่จะต้องพลัดพรากจากสิ่งของอันเป็นที่รัก ท่านอาจารย์ก็อธิบายไปเรื่อยๆ ผมจำได้แค่นี้  คงจะคล้ายๆคำสอนของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่ท่านสอนว่า

เราก็มองเห็นคนเกิดมา  คนแก่เราก็มองเห็น แต่เราละไม่ได้

คนเจ็บไข้ได้พยาธิเราก็มองเห็น แต่เราละไม่ได้

คนตายเราก็มองเห็นแต่เราละไม่ได้

ถ้าเราเห็นความเกิดเป็นทุกข์แล้ว เราก็หยุดการเกิดทั้งหลาย

ถ้าเราเห็นความแก่แล้ว มันก็ถอน ราคะ โลภะ โทสะโมหะ ความโลภ ความโกรธ ความหลงได้

ความทะเยอทะยาน ความอยากดิ้นรนทั้งหลาย ยิ่งเห็นความเจ็บไข้ได้พยาธิ ยิ่งทุกข์แสนทุกข์ ร้องโอย ครางโอยอยู่อย่างนี้แหละ ถ้าเราเห็นอย่างนี้แล้ว

ก็ยิ่งวาง ยิ่งละ ละอุปาทานการยึดถือทั้งหลายทั้งหมด ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของเรา รวมกันแล้วก็ไม่เป็นตัวของเราแล้ว

 มีแต่บ่นเจ็บ บ่นปวด ตรงไหนๅก็เหมือนกัน

เราเห็นจริงแจ้งประจักษ์แล้ว

จิตเราก็ถอนอุปาทานการยึดถือ หรือละ สักกายทิฎฐิได้

พระหนุ่มได้ยินคำตอบก็ยิ้มออกมาได้ ศรัทธาในคำสอนของอาจารย์ที่สามารถอธิบายคำทางพุทธศาสนาให้ท่านเข้าใจได้ และคงดีใจอีกว่าอย่างน้อยท่านสึกออกไปแล้ว ก็ไม่ต้อง Let family go.

 

 


รูปมาจาก internet

หมายเลขบันทึก: 425753เขียนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2011 10:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ขอบคุณครูหยุยที่แวะมาเยี่ยมครับ

You have to let it go (รู้แล้วละ รู้แล้ววาง)

ทำยากมากค่ะ

สวัสดีค่ะ  ถูกใจมากค่ะ

 "You have to let it go หมายความว่า คุณต้องให้ attachment goes ไม่ใช่ให้ Your family goes.  "

ถ้าคนที่นับถือศาสนาพุทธเข้าใจสิ่งนี้แล้วค่อยๆนำไปปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันที่เป็นอยู่ ชีวิตจะเป็นทุกข์น้อยลงทีเดียว ไม่วิ่งตามกระแสโลก เพราะวิ่งจนเหนื่อยตายไป เกิดอีกกี่รอบก็ตามไม่ทัน มันมีเพิ่มเรื่อยๆ หากหยุดกิเลส "..ถอน ราคะ โลภะ โทสะ

ค่อยๆ ลด ละ เลิก ไปทีละอย่าง ทีละเล็กละน้อยมันก็จะค่อยๆหมดไปเอง เมื่ออย่างหนึ่งลด จะส่งผลต่อเนื่องให้อย่างอื่นลดได้โดยไม่ลำบากเลย  มันจึงเป็นเรื่องไม่ยากนัก ขอเพียงให้เริ่มทำจะรู้ว่า เวลาอยู่ในสังคมโดยไม่มีตัวตน เบา และสบายจริงๆ ปล่อย..วางลงบ้าง ก็จะไม่หนัก

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆที่นำมาเผยแพร่ค่ะ

 

สวัสดีครับคุณ

ติดตามไปอ่านผลงานการกุศลของคุณ MeePole อยู่เสมอ รู้สึกศรัทธา ในความมีน้ำใจ ใจบุญใจกุศลของคุณ Meepole   

อนุโมทนาบุญด้วยครับ

ปล: ในฐานะที่เป็นนักถ่ายรูปด้วยกัน  ผมเพิ่งได้กล้อง Nikon D7000 Lense 18-200 มาครับ เลยมีรูปสวยๆ(เพราะกล้อง) มาให้ชาวG2K ได้ชม 

 

คุณ ลองไปอ่าน Do you really want to be free? ของอาจารย์พรหมดูซิครับ

ผมอ่านแล้วชอบมากๆ อยากให้ได้อ่านครับ

สวัสดีค่ะ

".....ยิ่งวาง ยิ่งละ ละอุปาทานการยึดถือทั้งหลายทั้งหมด ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของเรา รวมกันแล้วก็ไม่เป็นตัวของเราแล้ว มีแต่บ่นเจ็บ บ่นปวด ตรงไหนๅก็เหมือนกัน เราเห็นจริงแจ้งประจักษ์แล้ว จิตเราก็ถอนอุปาทานการยึดถือ หรือละ สักกายทิฎฐิได้....

ขอบคุณ ธรรมที่นำมาให้นี้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ จะทำไปเรื่อยๆตราบเท่าที่โอกาสอำนวยให้ค่ะ ให้คุ้มกับที่ได้โอกาสเกิดเป็นมนุษย์ เช่นกัน

แล้วจะติดตามผลงานรูปสวยๆ และบทความดีๆเช่นกันค่ะ

....ว่างได้..วางได้...เปล่าดาย...เจ้าค่ะ...(สวัสดีค่ะ..คนไกลบ้าน...ยายธีค่ะ)

วางได้หรือตามรู้แล้ว วางเฉย ปล่ิอยวางได้ "เป็นเช่นนี้เอง"

 

ไม่ง่ายเลยนะคะ

 

ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท