การจัดกิจกรรมอยู่ค่ายพักแรมลูกเสือ
กิจกรรมของลูกเสือมีอยู่ ๓ ประเภท ซึ่งในการจัดการเรียนการสอนลูกเสือใน แต่ละช่วงชั้น ตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือจะต้องวางแผนในการจัดให้ครบ
ทุกประเภท ซึ่งกิจกรรมลูกเสือทั้ง ๓ ประเภท มีดังนี้
๑. กิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของลูกเสือ คือกิจกรรมที่มีอยู่ในหลักสูตรลูกเสือแต่ละประเภท
๒. กิจกรรมเพื่อความก้าวหน้าสู่ความเป็นเลิศ คือเครื่องหมายวิชาพิเศษของลูกเสือแต่ละประเภท
๓. กิจกรรมที่เป็นอุดมการณ์ของลูกเสือ คือ การบริการ การบำเพ็ญประโยชน์ และการพัฒนาชุมชน. นั่นเอง
- กิจกรรมทั้ง ๓ ประเภทนี้โรงเรียนต่างๆต้องจัดไว้ในแผนการสอน
ลูกเสือให้ครบ ทุกระดับช่วงชั้น
- การนำลูกเสือไปอยู่ค่ายพักแรม เป็นการเสริมเติมเต็มเนื้อหาวิชา
และ กิจกรรมให้ครบหลักสูตร และยังสามารถ “ทดสอบเพื่อ
เลื่อนชั้นหรือวิชาพิเศษในขณะอยู่ค่ายพักแรมได้” ตามข้อบังคับ
ข้อ ๑๔๓ (๓)
- วิชาพิเศษที่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือจัดให้ลูกเสือทุกคนได้เรียนพร้อมกัน
ทั้งกองในขณะอยู่ค่ายพักแรม ควรเป็นวิชาพิเศษ ที่เป็นที่กำหนดไว้ใน ข้อบังคับและเป็น วิชาพื้นฐาน ในการเรียนวิชาอื่นที่สูงขึ้นต่อไป (ให้ดูรายละเอียดตอนท้ายตารางการจัดกิจกรรมลูกเสือแต่ละระดับชั้น)
การอยู่ค่ายพักแรมเป็นวิชาที่สำคัญที่สุดในการฝึกอบรมลูกเสือ ลูกเสือที่ไม่ได้เข้าค่ายพักแรมหรือไม่เคยปฏิบัติกิจกรรมการอยู่ค่ายพักแรม อาจถือได้ว่าไม่ได้เป็นลูกเสืออย่างแท้จริง
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือเป็นบุคคลสำคัญที่จะจัดตารางฝึกอบรมลูกเสือของตนเองเกี่ยวกับการอยู่ค่ายพักแรม โดยผู้บังคับบัญชาลูกเสือต้องมองเห็นความสำคัญและคุณค่าของการอยู่ค่ายพักแรมอย่างแท้จริง จึงจะสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม
การอยู่ค่ายพักแรมมิใช่การแยกตัวเองออกไปจากสังคมเมือง หรือการอยู่อย่างเป็นส่วนตัว แต่การอยู่ค่ายพักแรม คือการสร้างประสบการณ์ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขกับธรรมชาติ ซึ่งวิธีการอยู่ค่ายพักแรมเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ควรจะมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือเมื่อคิดว่าตนเองจะนำลูกเสือเข้าค่ายพักแรม ผู้บังคับบัญชาลูกเสือจะต้องคิดและทำสิ่งใดบ้าง
ท่านอาจจะถามตัวท่านเองว่า “จะไปอยู่ค่ายพักแรมทำไม ?” หากท่านยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ ท่านก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จในการอยู่ค่ายพักแรมเลยก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นท่านอาจจะต้องประสบปัญหาความยุ่งยากมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ มาตรฐานของการอยู่ค่ายพักแรมก็ต่ำลง กิจกรรมต่างๆก็อาจไม่ได้เตรียมไว้เลย และในที่สุดความล้มเหลวก็จะเกิดขึ้น โดยที่ท่านและลูกเสือจะต้องสูญเสียความสุขที่ได้รับ เสียเวลาอันมีค่ายิ่ง เสียเงิน และเสียโอกาสอีกมากมาย รวมทั้งเสียความรู้สึกที่ดีต่อการอยู่ค่ายพักแรมหรือต่อกิจการลูกเสือด้วย
เมื่อท่านต้องการที่จะจัดกิจกรรมการอยู่ค่ายพักแรม ท่านควรจะมีแผนการจัดที่ดี ว่าท่านจะทำเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์ใด ทั้งนี้เพื่อให้การไปอยู่ค่ายพักแรมบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
การอยู่ค่ายพักแรมเป็นเรียนรู้อย่างสนุกสนานกับชีวิตกลางแจ้ง และมีความสุขมากกว่า
การใช้ชีวิตอยู่ในบ้านมากมาย เป็นการเติมเต็มประสบการณ์ตรงของชีวิตให้กับลูกเสือ ดังคำกล่าวของ B.P. ที่ว่า “การอยู่ค่ายพักแรม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตลูกเสือ” ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ที่จะนำลูกเสือไปอยู่ค่ายพักแรม ควรจะต้องมีการวางแผนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่จัดให้กับลูกเสือขณะอยู่ค่ายพักแรมจะต้องเป็นไปตาม หลักสูตรของแต่ละระดับชั้นเป็นไปตามความต้องการของลูกเสือ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการอยู่ค่ายพักแรม
การอยู่ค่ายพักแรมเป็นกิจกรรมที่สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ เมื่อคนเราอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม เป็นกอง จะต้องมีกฏ กติกา ระเบียบข้อบังคับ เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานให้การอยู่ร่วมกันดำเนินไปด้วยความราบรื่น เรียบร้อย และเกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม การที่ลูกเสือได้เข้าค่ายพักแรมเป็นการฝึกให้ลูกเสือมีทักษะชีวิตและพัฒนาตนเองในฐานะที่เป็นสมาชิกหนึ่งของกลุ่ม