ครั้งหนึ่งผู้เขียนได้พบเหตุการณ์ที่เรามักพบเห็นบ่อย ๆ แต่มาสะกิดใจอยู่นิดหนึ่งก็ตรงที่มีเด็กเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย วันนั้นผู้เขียนได้เดินทางไปทัศนศึกษายังสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งแถวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในบริเวณสถานที่นั้นได้จัดตกแต่งภูมิทัศน์ไว้อย่างสวยงามด้วยต้นไม้ ดอกไม้ สนามหญ้า สิ่งของต่าง ๆ อีกมากมาย เป็นที่ตื่นตาตื่นใจกับผู้ที่พบเห็นในขณะที่ผู้เขียนกำลังชื่นชมสถานที่อันงดงามนั้น ก็มีนักเรียนอีกคณะหนึ่งมาทัศนศึกษาอยู่เช่นกัน มีคุณครูหลายคนที่มากับกลุ่มนักเรียนคณะนั้น ได้ยินคุณครูอธิบายการปฏิบัติของนักเรียนให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสถานที่เช่น การห้ามถ่ายภาพ ห้ามจับต้อง หรือการห้ามเดินลัดสนามหญ้า และเห็นเด็ก ๆ ดูที่จะสนใจในการศึกษาหาความรู้อย่างกระตือรือร้นตามอัธยาศัย พากันวิ่งไปมาอย่างสนุกสนานแต่ก็ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสถานที่เป็นอย่างดี
ในขณะเดียวกัน ผู้เขียนก็มองไปเห็นคุณครูที่พาเด็กมาทัศนศึกษานั้นพากันเดินลัดสนามข้ามไปยังศาลาที่พักกลางสวนหย่อมหลังหนึ่งแล้วคุยกันอย่างสบายอารมณ์เหมือนหมดภารกิจอันหนักหน่วงในการดูแลนักเรียน แต่ผู้เขียนก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า เมื่อสักครู่คุณครูประกาศให้นักเรียนปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด แต่ทำไมครูถึงทำตรงกันข้ามกับเด็กอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่มีป้ายบอกห้ามเดินลัดสนาม สงสัยคุณครูสายตาจะยาวไปหน่อย เลยมองไม่เห็นป้ายที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวขนาดนั้น
ผู้เขียนลองนึกถึงพฤติกรรมของครูกลุ่มนี้ กับคนไทยอื่น ๆ ที่เคยพบเห็นมา ก็พบว่าไม่ต่างกันมากนัก มีหลายคนมักทำในสิ่งที่ห้ามให้คนอื่นทำ เหมือนครูกลุ่มนี้ ตำรวจจราจรก็มักจะขับรถย้อนศรอยู่เสมอเพราะไม่มีใครทำอะไรเขาได้ก็เพราะเขาคือผู้รักษากฎหมาย หลายคนจอดรถในที่ห้ามจอด หลายคนทิ้งขยะไม่เลือกที่ บางคนสูบบุหรี่ในที่สถานที่ห้ามสูบ และยังมีอีกหลายอย่างมากมาย ท่านผู้อ่านลองทบทวนดูว่าทุกสิ่งที่มีการกระทำฝ่าฝืนนั้น มักมาจากผู้ที่คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ อยู่เหนือคนอื่น ไม่มีใครกล้าทำอะไร และมักจะทำบ่อย ๆ จนติดเป็นนิสัยจนมองไปว่าทำได้โดยไม่ผิดแต่อย่างใด
การแก้ไขเราจะทำอย่างไร ผู้เขียนอยากเสนอความเห็นเล่น ๆ ว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องในที่สาธารณะต้องแก้ด้วยสาธารณะ ใครฝ่าฝืนอะไรที่ใด ต้องจับให้ได้และสำเร็จโทษประจานในที่นั้นเลย รับรองบุคคลนั้นจะเปลี่ยนพฤติกรรมที่ติดเป็นนิสัยเสียนั้นไปจนตายจากโลกนี้แน่นอน แต่นั่นเป็นสิ่งแก้ปลายทาง ต้นทางนั้นควรมองไปที่เด็ก เคยเห็นพระรูปหนึ่งท่านมีวิธีการสอนเด็กที่ดีมาก นำภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมาฉายให้ดูก็เป็นวิธีการหนึ่งที่เด็กสามารถจะเห็นตัวอย่างได้จริงและจะสามารถแยกแยะพฤติกรรมคนไทยได้ดี สิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ผู้เขียนอยากหวังนิด ๆ ว่าแนวคิดนี้จะสะดุดใจสักนิดกับคนไทย อย่าให้คนไทยทำอย่างที่เคยมีคนเขาบอกว่า
“อะไรที่ห้าม คนไทยทำทั้งนั้น...”
ไม่มีความเห็น