เป็นธรรมดาของคนที่อยู่ในวัยปลดเกษียณอายุ ที่ถึง ๖๐ ปีแล้ว แต่ ข้าพเจ้านี่ซิ อายุก็จะพึ่ง ๓๘ ปีนี้เองยังกับดูเหมือนว่าตัวเองปลดเกษียณที่อายุ ๖๐ ปี แต่เพราะเป็นว่าเราเป็นทหารล่ะกระมัง จึงได้รับเบี้ยหวัดบำนาณจึงปลดอายุเกษียณของตัวเองลงที่นี้ และการที่ว้าเหว่ นี่เองเป็นสาเหตุให้หลายคนหาอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
" แต่จะมีใครซักคนที่เข้าหาความจริงของสัญชาตญาณ ว่าเดิมแล้วสัญชาตญาณของมนุษย์ที่แท้นั้นคือ อะไร กาม กิน เกียรติ หรือ หรือ เป็นผู้ที่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้แก่สิ่งที่ถูก"
นั้นเองจึงเป็นประเด็นของปัญหาทั้งปวงว่าสิ่งที่ถูกคืออะไร
บางคนว่าสิ่งที่ถูก คือ ตัวฉันเอง
บางคนว่าสิ่งที่ถูก คือ พวกฉันเอง
บางคนว่าสิ่งที่ถูกคือ สิ่งที่ได้มาด้วยอำนาจ ไม่ว่าอำนาจจะมาจากไหน ข้าฯขอเอามา"
บางคนว่าสิ่งที่ถูกคือ สิ่งที่ตนเองพอใจ
บางคนว่าสิ่งที่ถูกคือ ศรัทธา เมื่อมีศรัทธาแล้ว อะไรๆก็สำเร็จไปได้
"ซึ่งทุกสิ่งล้วนเป็นมุมมองที่แตกต่างกัน จะมีใครซักคนที่ยอมทุกอย่างเพื่อสิ่งๆนั้น สิ่งที่ไม่มีแม้แต่ความหวัง"
นมัสการพระคุณเจ้า
เห็นชื่อบันทึก "เศร้า เหงา และว้าเหว่" แล้ว คิดไม่ถึงว่าพระคุณเจ้าจะบันทึกได้กินใจขนาดนี้ ลึกซึ้งมาก ชอบและเห็นด้วยที่ว่า สัญชาตญาณของมนุษย์ที่แท้คือผู้ที่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่สิ้งที่ถูก ส่วนความเศร้า ความเหงา และความว้าเหว่ ย่อมมีอยู่ในมนุษย์ทุกคน ขอให้เราทำตัวเป็นเพื่อนกับมัน เข้าใจว่าธรรมดาของชีวิตมีสิ่งเหล่านี้เป็นเพื่อนเสมอ แล้วเราจะไม่รู้สึกว่า เศร้า เหงา และว้าเหว่ เลย