ตอนนี้ผมทำงานให้แก่มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลถึง 4 สถานะ วันนี้ (1 ส.ค.49) ทำหน้าที่ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาวิชาการ (SAC - Scientific Advisory Committee) ซึ่งคณะกรรมการเป็นคนไทยล้วนรวม 15 คน เราประชุมกันเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้เพื่อสรุปว่าในจำนวนผู้ได้รับเสนอชื่อในปีนี้ 59 คน และรายชื่อที่เก็บไว้จาก 2 ปีที่แล้วอีก 9 คน เราจะ short - list ให้เหลือ strong candidate กี่คน เป็นใครบ้าง และเขียน recommendation ส่งให้คณะกรรมการ International Award Committee - IAC (ซึ่งผมก็เป็นประธานอีกนั่นแหละ) พิจารณา กรรมการชุดนี้ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ
ปีนี้ IAC จะไม่ประชุม แต่จะประชุมโดยใช้ E-mail แทน โดยที่เมื่อเดือน พ.ย.48 เราได้ทำการบ้านเผื่อไว้แล้วว่าผู้สมครได้รับรางวัลของปี 49 ควรอยู่ใน field ไหน และเรามีรายชื่ออยู่ในใจด้วยซ้ำ แต่เราก็ต้องพิจารณารายชื่อที่ได้รับเสนอใหม่อย่างจริงจัง ถ้ามีคนที่ผลงานเด่นกว่าก็จะได้รับการพิจารณา คือทุกอย่างเน้นที่ "merit" อย่างแท้จริง
ในวงการวิชาการ คนเก่ง ๆ ก็เป็นปุถุชนนะครับ กรรมการของเราเป็นผู้รู้กว้างและลึก บางคนรู้ไส้ผู้ได้รับเสนอชื่อที่ถ้าอ่านเฉพาะคำเสนอผลงานเราก็จะไม่รู้ด้านลบของเขา
เมื่อ 6 ปีมาแล้ว ตอนที่ ศ. นพ. ประเวศ วะสี ส่งต่อหน้าที่ประธาน SAC มาให้ผม และแนะให้จัด office เล็ก ๆ ทำงาน SAC แบบงานวิชาการ และทำงานเชิงรุกโดยมีการค้นหาผลงานเด่นใน area สำคัญ ๆ ด้านการแพทย์และด้านสาธารณสุข (Basic Discovery & Application) เอามาประชุมปรึกษากันอย่างต่อเนื่อง ใช้การทำงานเพื่อสรรหาผู้สมควรได้รางวัล เป็นการเรียนรู้ร่วมกันของนักวิชาการไทย และเรียนรู้จาก IAC ด้วย ผมโดยอาจารย์สั่งให้ทำงานผมก็ต้องรับ แต่รับแบบงง ๆ ว่าฝีมืออย่างผมจะไปทำอะไรได้ คือผมมองว่าความรอบรู้ของผมมันไม่พอหรือจะว่ามือไม่ถึงก็ได้ ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ
แต่ปีนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าทีม SAC ซึ่งทุกคนเป็นคนยุ่งทั้งนั้น ไม่มีเวลา แต่ช่วยกันทำงานคนละเล็กละน้อยโดยมีคุณภัทรพร คงบุญ คอยช่วยค้นข้อมูลและประสานงานกับคนไม่มีเวลาเหล่านั้น แต่เป็นคนรอบรู้คนละด้านสองด้าน เริ่มสร้างสมประสบการณ์การทำงานวิชาการด้านการให้รางวัล ให้เกียรติแก่ผู้มีผลงานดีเด่นระดับนานาชาติไว้ในแผ่นดินไทย ซึ่งผมคิดว่าเป็นการสั่งสมความรู้ฝังลึก (tacit knowledge) ที่มีค่ามาก
งานนี้เป็นงานอาสา ทำงานถวายในหลวง ถวายสมเด็จพระเทพรัตน์ ถวายสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ฯ ทำแล้วสบายใจได้ความสุข
แต่ที่ยิ่งกว่านั้น สำหรับผมเป็นการเรียนรู้ที่หาโอกาสมิได้อีกจากแหล่งอื่น คือเรียนรู้จากการทำงานร่วมกับคนเก่งและเป็นคนดีของแผ่นดินไทย 15 คน ถ้าอยากรู้ว่าเป็นใครบ้างขอให้คอยอ่านในบล็อกของคุณภัทรพร gotoknow.org/blog/pmaf
วิจารณ์ พานิช
1 ส.ค.49
เป็นสิ่งที่ดีครับที่มีผู้รู้ และมีประสบการณ์ในระดับประเทศ ได้มาทำงานร่วมกัน สำหรับในเรื่องเวลานั้นผมว่าไม่ใช่ปัญหาหลักในการทำงานเพราะทุกวันนี้ Technology สามารถเอื้อต่อการทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา หากมีผู้ประสานงานที่ดี
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์