โดยเภสัชกรแกะดำ
คนไข้ตามบ้านนอกคอกนา หลายคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ หากมีอาการไม่รุนแรง ก็พอจะไปรับยาที่โรงพยาบาลหรือตามร้านค้ามากินบรรเทาอาการได้ แต่ในรายที่ เป็นรูมาตอยด์ขั้นรุนแรง ยาเพรรดนิโซโลน(prednisolone) และยาคลอโรควิน (chloroquine)มักไม่ได้ผล ทำให้ผู้ป่วยต้องเกิดภาวะพิการจนข้อผิดรูป หลายคนเดินไม่ได้ หรือมือพิการบิดเบี้ยว จนทำงานไม่ได้มีมากมายเหลือเกินในชนบท คนจนนอกจากจะไม่เข้าถึงการศึกษาและแหล่งเงินทุนแล้ว ยังหมดโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีอีกด้วยหรือนี่ แล้วที่ว่าวงจรโง่ จน เจ็บ มันคงไม่พอแล้ว คงต้องเพิ่มคำว่าด้อยโอกาสลงไป ด้วยน่าสงสารคนไข้ตามบ้านนอกจริงๆครับ คนไข้บางคนเป็นข้าราชการครู เป็นถึงแม่พิมพ์ของชาติ ต้องขาพิการ เพราะโรครูมาตอยด์ เรื่องนี้ ไม่ควรเกิดขึ้น หากระบบบริหารงานสาธารณสุขบ้านเราดีพอ ปัญหาสำคัญของผู้ป่วยก็คือว่า ยาที่จะใช้ในการรักษาผู้ป่วยรูมาตอยด์ขั้นปานกลางถึงรุนแรงนั้นจำเป็น ต้องเป็น ยากลุ่มDMARDs เท่านั้นซึ่งยากลุ่มนี้ได้แก่ยา Leflunomide Cyclosporine Gold และ Methotrexate
ในบ้านเราระบบยาในวงการเภสัชกรรมมัก มองข้ามปัญหาแบบนี้ ปัญหาของการที่ผู้ป่วยไม่ได้รับยาที่สมควรได้รับ ปัญหาแบบนี้เภสัชกรจะมองว่าไม่ใช่ ความคลาดเคลื่อนทางยา ทางสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาลหรือสภาเภสัชกรรมก็ไม่มาเล่นเรื่องแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการจ่ายยาผิด หรือยาที่มีความเสี่ยงสูงมากกว่า สำหรับที่อำเภออุบลรัตน์ผู้ป่วยรูมาตอยด์ต้องพิการเพราะไม่ได้ยากลุ่ม DMARDs อย่างเหมาะสมมีไม่ต่ำกว่า 50 คน ผมเองก็หวังว่าสักวันเราจะมองเห็นปัญหานี้ มองข้ามปัญหายา ไปเห็นความทุกข์ยากของผู้ป่วย ไม่รู้ผมจะมีอาสเห็นวันนั้นไหม ในส่วนข้อมูลด้านล่างเป็นข้อมูลของโรครูมตอยด์และการรักษาครับ
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว จะก่อให้เกิดการทำลายข้ออย่างรุนแรง เกิดความพิการ และการเสียชีวิตตามมา 1 การ รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอย์ได้เปลี่ยนไปมากจากช่วงปี ค.ศ. 1980-1990 ที่เน้นในการใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (nonsteroidal anti-inflammatory drugs: NSAIDs) เป็นหลัก และหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่มยาต้านรูมาติสซั่มที่ปรับเปลี่ยนการดำเนินโรค (disease modifying antirheumatic drugs: DMARDs) แต่ต่อมาพบว่าการรักษาดังกล่าวไม่สามารถทำให้โรคสงบได้ และผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงมีข้อถูกทำลาย และเกิดความพิการตามมา ในช่วงปี ค.ศ. 1990-2000 จึงได้มีการเปลี่ยนแนวทางในการรักษาเป็นการเริ่มใช้ยากลุ่ม DMARDs เร็วขึ้น ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจพิจารณาใช้ยา DMARDs หลายขนานร่วมกัน และอาจพิจารณาใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ขนาดต่ำร่วมด้วย โดยหวังว่าการรักษาดังกล่าวอาจทำให้โรคเข้าสู่อยู่ในระยะสงบเพิ่มมากขึ้น
แก้ปัญหายังไงดีครับ
คงต้องถามองค์กรแพทย์ ด้วยครับ
หากฉันมีเงิน และอำนาจ ฉันจะแก้ปัญหานี้อย่างไร คิดๆๆๆ