เรา..หาอะไรกันอยู่?


ทำไปแล้วได้อะไรบ้าง?

          หลากเรื่องราวที่พรั่งพรู เหมือนคนบ้าพลัง อยากจะเขียน อยากจะเล่าให้ทุกคนได้ฟังทั้งวัน ..และวันนี้ก็เป็นใจหลังจากที่ออกไปเยี่ยมไข้และไปติดต่อเรื่องการจัดตั้งโรงทานเสร็จก็รีบเข้ามานั่งหน้าโต๊ะคอมพ์ที่รกไปด้วยเอกสาร Note ต่างๆ เต็มโต๊ะ.. รวมถึงแผ่นกระดาษเล็กๆ ริมผนังกุฏิซึ่งเป็นรายชื่อต้นเรื่องที่อาตมาจะนำเสนอให้ทุกคนได้อ่าน...

บัญชรแต่ละชีวิตซึ่งมีหลากหลายที่มาและที่ไป.. เหตุและผลแต่ละคนต่างกันแต่ก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันที่จะต้องไปในตอนท้ายของชีวิต แต่ทว่า...จะอยู่ในสภาพไหน? หรือสบายเพียงไรก่อนจะตาย...ก็เท่านั้น...

หลายมุมชีวิตใจกลางมหานครของเอเซียแห่งหนึ่งที่อาตมาได้กลับมาเดินทอดน่องช้าๆ กับพระเพื่อนมองดูสรรพชีวิตที่ดินรน ไขว่คว้าตลอดเวลาที่นาฬิกาหมุน.. ความวุ่นวายของทุกชีวิตที่ดินรนแข่งขันกันทำมาหากิน ค่ำจรดเช้า..ทุกนาที  ไม่มีมุมไหนในมหานครที่จะสงบรื่นรมย์ แต่ตรงกันข้ามหน้าที่ที่ต้องแข่งกับเวลา ต้องเบียดบังเวลากินและนอนเพื่อกอบโกยอำนาจแห่งการซื้อเข้ากระเป๋าให้มากที่สุด เพราะทำเพียงหนึ่ง แต่ใช้ถึงสี่ห้าชีวิต เป็นปกติของสังคมแห่งความกตัญญูรู้คุณ และหน้าที่ของบุพการีที่ดีที่ต้องเอื้อเฟื้อต่อบุตรธิดา...

สองคืนที่รอนแรมออกนอกอาวาส ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ แม้จะไม่ถึง 48 ชั่วโมงดีก็ตาม แต่ทำให้เราได้เรียนรู้ และได้รับรู้ความจริงเสียทีว่า "เรา" ไม่เหมาะกับในเมืองหลวงเยี่ยงนี้...ไม่เหมาะกับความวุ่นวาย สับสน หรือการแก่งแย่ง... แต่เราเหมาะกับโลกแห่งการพัฒนาจิตใจ  โลกแห่งการพัฒนาอารมณ์มากกว่า จึงต้องแวะัเวียนมานั่งแนะนำผู้ที่สนใจในสิกขาแห่งเพศบริสุทธิ์...

ขอน้อมกราบพระครูท่านหนึ่งซึ่งเมตตาให้ที่พักเป็นกุฏิราคาร่วมสองล้านกว่า ที่สง่างามใจกลางชุมชน ด้วยความสูงสามชั้นมีจำนวนห้องมากกว่าสิบ ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อสองปีก่อนใช้เวลาเพียงสี่เดือน... การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งทางด้านวัตถุนิยมและวัตถุมงคลของพระเดชพระคุณ สร้างอาชีพให้คนในชุมชน และสังคมกลุ่มหนึ่งได้มีรายได้.. กับการให้เช่าบูชาพระ..(ไม่รวมกับอาชีพรับอัดพระนะ!) ซึ่งจากมันสมองของพระคุณเจ้าท่านอาจารย์ที่อยู่ในแวดวงนี้มาไม่น้อยกว่าสี่สิบปี ทำให้มีปัญญาอันชาญฉลาดในการสร้างอาชีพให้แก่คนกรุง!!!

ตอนเช้าหลังจากลงรถได้ก็สร้างรายได้ให้กับคนขับแท็กซี่ โดยการเผื่อแผ่ปัจจัยและเวลาให้ในการพาขับรถวนไปตามที่ต่างๆ ตั้งแต่เวลาตีสี่ครึ่งจรดเกือบหกโมง มิเตอร์ขึ้นค่าใช้จ่ายร่วมสี่ร้อยบาท  ทั้งๆ ที่ความจริงเราทราบอยู่ ได้แต่นิ่งและยักคิ้วเล็กๆ กับพระสหายที่เดินทางร่วมกัน..

บนเรือด่วนกับสมองที่แล่นฟุ้งไปตามกระแสระลอกของคลื่นกลางลำน้ำเจ้าพระยาในยามเย็น  กระแสแห่งสมองพาความฟุ้งซ่านโลดแล่นผ่านทะลุไปยังอดีตกับเรื่องราวที่ต้องดิ้นรนตั้งแต่จำความได้.. พ่อต้องทำกับข้าวตั้งแต่ตีสี่ แม่ออกบ้านแต่เช้า พี่สาวแยกไปเรียนนั่้งรถอีกฟากหนึ่งของซอย... แยกกันตอนตีสี่เจอกันอีกทีร่วมสามทุ่ม..ไม่เคยเจอหน้าหรือทานข้าวนอกบ้านร่วมกันเลย กิจกรรมต่างๆ ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียว.. เพราะคำว่าดิ้นรน... อักษรชุดนี้มันคั่นกลางความอบอุ่นในบ้าน มีแต่งานๆ ๆ ๆ เพื่อหา่เงินวางไว้ให้ลูกได้เรียนรู้และรู้จักการใช้ชีวิตด้วยตนเอง..

ทำไปแล้วได้อะไรบ้าง?..

แล้ววันนี้เราทำอะไรอยู่??

ต่างกัน..โดยสิ้นเชิงกับชีวิตในเบื้องหลังกับปัจจุบันที่เป็นอยู่ ที่ร้อยเรียง และเรียบเรียงให้อ่าน อยากให้ทุกคนได้คิด และมีสติอยู่กับปัจจุบันว่า.. ณ ตอนนี้เราทำอะไรอยู่? ณ ตอนนี้เราพร้อมหรือยังที่จะระวังการในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น?  ณ ตอนนี้เราประมาทในการใช้ชีวิตในด้านไหนบ้าง? ณ ตอนนี้เราให้อะไรบ้างกับคนที่คนชี้นำเราให้กำเนิดเรา? ลองหาคำถามไว้เยอะ ๆ แล้วค่อยๆ ทะยอยตอบดูซิ... แล้วคุณผู้อ่านจะทราบว่า ณ ตอนนี้เราสงบ และสงัดตัวเองมากแค่ไหน?.. หาอะไรกันอยู่?


หมายเลขบันทึก: 423028เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2011 19:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:13 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นมัสการเจ้าค่ะ....

อ่านบันทึกนี้แล้วคล้ายกับบันทึกที่กำลังเล่าให้เพื่อนๆฟัง  เกี่ยวกับชีวิตและไส้ติ่ง

เพราะไม่อยากให้ทุกคนยึดติดกับสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายเรา พยายามตัดมันออกไปจากชีวิตบ้างแล้วจะพบความสุขค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท