ดื่มน้ำเท่าไร...ได้สุขภาพ?
น้ำที่ร่างกายเราต้องสูญเสียไปในแต่ละวันนั้น คิดโดยเฉลี่ยเท่ากับ 2.5 ลิตร ซึ่งสามารถแยกได้ดังนี้ ปัสสาวะ 1.5 ลิตร/วัน, เหงื่อ 0.5 ลิตร/วัน, ทางลมหายใจ (ละอองน้ำ) 0.3 ลิตร/วัน, ทางอุจจาระ 0.2 ลิตร/วัน
ดังนั้นเราจึงต้องทำการชดเชยน้ำที่เสียไปไม่ต่ำกว่า 2.5 ลิตร ซึ่งการชดเชยน้ำให้ร่างกายนั้นแยกออกได้ 3 ทางดังนี้ จากการดื่ม ประมาณ 1.5 ลิตร/วัน, จากปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย (Metabolism) ประมาณ 0.2 ลิตร/วัน, จากอาหารต่างๆ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ฯลฯ ประมาณ 0.8 ลิตร/วัน
จากการดื่มน้ำที่ต้องให้ได้ 1.5 ลิตรโดยประมาณนี้เอง เป็นที่มาของการดื่มน้ำให้ได้ถึง 8 แก้วต่อวัน เพื่อความมั่นใจว่า ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
น้ำ 1 แก้ว = 240 มิลลิลิตรโดยประมาณ : 240 มล. X 8 แก้ว = 1,920 มล. หรือ 1.92 ลิตร (การดื่มน้ำแต่ละครั้งเราไม่นิยมรินน้ำเต็มแก้ว ดังนั้นปริมาณรวมที่ได้จริงๆ อาจต่ำกว่าค่าคำนวณที่ได้)
ทั้งนี้การดื่มน้ำให้ถึง 8 แก้วต่อวัน เป็นการดื่มน้ำ ในภาวะร่างกายปกติ ซึ่งปริมาณน้ำดื่มต่อวันสามารถเพิ่มขึ้นได้ขึ้นอยู่กับกรณีต่างๆ ดังนี้
สูญเสียเลือด ระหว่างวันเราควรดื่มน้ำมากที่สุดในแต่ละครั้ง และให้บ่อยเท่าที่เป็นไปได้
เป็นไข้ เวลาเป็นไข้ควรจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อชดเชยปริมาณน้ำที่สูญเสียไปจากการระเหยออกทางผิวหนัง การที่น้ำระเหยออกไป จะช่วยลดความร้อนจากอาการไข้ ทำให้ร่างกายเย็นลง นอกจากนี้ยังช่วยลดอัตราการเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานและโปรตีนในร่างกาย ลดการสร้างความร้อน และเพิ่มอัตราการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การดื่มน้ำมากๆ ระหว่างที่มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ จะช่วยเพิ่มการผลิตปัสสาวะ และล้างเอาเชื้อโรคออกไปได้เร็วขึ้น
เป็นโรคปวดบวมตามข้อหรือกล้ามเนื้อ ผู้ที่มีอาการเกี่ยวข้องกับการบวมของข้อต่อ กล้ามเนื้อ ผิวบริเวณข้อต่อ จะทำให้รู้สึกปวด ผู้ที่เป็นโรคนี้ควรดื่มน้ำมากๆ เพราะน้ำจะช่วยเจือจางเลือด และลดระดับกรดยูริกที่ปะปนอยู่ในเลือดให้ถูกขับออกไปพร้อมปัสสาวะ
ผู้ที่อยู่ในภาวะเหล่านี้มีความจำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำให้ได้ปริมาณต่อวันมากขึ้น รวมถึงนักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายหนักๆ เป็นประจำ เพราะจะเสียเหงื่อในปริมาณที่มากกว่าปกติ...
ประการสุดท้ายที่สำคัญยิ่ง แม้การดื่มน้ำให้ได้ปริมาณที่แนะนำต่อวันจะดีต่อสุขภาพ แต่ทั้งนี้ น้ำที่ดื่มก็ต้องสะอาด ปราศจากเชื้อโรคและสิ่งปนเปื้อนอันตรายด้วย
การฝึกตนเองและเด็กๆ ในครอบครัวให้ดื่มน้ำบ่อยๆ จนเป็นนิสัย มีข้อดีอีกประการคือ เราจะไม่รู้สึกต้องการเครื่องดื่มชนิดอื่นอีก ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่เป็นโทษต่อสุขภาพได้ |
ดื่มน้ำอย่างไร...ได้สุขภาพ?
ทราบกันแล้วว่า ในหนึ่งวันเราควรดื่มน้ำในปริมาณเท่าไร ต่อไปนี้เราจะมาทำความเข้าใจวิธีการดื่มน้ำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ
น้ำอะไร?
น้ำที่ดื่มต้องเป็นน้ำเปล่าธรรมดา ไม่ร้อนมากหรือเย็นจัด และที่สำคัญ ต้องสะอาด ปราศจากเชื้อโรค สิ่งปนเปื้อนอันตราย ไม่ขาดแร่ธาตุจำเป็น
เวลาไหน?
- ตื่นนอนตอนเช้า ดื่มน้ำ 1 แก้ว การดื่มในตอนเช้าจะทำให้การขับถ่ายดีขึ้น ลำไส้สะอาด
- ช่วงสาย ดื่มน้ำ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อชําระของเสียเหล่านั้นออกไป
- ก่อนและหลังอาหารทุกมื้อ ดื่มน้ำ 1+1 แก้ว
- บ่าย ดื่มน้ำประมาณ 3 แก้ว (เวลาประมาณ 13.00 – 14.00 น)
- เย็น ดื่มน้ำประมาณ 3 แก้ว (เวลาประมาณ 19.00 – 20.00 น)
- ก่อนเข้านอน ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น
(ช่วงเวลาอาจเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยตามความสะดวก)
ปริมาณเท่าไร?
โดยทั่วไปมีการแนะนำให้ดื่มวันละ 8 แก้ว แต่ที่จริงแล้วต้องวัดเป็นปริมาณ คือ ประมาณ 1.5 – 2 ลิตร
อ้างอิง :
http://www.thaihealth.or.th/node/13377
http://www.thaiantialcohol.com/th/index.php?option=com_content&task=view&id=264&Itemid=65
http://www.school.net.th/library/create-web/10000/generality/10000-4571.html
ไม่มีความเห็น