หลายปีมาแล้ว ข้าพเจ้าได้ตั้งข้อสังเกตว่า...
ในกลุ่มคนหน้างานที่สนใจในการทำ R2R ระดับความสนใจนั้นจะไม่เท่ากัน และก็อีกหลายๆ ครั้งที่ได้ลองจัดกลุ่มดู พร้อมกับการเดินทางร่วมชี้-เชียร์ R2R ในพื้นที่ต่างๆ ของงานสาธารณสุข ทำให้ประจักษ์ในการตั้งข้อสังเกตของตนเอง
โดยส่วนใหญ่ ... คนหน้างานที่ยังดำรงอยู่และใช้วิถีทางของ R2R เป็นแนวทางในการดำเนินวิถีชีวิตการงานของตนเอง จะเป็นคนที่เข้ามาเรียนรู้ด้วย "ใจ" คือ...มีมุมมองที่ดีและเชื่อมั่นต่อหนทางการทำ R2R (สัมมาทิฐิ) กลุ่มนี้ไม่ต้องออกแรงเชียร์มาก เพียงแค่ชี้ให้เห็นก็เกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว กลุ่มนี้ข้าพเจ้าเรียกว่า "พร้อมต่อการเรียนรู้"
กลุ่มรองถัดมา...กลุ่มนี้จะจดๆ จ้องๆ จะมาดีหรือไม่มาดี ยังมีความลังเลและความน้อมเอียงก็มาในหนทางแห่งความคิดที่ว่าน่าจะได้ลองทำดู สำหรับกลุ่มนี้ต้องออกแรงเชียร์มากหน่อย เพียงแค่การชี้ให้เห็นอย่างเดียวคงไม่พอ อาจต้องให้ข้อมูลและให้กำลังใจ พร้อมทั้งเกื้อหนุนต่อการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น
ส่วนกลุ่มที่สามกลุ่มนี้...หากเปรียบแล้วจะยืนดูอยู่ห่างๆ... แม้ว่าจะชี้หรือเชียร์อย่างไร เขาหรือเธอก็จะยังไม่ตัดสินใจทำ หากแต่จะคอยดูว่าทิศทางนั้นจะไปอย่างไร สำเร็จหรือล้มเหลว หากว่าดูไปแล้วทำสำเร็จ ก็จะขยับความสนใจขึ้นมาอีก...หรือหากเห็นว่าล้มเหลวก็จะไม่ทำและเดินจากไป
ส่วนกลุ่มสุดท้ายกลุ่มนี้ ไม่สนใจอะไรเลย... จะบังคับอย่างไรก็ไม่ทำ และหลบหนีไปเลย ปิดประตูใจไว้อย่างเรียบร้อย คล้ายคนสิ้นหวัง
จะอย่างไร...ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด ณ วันหนึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่า ทุกคนจะได้ก้าวเข้าไปสู่หนทางแห่งการเรียนรู้ เพียงแค่ว่าใครจะเดินนำหน้าใครเท่านั้น หากว่า "คุณอำนวย R2R" เข้าใจในธรรมชาติของคนหน้างาน จะทำให้เกิดการเรียนรู้ว่าจะชวน ชี้ เชียร์ใครให้ทำก่อน ... มันคล้ายงานศิลปะอย่างหนึ่งที่เราจะสรรค์สร้างออกมา หากเราไม่พิจารณาธรรมชาติของคนทำงานก่อน บางครั้งเราจะท้อได้ เพราะเราจะไปใส่ความคาดหวังไว้ทั้งหมด
๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔
ถอดบทเรียน คุณอำนวย R2R
แจ่มแจ้งจังนะคะ...