วันนี้ฟัง ดร.รัตนา มากี มาบรรยายพิเศษ เรื่อง ระบบการจัดการ TQF : พัฒนาทักษะนักศึกษา เสริมประสิทธิภาพงานคณาจารณ์และเจ้าหน้าที่ ขอสรุปประเด็นมาเล่าสู่กันฟังครับ
- คนไทยเก่ง...แต่ระบบไม่ดี
- มหาวิทยาลัยได้วัตถุดิบ (นักเรียน) มายังไง ...ต้องพัฒนาไปแค่ไหน (ไม่จำเป็น ต้องเท่าจุฬา) แต่ต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงตามเป้าหมาย
- สกอ.มีปัญหาด้านการสื่อสารมายังผู้ปฏิบัติ ทำให้เกิดความกลัวต่อภาระงานด้านเอกสารที่เพิ่มขึ้น แต่ความจริง เราเพียงยึดกรอบ สกอ. มาพัฒนาการเรียนการสอนตามหลักสูตรของเราเอง ซึ่งจำเป็นต้องทำอยู่แล้ว เพราะหากเรายังจะผลิตบัณฑิตแบบเดิม รับรองอีกไม่กี่ปีตกงานแน่ เพราะไม่ว่าจะเป้นด้านภาษาอังกฤษ หรือเทคโนโลยี Base on internet ความรู้เท่ากันทั่วโลก ธุรกิจย้ายฐานการผลิตมาเอเชีย เราจะมีคู่แข่งที่ยอมลดเงินรายได้มาแข่งกับเรามากขึ้น อย่าไปยึดติดคำว่า TQF.
- ผลผลิตในการจัดการเรียนรู้ต้องเน้น ทักษะที่วัดได้ ตามธรรมชาติของวิชา
- เด็กต้องคิดวิเคราะห์เป้น เราบรรยายอย่างเดียวไม่สามารถเข้าใจได้ทุกคน
- ดู trend ของธุรกิจด้วย จะได้จัดกิจกรรมการเรียนให้สอดคล้อง
- ใช้เทคโนโลยีช่วยในการประเมินติดตามผล ตามกรอบประเด็นที่ตั้งไว้ ตัวอย่างพัฒนาด้วยโปรแกรม Exel (Grade Smart)
- ผมว่าเราเอาแผนการสอนรายสัปดาห์ (สำหรับสายครู) ที่เคยทำอย่างละเอียด นั่นแหละมาปรับหลักสูตรตามกรอบ TQF มคอ. ต่าง ๆ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วย ซึ่งต้องร่วมมือทำกันเป็นทีม (จากหลายวิชาในแต่ละสาขา เพราะเรียนกัน 4 ปี จะได้รู้พัฒนาการเด็ก)
- key word : ต้องการให้บัณฑิตทำอะไรได้บ้าง ? (ไม่ใช่แค่ให้รู้อะไรบ้าง)