รวมพลคนทำงานหมอพื้นบ้านจังหวัดอุดร จุดพักงานครั้งที่ 1

รวมพลคนทำงานหมอพื้นบ้านจังหวัดอุดร จุดพักงานครั้งที่ 1

12 - 13 มกราคม 2553

 

หลังจากที่คณะกรรมการโครงการพัฒนารูปแบบระบบสุขภาพท้องถิ่นในแบบฉบับที่หมอพื้นบ้านมีส่วนร่วมได้เริ่มเปิดโครงการแล้ว เมื่อวันที่ 2 และ 8 ธันวาคม 2553 เพื่อให้ 9 ตำบล จาก 4 อำเภอที่มีทั้งแกนนำหมอพื้นบ้าน เจ้าหน้าที่ รพ.สต. (สถานีอนามัย) ตัวแทนจาก อบต.ทั้ง 9 แห่ง ได้มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการนี้ว่าเรากำลังจะสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ในงานด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ เราฝันว่าโครงการนี้จะสร้างแนวคิดเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่พบได้บ่อยในชุมชนและหมอพื้นบ้านมีความสามารถในการช่วยเหลือดูแล เป็นอีกช่องทางหนึ่งและเป็นช่องทางที่เป็นองค์รวม เป็นช่องทางที่ใช้ในการเกื้อหนุนกัน อุ้มลุ้มตุ้มโฮม พึ่งพาตนเอง และพึ่งพากันเองด้านสุขภาพได้ ซึ่งอยู่ในแผนงานพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ

                เรานัดกันจัดเป็นคาราวานหมอพื้นบ้านสัญจร โดยครั้งแรกนี้เราไปที่ ตำบลอ้อมกอ อำเภอบ้านดุง ใกล้ ๆ กับตำบลดงเย็น เขาว่าเป็นดินแดนของพระอรหันต์ หลวงปู่พรหม เขาว่าเป็นหลวงพระบางเมืองไทย ซะว่างั้น ที่อ้อมกอนี้เรามีผู้ประสานงานคือ พ่อสมชาย รองนายก อบต. พี่วิไล คุณลัดดา น้องอดิศักดิ์ จาก รพ.สต.อ้อมกอ เรามีพี่สมัย พ่อหนูจี พ่อหนูกัน พ่อกาทอน พ่อบุญช่วย ที่เป็นผู้ประสานงานในส่วนของหมอพื้นบ้าน ที่เรียกว่าจุดพักงาน เพราะจริง ๆ แล้วการจัดงานคาราวานหมอพื้นบ้านสัญจรเพื่อเป็นเวทีป่าวประกาศให้ชุมชนได้เรียนรู้และรู้จักกับหมอพื้นบ้านในชุมชนของตนเอง 

                กำหนดการที่เราคิดกัน วันแรกพิธีเปิดโดยท่านนายอำเภอ  มอบใบประกาศ  แนะนำหมอในพื้นที่ เปิดเวทีส่อคั๊ก ๆ บันเทิงเวทีด้วยหมอซอ  เสวนาความรู้  ภาคบ่าย เดินสายเยี่ยมบ้านหมอ ภาคกลางคืน ผญา สอย ก้อม แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม   วันที่สอง เดินป่าอ้อมกอ มอบใบทะเบียนหมอพื้นบ้านที่มีข้อมูลตาม TKDI ร่วมร้องเพลง ปิดเวที

                การจัดสถานที่  พ่ออำนวยและคณะเป็นมืออาชีพในการจัดเวทีไปแล้ว เพราะวันที่ 11 มกราคมา 2554 ด้วยความเป็นห่วงผมลงพื้นที่ไปดู พอลงจากรถเท่านั้นเจี๊ยบพูดว่า ใหญ่กว่าที่คิดมาก ๆ เฉพาะเวทีที่ อบต.อ้อมกอ ก็ใหญ่กว่าประตูฟุตบอลอีก ส่วนเต้นท์ต่าง ๆ เห็นพ่ออำนวยว่าได้ความสนับสนุนจาก อบต. เรื่องน้ำท่าได้จาก สอ.  ก็มาร่วมแรงกันในการติดป้ายต่าง ๆ ที่เครือข่ายเรามีป้ายที่ทำงานมาสะสมไว้มากมาย  ล้นครับงานนี้

                ผลตอบรับ หรือผลที่เกิดขึ้น ในวันแรกนั้นได้รับเกียรติจากท่านนายอำเภอบ้านดุง ท่านสาธารณสุขอำเภอบ้านดุง  มาเปิดงานและร่วมกิจกรรมการบายศรีสู่ขวัญเปิดงาน มอบใบประกาศของคณะที่ปั่นจักรยานไปสุรินทร์ ซึ่งอาจจะขลุกขลัก แต่ก็ตามแบบฉบับของชุมชนทำกันเอง   ตอนช่วงบายศรี และพิธีเปิด เรามีนน้องนักเรียน ป3 ป 4 มาร่วมกิจกรรมจนถึงเที่ยงเลยนะครับ  มีอีกภาพที่ผมเห็นคือ ภาพของความประทับใจ  คือเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงาน เริ่มตั้งแต่เวทีส่อคั๊ก ๆ เวทีนี้หลังจากพิธีเปิดเรามีการแนะนำหมอและน้องกุ้ง น้องฟ้า ปุ๊ก ตุ๊ก ที่ผ่านการอบรม TKDI เพื่อมาสัมภาษณ์หมอพื้นบ้าน ไม่ใช่การล้วงตับนะครับ แต่เป็นการสืบทอดความรู้ของหมอพื้นบ้าน ความรู้ในตัวคน โดยใช้แบบสัมภาษณ์ของโครงการ   บนเวทีก็มีการแสดง โดยเฉพาะพ่อวิลัย หนันทะ โซโล่ซอสร้างความครึกครื้น    ส่วนด้านล่างเวทีเรามีซุ้มแนะนำสมุนไพร อย่าว่าซุ้มเลย เอาเป็นเต้นท์ละกัน เต้นท์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอบต.อ้อมกอ  มีเต้นท์สมุนไพร นับรวมกันแล้ว 3 เต้นท์ เต้นท์นวด 1 เต้นท์ 3 ที่นอน โดยพ่ออำนวยลงทุนซื้อผ้ามาพาดตกแต่งอย่างหรูเลิศ ขอบอก   เต้นท์ดูมอ พ่อหนูจีก็ขายดีไม้แพ้ข้าวกล้องที่พ่อหนูจีนำเครื่องสีข้าวแบบโยกด้วยมือมา (หลายคนคงจะเคยเห็นนะครับ)  ซึ่งเด็ก ผู้ใหญ่ก็มาโยกสีข้าวกันสนุกสนานมาก นับเป็นภาพความประทับใจครับ  อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ ป้ายเกี่ยวกับความรู้เรื่องสมุนไพร ทั้งนักเรียน ซึ่งอาจจะได้รับคำสั่งจากครูก็ไปมุงกันจด ทั้งชาวบ้านที่อยากเรียนรู้ก็มานั่งจดกันครับ คราวหน้าหรือเวทีต่อไป คาดว่าน่าจะแจกสมุดโน๊ตกับดินสอท่าจะดี

                ช่วงบ่าย เวทีก็ยังดำเนินไป แต่ละเต้นท์มีชาวบ้านมามุงดู มาสอบมาถาม ผมลองถามคนที่มาแล้ว

เที่ยวหน้ากะว่าจะให้ลงทะเบียน  ใครลงทะเบียน ช่วงกลางคืนจะนำรายชื่อมาจับฉลาก เพื่อเป็นการชักชวนให้มาร่วมกิจกรรมตอนเย็น   ตอนช่วงบ่ายเราเดินสายไปเยี่ยมให้กำลังที่บ้านหมอในพื้นที่  4 คนเราดีใจมาก ๆ  ก็คิดถึงคำถามของพี่กระรอกนะครับว่า ถ้าเป็นหมอยา เก็บยาที่ไหน ปลูกยาไว้ที่บ้านกี่ต้น กี่ชนิด ในชุมชนมีรูปแบบการใช้สมุนไพรอย่างไร พอตอนเย็นก็มีรายการผญา สอย ก้อม  อันนี้ต้องให้เจ้าตุ๊กเล่าให้ฟังละกันครับ