กิริยาส่อเชื้อชาติมารยาทส่อสกุล ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน โคลงโลกนิติ
ศีลห้ากับกุศลกรรมบทสิบ ศีลห้าข้อ เมื่อประมวลลงแล้วขยายความออกได้เป็นกุศลกรรมบท๑๐ คือ กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ และมโนกรรม ๓ ดังนี้ กายกรรม ๓ ได้แก่ ศีลข้อที่ ๑. ปาณาติปาตาเวรมณี ศีลข้อที่ ๒. อทินนาทานาเวรมณี ศีลข้อที่ ๓. กาเมสุมิฉาจาราเวรมณี วจีกรรม ๔ ได้แก่ ศีลข้อที่ ๔. มุสาวาทาเวรมณี คือ ไม่พูดวจีกรรม ทุจริต ๔ ได้แก่ ๑. มุสาวาทะ การไม่พูดปด ๒. สัมผัปลาปะวาทะ การไม่พูดเพ้อเจ้อไม่เป็นประโยชน์แม้จะเป็น ความจริง ๓. ปิสุณวาทะ การไม่พูดส่อเสียดให้เสียหายให้เขาเจ็บใจ ๔. ผรุสวาจา การไม่พูดคำหยาบคาย มโนกรรม ๓ ได้แก่ ศีลข้อที่ ๕. สุราเมรยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี คือการเว้นจากการตั้งอยู่ในความไม่ประมาท มีสติสัมปชัญญะ มั่นคง ไม่เพ่งเล็งอยากได้ (อภิชฌาหรืออโลภะ) การไม่คิดพยาบาทปองร้าย (อพยาปาทะหรืออโทสะ) และการไม่หลงเห็นผิดทำนองคลองธรรม ละจากมิจฉาทิฏฐิเป็นสัมมาทิฏฐิ
พระไตรปิฎกกล่าวถึงเรื่องลักษณะของวาจาสุภาษิต ลักษณะ ๕ ของวาจาสุภาษิต “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! วาจาที่ประกอบด้วยองค์ ๕ นับเป็นสุภาษิตไม่เป็นทุพภาษิต ไม่มีโทษ อันผู้รู้ติไม่ได้คือ:- ๑. วาจาที่กล่าว (ถูกต้อง) ตามกาล ๒. วาจาที่กล่าวเป็น ความจริง ๓. วาจาที่กล่าว อ่อนหวาน ๔. วาจาที่กล่าว ประกอบด้วยประโยชน์ ๕. วาจาที่กล่าวด้วยจิตประกอบด้วยเมตตา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! วาจาที่ประกอบด้วยองค์ ๕ เหล่านี้แลนับเป็นสุภาษิต ไม่เป็นทุพภาษิต ไม่มีโทษ อันผู้รู้ติไม่ได้ (ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๗๑)
คนที่เกิดมีขวานเกิดมาในปากด้วย “คนที่เกิดมาแล้ว มีขวานเกิดมาในปากด้วย คนพาลเมื่อกล่าวคำชั่วชื่อว่าใช้ขวานนั้นฟันตนเอง ผู้ใดสรรเสริญคนที่ควรติ ติคนที่ควรสรรเสริญผู้นั้นชื่อว่าใช้ปากเลือกเก็บความชั่วไว้ จะไม่ได้ประสบสุขเพราะความชั่วนั้น” (จากหลักนิบาตอังคุตตรนิกาย ๒๔/๑๘๕)
พูดดี หลักของการพูดดีมีอยู่สาม หนึ่งพูดตามเป็นจริง ทุกสิ่งสรรพ์ สองพูดดีมีประโยชน์ไร้โทษทัณฑ์ สามสิ่งนั้นน่าฟังทั้งไพเราะ แม้เรื่องจริงน่าฟังไม่ขวางโลก แต่พูดไปไร้ประโยชน์ก็ไม่เหมาะ แม้พูดเรื่องสัจจริงทั้งพริ้งเพราะ มีประโยชน์เหมาะเจาะควรพูดเอย อันรสปากหากหวานก็หวานเด็ด บรเพ็ดขมไม่มากเหมือนปากขม ถึงคมมีดคมไม่มากเหมือนปากคม รสหวานขมก็ไม่มากเหมือนปากคนฯ ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร ให้ชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ พระสุนทรโวหาร (ภู่)
คิดก่อนพูด เป็นคนคิดแล้วจึ่ง เจรจา อย่านอนหลับตา แต่ได้ เลือกสรรหมั่นปัญญา ตรองตรึก สติริรอบให้ ถูกแล้วจึงทำ
วาจาต่อหน้าชุมชน ท่ามกลางกล่าวถ้อยแต่ พอควร เห็นท่านสรวลอย่าสรวล ตอบเต้า ใช้คำแต่น้ำนวล นฤโทษ เห็นท่านเศร้าทำเศร้า โศกหน้าตาตรม
สุภาษิตา จะยาวาจา แม้โฉมเฉิดเฉกไท้ เทพา อีกอิสริยยศถา กอรปด้วย บุรุษถ่อยทุษฐวา จาพาก นับว่าผู้นั้นม้วย หมดสิ้นสิ่งงาม “สุภาษิตา จะยาวาจา เอตัมมังคลมุตตะมัง วาจาเป็นสุภาษิตเป็นมงคลยิ่ง”
คำพูดที่สมควร ไป่ถามปราชญ์บ่พร้อง พาที เปรียบดั่งเภรีตี จึ่งครื้น คนพาลพวกอวดดี จักกล่าว ถามบ่ถามมันฟื้น เฟื่องถ้อยเกินถาม โคลงโลกนิติ
ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง นอนนั่งสบาย “อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด... อยู่กับมิตร ให้ระวังวาจา”
คำสอนเรื่องหน้าที่ ๑๒ สถานะของคนในเรื่องทิศทั้งหก ในส่วนของหน้าที่บ่าว (ลูกน้อง) ที่มีต่อนาย (ผู้บังคับบัญชา) มีอยู่ข้อหนึ่งว่า “บ่าวพึงพูดสรรเสริญนาย” หรือ “นำเกียรติคุณของนายไปเผยแพร่” ดังนี้ จะเห็นได้ว่าคำพูดของบ่าวหรือลูกน้อง ไม่พึงพูดนินทาว่าร้าย หรือกล่าวเรื่องไม่ดีของนาย ให้พึงระมัดระวังเพราะนั่นคือ “โอษฐภัย” นั่นเอง
|