ข้อคิดในการบริหารการเปลี่ยนแปลง
การที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ นั้น ผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงจะต้องมีการศึกษาข้อมูลบริบทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ และมีข้อคิดในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
1. ข้อผิดพลาดในการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ควรหลีกเลี่ยง ดังนี้
1.1 อย่าพยายามใช้รูปแบบหรือเครื่องมือสำเร็จรูปที่ได้รับการพัฒนาจากภายนอก แต่ให้พัฒนารูปแบบวิธีสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายในหน่วยงานที่จะทำการเปลี่ยนแปลง
1.2 อย่างเสี่ยงใช้วิธีวางแผนการเปลี่ยนแปลงทั้งองค์การแบบสั่งการจากฝ่ายบริหารระดับสูงขององค์การ
1.3 อย่าให้ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลเป็นเจ้าภาพการเปลี่ยนแปลง ผู้ที่ควรเป็นเจ้าภาพของการเปลี่ยนแปลงควรเป็นผู้นำของหน่วยงานที่จะทำการเปลี่ยนแปลงนั้น
1.4 อย่าให้ความสำคัญกับงานด้านเทคนิคอย่างเดียว
1.5 อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนทุกอย่างในครั้งเดียว ถ้าองค์การไม่อยู่ในภาวะวิกฤตร้ายแรงให้ทำการเปลี่ยนแปลงจากส่วนงานรอบนอกที่ไกลจากส่วนงานกลางก่อน
2. เริ่มกาเปลี่ยนแปลงจากระดับล่าง
เทคนิคในการดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่ได้ผลก็คือ การเริ่มการเปลี่ยนแปลงจากระดับล่างก่อนที่จะขยายไปสู่งานอื่นๆ อย่างธรรมชาติ โดยไม่มีการผลักดันจากระดับบน นอกจากนี้ยังพบว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุดถ้าเริ่มในส่วนงานขนาดเล็กที่ดูแลบริหารตนเอง และเมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นก็จะเริ่มกระจายออกไปสู่องค์การในวงกว้าง
3. ความเคยชิ้นของผู้บริหารการเปลี่ยนแปลง
การละเลยขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา ทำให้การเปลี่ยนแปลไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
4. บทบาทของฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลในการเปลี่ยนแปลง
ฝ่ายพัฒนาบุคลากรจะมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงในการให้การสนับสนุนที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ดังนี้
4.1 ช่วยฝ่ายบริหารในการจัดจ้าง และกำหนดขอบเขตงานขององค์การที่ปรึกษา
4.2 จัดหาตำแหน่งงานใหม่หรือทำเรื่องเลิกจ้างบุคลากรต้องสูญเสียงานเดิมอันเนื่องมาจากผลการเปลี่ยนแปลง
4.3 วางแผนการฝึกอบรมแก่บุคลากร
4.4 อำนวยความสะดวกสำหรับการจัดประชุมหรือการประชุมนอกสถานที่
4.5 ช่วยทำให้ผลการเปลี่ยนแปลงนั้นหยั่งรากในองค์การ ด้วยการออกแบบและพัฒนาระบบประเมินผลการปฏิบัติงานและการให้ผลตอบแทน
5. การใช้ที่ปรึกษาในการบริหารการเปลี่ยนแปลง
ในบริบทของการบริหารการเปลี่ยนแปลงจะมีที่ปรึกษา 2 ประเภท ดังนี้
1. ที่ปรึกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยออกแบบส่วนขององค์การที่ต้องการเปลี่ยนแปลง เช่น ยุทธศาสตร์ที่ต้องเปลี่ยนแปลง โครงสร้างหรือระบบขององค์การที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
2. ที่ปรึกษาด้านกระบวนการ จะให้คำปรึกษาถึงวิธีและกระบวนการต่างๆ เพื่อทำให้การเปลี่ยนแปลง และช่วยในการดำเนินการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งให้คำชี้แนะและกำกับการสร้างผู้นำและสร้างทีมสำหรับการเปลี่ยนแปลง
ที่ปรึกษาทั้ง 2 ประเภทนี้จะช่วยให้องค์การมีความพร้อมในการนำการเปลี่ยนแปลงเพิ่มมากขึ้น และมักดำเนินการผ่าน 4 กระบวนการหลัก ดังนี้
5.1 วินิจฉัยองค์การเบื้องต้น (Diagnosis) จะมีทีมงานของที่ปรึกษารวบรวมข้อมูลจากทั้งภายในและภายนอกองค์การโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) หาว่าสถานการณ์ปัจจุบันขององค์การเป็นอย่างไรของผลการดำเนินงานบ้างด้าน
2) หาปัญหาและสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเหล่านั้นที่สะท้อนให้เห็นจากผลการดำเนินการบางด้านขององค์การ
5.2 ประเมินความพร้อมขององค์การ (Capabilities Assessment) เป็นการประเมินความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงขององค์การในด้านต่างๆ
5.3 พัฒนายุทธศาสตร์ (Strategy Development) ด้วยการทำงานร่วมกับฝ่ายบริหารที่ปรึกษาจะพัฒนายุทธศาสตร์สำหรับการบรรลุถึงระดับผลการดำเนินการที่ต้องการ
5.4 การดำเนินการ (Implementation) ที่ปรึกษาจะให้การฝึกอบรมและทำงานร่วมกับทีมของบุคลากรในองค์การในการวางแผนสำหรับการเปลี่ยนแปลงและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ใน 4 กระบวนการหลัก ผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องวางบทบาทของที่ปรึกษาว่าจะให้เป็นตัวหลักในการทำงานในกระบวนการใดและมีบทบาทเป็นส่วนสนับสนุนในกระบวนการใด โดยพิจารณาจากความเหมาะสมตามสภาพการณ์
............................
อ้างอิง
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สพฐ, กพร. (2553) . การบริหารการ
เปลี่ยนแปลง. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เวลาเปลี่ยนคนต้องเปลี่ยน
ถ้าคนไม่เปลี่ยน ต้องเปลี่ยนคน แต่ทำได้ยากจังเลย
การบริหารการเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจะมีแรงต้าน ต้องประลองกำลัง จึงจะร่วมมือครับ
ผมเอาบทความที่เขียนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ
สวัสดีครับ