บันทึกครั้งที่แล้วได้กล่าวถึง ค่าตอบแทนน้ำใจ มาครั้งนี้ดิฉันได้ไปอ่านเจอ ท้ายเล่ม ของอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ที่ท่านได้กล่าวถึงคำว่า น้ำใจนักกีฬา ก็เลยอยากหยิบมาฝากให้ ชาว gotoknow ได้ฟังกันค่ะ ยิ่งช่วงนี้สังคมไทย ยิ่งขาดน้ำใจนักกีฬากันเยอะ สังเกตได้จากพาดหัวข่าวฉบับต่างๆ เมื่อไม่นานมานี้ เนื้อหาท่านอาจารย์ได้หยิบยกเพลงกราวกีฬา ของ "ครูเทพ" (เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี) ที่ท่านได้ประพันธ์ไว้ มีท่อนหนึ่งที่ดิฉันชอบมาก คือ "ใจคอมั่นคงทรงศักดิ์ รู้จักทีหนีทีไล่ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ไว้ใจได้ทั่วทั้งรักชัง" หลายท่านคงจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่เด็กรุ่นใหม่ ดิฉันเคยถามลูกศิษย์ดู เขาไม่ค่อยจะคุ้นหูสักเท่าใดนัก นอกจากนี้ ยังมีคติพจน์ "ครูเทพ" ใน "หมวดน้ำใจนักกีฬา" ระบุไว้ว่า "น้ำใจนักกีฬา ยามชนะไม่ตื่นตัว ยามแพ้ไม่เสียขวัญ ฉะนั้นน้ำใจนักกีฬา ชนะเป็นและแพ้ก็เป็น"
โลกบูชาน้ำใจนักกีฬา แต่โลกดูถูกน้ำใจนักกีฬา
ใครเล่นอย่างนักกีฬา เขาทำงานอย่างนักกีฬาด้วย
ใครไม่เล่นอย่างนักกีฬา อย่าหวังว่าเขาจะทำงาน (จากหนังสือ น้ำใจนักกีฬา กรมพลศึกษา 2516)
ดิฉันชอบตรงประโยคที่ว่า ใครเล่นอย่างนักกีฬา เขาทำงานอย่างนักกีฬาด้วย นั่นแสดงว่าไม่เฉพาะในการเล่นกีฬาเท่านั้นที่จะมีน้ำใจนักกีฬา แต่ทุกอาชีพ ทุกหน่วยงานก็จำเป็นจะต้องมีด้วย คำว่าน้ำใจนักกีฬาในสมัยนี้หาได้ยากมากเลย แม้แต่ในการแข่งขันกีฬาเองก็ตาม บางครั้งเราว่าเรากำลังดูฟุตบอลแต่ไปๆมาๆ ได้ดูมวยพร้อมกันไปด้วย อยากเห็นคนไทยเรารักกันให้มากค่ะ สังคมไทยเราจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ
เพราะฉนั้นเราผู้มีหน้าที่โดยตรงในการปลูกฝังนักเรียน ลูกศิษย์ของเราให้มีน้ำใจนักกีฬารู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย และไปปรากฏให้สังคมเราให้มาก สักวันหนึ่ง เมืองไทยคงไม่มีสภาพที่ กีฬาแพ้ คนไม่แพ้เหมือนในสนามฟุตบอลบ้านเราที่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันถึงขั้นทุบตีกรรมการจนได้รับบาดเจ็บหรอกนะ
ความมีน้ำใจเป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่าน้ำใจนักกีฬา หรือการมีน้ำใจกับทุกคนที่อยู่รอบตัวเราเป็นสิ่งที่คนในสังคมควรมอบให้แก่กันเพื่อความสงบสุข ไม่แก่งแย่งแข่งขันเพื่อสร้างศัตรู ควรแข่งขันการมีน้ำใจ สมัครสมานสามัคคีดี่กว่าจริงหรือเปล่าคะ พี่น้อง...