ด่านแรกของการเข้าสู่แผ่นดินใหญ่


และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ในคณะที่เรามาด้วยในครั้งนี้ ครูปุ๊กก็เป็นครูคนหนึ่งที่ผมค่อนข้างสนิทกันมาเพราะเป็นครูที่ทำงานเกี่ยวกับกีฬาหมากล้อมมาตั้งแต่ปี 2549 เนื่องด้วยตัวครูปุ๊กเองเป็นคนตัวเล็ก และก็มีเชื้อสายจีนเล็กน้อย สิ่งที่ผมเห็นก็คือจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผมถือว่าตัวใหญ่มากสูงประมาณ 185 เข้ามาขอดูหนังสือเดินทางพี่เขาก่อนหนึ่งครั้ง เสร็จแล้วก็ให้พี่ปุ๊กเข้าช่องที่ให้บริการ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันนานผิดปกติ ซึ่งตอนนั้นผมยืนอยู่กับศึกษานิเทศก์เจี๊ยบมองดูอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่

 

                หลังจากที่เครื่องบินได้ลงสู่พื้นประเทศจีนได้อย่างปลอดภัย เครื่องบินที่เราโดยสารมาก็ค่อยๆเคลื่อนที่ไปสู่ท่าเทียบจอดของเครื่องบิน และสัญญาณภายในตัวเครื่องบินก็ดังขึ้นอีกครั้งผู้โดยสารทุกๆคนที่นั่งอยู่ก็เริ่มที่จะลกขึ้นหยิบสัมภาระของตัวเอง  ซึ่งผมก็มีเพียงแค่เป้เล็กๆของครูเปิ้ลที่ติดตัวมาด้วย จากนั้นก็เริ่มที่จะเดินทยอยออกไปสู่ด้านนอก โดยผมได้เดินตามผู้คนที่นั่งร่วมเดินทางกันมา  เมื่อออกจากตัวเครื่องบินแล้วพวกเราก็ได้ไปรวมตัวกันก่อนที่จะเข้าสู่ด้านของการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศจีน  โดยมัคคุเทศก์ของเรา คือคุณพิเชษฐ์  เลิศธรรมนนท์ ได้แนะนำวิธีการตรวจสอบเอกสารของคณะเราที่ร่วมการเดินทางในครั้งนี้  แล้วจึงพาพวกเราเข้าสู่กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง

                พวกเราทุกคนก็เริ่มเดินออกจากจุดนัด เดินตามทางไปจนจึงจุดที่เรียกกันว่าด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งในขณะที่กำลังรอการตรวจอยู่นั้น ผมก็ได้เริ่มสำรวจไปรอบๆตัวก็จะเห็นว่า เวลาในที่นั้นคือ 16.25 น.ซึ่งผมก็มาดูนาฬิกาของผมมันเป็นเวลา 15.25 น.ผมก็เริ่มเห็นถึงอะไรบางอย่างว่าตอนที่เราอยู่บนเครื่องบินว่า ทำไมรู้สึกว่าเวลามันช่างเร็วเหลือเกิน ทั้งๆที่เราก็ดูหนังไปเพียงหนึ่งเรื่อง กับการฟังเพลงไม่กี่เพลง ซึ่งผมก็ได้คำตอบกับตัวเองว่า เราไม่ได้ปรับเข็มนาฬิกาให้เรียบร้อย เพราะที่ประเทศจีนนี้เวลาจะเร็วกว่าเมืองไทยประมาณ 1 ชั่วโมง ทำให้การเดินทางที่เราโดยสารอยู่บนเครื่องบินจริงๆแล้ว เราอยู่เพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

                หลังจากที่ผมได้เดินตามคิวของการตรวจคนเข้าเมืองก็มาถึงคิวผมซึ่งจะต้องตรวจเป็นคนต่อไป ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของประเทศจีน คอยยืนบอกว่าเราควรจะตรวจอยู่ที่ช่องบริการที่เท่าไร เมื่อผมเข้าไปถึงบริเวณช่องที่ให้บริการ ก็จะมีเจ้าหน้าที่รับหนังสือเดินทางของผม นำไปดูเอกสารภายใน ดูรูปพรรณของผมว่าตรงกับหนังสือเดินทางหรือไม่ ซึ่งจริงๆแล้วก็เหมือนการตรวจที่เมืองไทยเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่มีความต่างก็คือ หลังจากที่ตรวจทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พนักงานเขาก็จะบอกให้เรากดปุ่มประเมินการทำงานของเขาด้วย  โดยในแต่ละช่องที่ให้บริการจะเป็นลักษณะเดียวกันหมด โดยผมก็กดให้คะแนนเขาดีมาก ซึ่งปุ่มกดจะเป็นรูปหน้ายิ้ม (แต่ในความเป็นจริงผมไม่แน่ใจว่า คนที่ให้บริการเขายิ้มหรือยัง?  หรือการยิ้มของคนจีนเขาเป็นกันแบบนี้)

                และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ในคณะที่เรามาด้วยในครั้งนี้ ครูปุ๊กก็เป็นครูคนหนึ่งที่ผมค่อนข้างสนิทกันมาเพราะเป็นครูที่ทำงานเกี่ยวกับกีฬาหมากล้อมมาตั้งแต่ปี 2549  เนื่องด้วยตัวครูปุ๊กเองเป็นคนตัวเล็ก และก็มีเชื้อสายจีนเล็กน้อย สิ่งที่ผมเห็นก็คือจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผมถือว่าตัวใหญ่มากสูงประมาณ 185 เข้ามาขอดูหนังสือเดินทางพี่เขาก่อนหนึ่งครั้ง เสร็จแล้วก็ให้พี่ปุ๊กเข้าช่องที่ให้บริการ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันนานผิดปกติ ซึ่งตอนนั้นผมยืนอยู่กับศึกษานิเทศก์เจี๊ยบมองดูอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ หลังจากนั้นไม่นานนักพี่ปุ๊กก็ผ่านเข้ามาได้ แล้วพวกเราก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ครูปุ๊กได้แต่บอกว่า “ฟังไม่ออกเหมือนกันว่าเขาพูดอะไรกัน แต่ก็ผ่านมาได้ก็ดีแล้ว”พร้อมกับเสียงหัวเราะของทุกๆคนกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

หมายเลขบันทึก: 417308เขียนเมื่อ 30 ธันวาคม 2010 09:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 21:27 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอให้มีความสุข เรียนรู้แลกปลี่ยนได้มากๆ นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท