ลิงหรือลา


วันนี้ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์จากเพื่อนรัก   เกือบๆจะลบทิ้งอยู่แล้ว (เป็นมารยาทที่ไม่ดีอย่างมาก  แต่จากประสบการณ์  เจ้าหล่อนเคยส่งมาเปิดจนชั่วโมงเน็ตหมดก็ยังโหลดไม่ได้) แต่พอดีเห็นแก่คนส่ง  เขาอุตส่าห์ใส่วงเล็บมาว่า  อยากให้อ่านมาก  เลยเปิดอ่านซะหน่อย  อ่านแล้วถึงกะอึ้ง  โอ้  ตรงใจอย่างแรงค่ะพี่น้อง   มีประโยชน์อย่างมากทั้งต่อลิง  ลา  และหญิงชาวบ้านผู้นั้น  ใครเป็นใครพิจารณากันเองนะคะ

เชิญทัศนา............

ลิงกับลา  

หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงานางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัว  คือ ลิงและลา 
วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ต้องออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้านเธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง แล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง  เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว เดินย่ำไปมาในกระท่อมจนทำให้ข้าวของต่างๆ ได้รับความเสียหาย ทันทีที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซนเป็นคุณลักษณะประจำตัวก็ค่อย ๆ    คลายปมเชือกออกจากคอของมัน 
อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขาให้แก่ลาอีกด้วย  
หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้น    ห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจนทำให้ข้าวของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว  อีกทั้งยังซุกซนรื้อค้นเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้านมาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่ลา  ได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉย ๆ
สักครู่หนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่างก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง
ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะขึ้นทันทีหันมองลิงและลา  เพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และเห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เองคือตัวปัญหา ทำให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ

 ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมาทุบตีลาอย่างรุนแรง     ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย
 

เธอทั้งหลาย... 
     
เธอหลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบของนิทานเรื่องนี้นัก เพราะสงสารเจ้าลาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่กลับถูกเจ้าของทำโทษจนตาย ส่วนเจ้าลิงซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใดๆ แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ต้องการ ชี้ให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำของหญิงชาวบ้าน  ที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้    เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไปตามความรู้สึกและประสพการณ์ส่วนตัว    เธอมองเห็นข้าวของเสียหาย  และมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก แล้วตัดสินว่าลาคงเป็นผู้กระทำ    แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือกและไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย  เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือลิง    ความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจ ร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลย เพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน     
 
       เหตุที่องค์กรของเราต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำที่  " ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา 
แต่ลารับเคราะห์"  ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงานได้ตามหน้าที่ แต่ไม่ค่อยมีปากมีเสียง พูดจาตรงไปตรงมาแต่ไร้เลห์เหลี่ยม
ลิงก็เหมือนกับคนที่ฉลาดแกมโกง  พูดมากพรีเซ็นต์เก่ง อ้างอิงตำราได้สารพัด แต่ไม่เคยทำงานจริง นายที่ดีไม่ควรปล่อย
ให้ลิงหลงระเริงว่าทำผิดเท่าไหร่นายก็ไม่มีทางรู้   ผู้เป็นนายไม่ควรยึดติดความสบาย นั่งขึ้นอืดรอฟังแต่รายงานในห้องประชุม
รู้จักยอมเสียสละตน สละเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อค้นหาความจริง   เพื่อควบคุมเจ้าลิง เพราะไม่เช่นนั้น องค์กรก็จะทุกข์ทรมาน
อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าลิงสงบได้องค์กรก็จะพลอยสบายและมีความสุขอย่างยั่งยืนไปด้วย  
คำสำคัญ (Tags): #ศรีสะเกษ7
หมายเลขบันทึก: 417044เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2010 22:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 23:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

พอได้แง่คิดนะครับ

และขออวยพรปีใหม่2554ครับ


หนิง จะบอกอะไรให้ ขณะนี้พี่ประสบกับมันมาสองปีกว่าแล้ว ลิงเยอะเหลือเกิน ลาก็โดนลงโทษ โดนใจสุด ๆ

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านนะคะ

สิ่งที่เราเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท