ความที่จิตไม่ติดอยู่ภายใต้อำนาจใดนั้นน่าจะดีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตที่ไม่ติดอยู่กับกิเลสอันยังใจให้เศร้าหมอง กิเลสอันใดหนึ่งที่ยังใจให้เศร้าหมองจะเป็นชนิดใดก็ตามย่อมไม่ดีต่อสภาพจิตใจอย่างแน่นอน แม้กิเลสนั้นมีเพียงนิดหน่อยก็ไม่ควรที่จะนำมาแปดเปื้อนให้เป็นรอยช้ำในดวงใจ ท่านให้นิยามความกลัวต่อกิเลสว่า “กิเลสก็เหมือนอุจจาระ” ท่านว่าแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้น่าสะอิดสะเอียนได้ ผมไม่ตั้งใจที่จะใช้คำไม่สุภาพนะครับแต่ท่านอุปมาดังเช่นนั้นจริงๆ พวกเราถ้าได้ฟังถึงอุปมานี้คงจะอึ้งกิมกี่กัน
เฉพาะท่านสุภาพบุรุษสตรีทั้งหลายที่มีความเห็นค้านโดยประการทั้งปวง แต่ก็มีบางท่านนะครับเท่าที่เคยเห็น ขนาดอุปมานี้ฉันใดก็แล้วยังดื้อดึงไม่ยอมรับอยู่นั่นเองเหมือนคนดื้อบางคนในปัจจุบันนี้แหละที่พยามยามเอาข้างคูมาเป็นที่กำบังของตัวเองอยู่ร่ำไป คนประเภทนี้ก็มากอยู่หนาไม่ใช่ว่าไม่มี คำคมปัจจุบันคำหนึ่งที่เหมาะสมให้ท่านทั้งหลายได้คิดช่วยกันก็คือ “ไม่ควรจะจับมือกับ(ผู้ก่อการร้าย)หมู่โจร” อย่าคบคนพาล กลอนบทหนึ่งว่า
จงอย่าคบคนพาลสันดานหยาบ
ซึ่งมีบาปทุจริตเป็นนิสัย
จงสมคบคนดีที่มีใจ อันสดใสด้วยธรรมประจำกาย
ถ้าคบหงส์ก็เป็นหงส์เหมราช
ถ้าคบปราชญ์ก็เป็นปราชญ์สถาผล
ถ้าคบกาก็เป็นกาทุรพล
คบพาลชนก็เป็นคนพาลกาลกีณี
เรื่องของจิตว่ากันว่าเป็นเรื่องปรัชญาของพุทธศาสนาโดยเฉพาะ เป็นเรื่องลึกซึ้ง เป็นเรื่องที่มองไม่เห็น และเป็นนามธรรมไม่มีตัวตน แต่เป็นตัวสำคัญที่จะทำให้เราดีหรือชั่วได้ การกระทำต่างๆก็ล้วนเป็นปรากฏการณ์ที่ออกมาจิตก่อน จิตต้องนึกคิดปรุงแต่งแล้วจึงเป็นการกระทำทางกาย วาจา ใจ เป็นดังนี้แล้วท่านจึงให้ดูแลใจให้ดี “ทำใจให้ดี” มักได้ยินบ่อยๆเวลาป่วยเป็นโรคต่างๆ นอนไม่หลับเอย กินไม่ได้ (โรคจน เครียด กินเหล้า) หรือแม้กระทั่งโรคจะตายก็ต้องบอกว่า ทำใจดีๆไว้นะ ท่านเลยผูกเป็นคำคมว่า “ทำใจให้ดี ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง”
แต่เรื่องการทำใจให้พ้นจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวงนั้น จะให้ดีท่านให้ทำอยู่ตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออกจึงถือว่าดีที่สุด รวมถึงเวลาที่ไม่เป็นโรคอะไร เวลาเราเป็นอยู่ปกติก็ให้เฝ้าระวังจิตอยู่เสมอระวังไม่ให้จิตตกไปในที่ชั่ว(กิเลส) ท่านไม่แนะนำให้เป็นโรคก่อนค่อยหายาแก้ แต่ท่านแนะนำให้ป้องกันไม่ให้เป็นโรคต่างๆไว้ตลอดเวลา การระวังก็เป็นธรรมะคือ “ความไม่ประมาท” เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันได้ด้วย เพราะต้องฝึกการเฝ้าระวังโดยการใช้สติตื่นตัว สัมปะชัญญะ ความรู้ตัว เป็นอานาปานสติปัฏฐาน เป็นผู้ชื่อว่าปฏิธรรมโดยสมควรแก่ธรรม
อย่างไรก็ตามความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย ไปโน่นเลยนะท่านทั้งหลาย สุภาษิตบทนี้คุ้นๆมากทีเดียว คนส่วนมากไม่ใส่ใจในสุภาษิตบทนี้ แต่ถ้าอ่านดีๆความไม่ประมาทมันเกี่ยวพันกับความอยู่รอดของชีวิตทุกๆชีวิตเลยทีเดียวเพราะท่านกล่าวว่า “ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย คนที่ประมาทแล้วเป็นเหมือนคนตาย(แล้ว)”สุภาษิตบทนี้เกี่ยวพันกับความเป็นความตาย(ของมนุษย์ชาติ)
ลองหันมาดูว่าทุกวันนี้คนทั้งหลายล้วนตั้งอยู่ในความประมาทมากเลยทีเดียว จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมบ้านเมืองเราจึงวุ่นวายไม่รู้จบอย่างนี้ หายนะอันใหญ่หลวงที่ทุกคนมองข้ามกำลังมา เหตุหนึ่งของความประมาทที่อาจนำไปสู่วิบัติง่ายๆก็คือ จน เครียด กินเหล้า เรื่องอบายมุขต่างๆที่กำลังประมาทนิยมกันว่า “ไม่เป็นไรน่า” ที่ไหนก็มีกันอย่างนี้แหละ กินเหล้านิดเดียวไม่เป็นไรน่า เล่นการพนันนิดเดียวแก้เซ็งเท่านั้นไม่เป็นไรน่า โกงนิดๆหน่อยๆไม่เป็นไรน่าคงไม่มีใครเห็นฯ
เท่านั้นไม่พอยังประมาทกันขึ้นไปอีกว่า ทำอย่างไรให้อบายมุขต่างๆเป็นเรื่องถูกกฎหมายยกขึ้นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง นี่เป็นแค่น้ำจิ้มว่าเรื่องเล็กๆน้อยที่มองข้ามไปด้วยความประมาท
อบายมุขดีหรือไม่ดี ตอบ...ไม่ดีโดยประการทั้งปวง
แต่คนประเภทดื้อรั้น ตอบ...ดี ถ้าไม่ดีคงไม่มีใครเขาทำกัน
อุจจาระดีหรือไม่ดี ตอบ....ไม่ดีโดยประการทั้งปวง
คนดื้อรั้น ตอบ...อืมมมมม
การยกจิตให้พ้นจากกิเลสทั้งปวงจึงเป็นเรื่องสำคัญ เกี่ยวพันกับความเป็นความตาย และเป็นการกระทำดีโดยส่วนเดียว(ไม่ต้องตีความ) หน้าที่เดียวที่เราต้องทำเมื่อกิเลส(โรค)เกิดคือ เพียรระวัง ๔ สถาน เพียรระวังไม่ให้บาปเกิด เพียรระวังบาปที่เกิดแล้วให้หมดไป เพียรระวังทำความดีให้เกิด เพียรระวังรักษาความดีที่เกิดแล้ว
เมื่อทำได้ดังนี้แล้วเชื่อว่ากำลังทำความดี แม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็น่าชื่นชมอนุโมทนา เชื่อว่าเดินตามหนทางของพระอริยะเจ้า และเป็นผู้ได้ชื่อว่า “ผู้เป็นอยู่แม้เพียงราตรีเดียวก็น่าชม”
กลอนต่อมาบอกว่า จงหมั่นทำแต่บุญให้อุ่นจิต เหมือนมีมิตรเคียงข้างไม่ห่างหาย
จงหมั่นนึกอย่าว่างว่าร่างกาย กับความตายนั้นคู่กันทุกวันเทอญฯ
หรือกลอนนี้ก็ยังใช้ได้ขอรับว่า...
ถ้าพากเพียรย่อมเผด็จสำเร็จผล
ถ้าดั้นด้นก็จะถึงซึ่งจุดหมาย
ถ้าสำนึกฝึกตนพ้นงมงาย
มิประมาทมิวอดวายสบายตัว
ถ้าใจรักที่หนักหน่ายพลันหายสิ้น
ถ้าโบยบินดิ้นไปไร้สลัว
ถ้าทำดีดีสนองมิหมองมัว ถ้าลองสู้จะไม่กลัวหลักทั่วไปฯ
สุดท้ายวันพระวันนี้ของท่านทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด ขอท่านทั้งหลายจงสามารถยกจิตให้พ้นจากกิเลสทั้งปวงได้ เหมือนบุรุษผู้มีกำลังบ้วนเขฬะออกจากปากได้โดยง่ายฉันนั้นเทอญฯฯฯ
แนวคิดจากบันทึกครูใหญ่....โสภณ อ่านแล้วอยากเขียนบันทึกของตัวเองไว้บ้าง ทำอะไรสักอย่างในวันพระก็ดีเหมือนกันนะครับ
ผู้เป็นอยู่แม้เพียงราตรีเดียวก็น่าชม ประโยคงดงามและมีความหมายมากครับ
นมัสการ
และ
สาธุ
เจ้าค่ะ
คุณครูหยุย นานแล้วอาตมาไม่ได้แวะไปอ่านบันทึกของท่าน ขอบคุณครับที่มาเป็นกำลังใจ ถึงแม้ไม่ค่อยได้แสดงความเห็นในบันทึกหลายๆท่านแต่ความเป็นกัลยาณมิตรยังอยู่เสมอขอรับ สาธุ
คุณณัฐ ก็เป็นอีกท่านที่เป็นกัลยาณมิตรสำหรับอาตมา เห็นหายไปนานเหมือนกันนะขอรับ เขียนตรงนี้แล้วกะว่าจะแวะอ่านบันทึกของท่านทั้งหลายบ้าง สบายดี
มาชม
พึ่งสอนวิชาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเสร็จ...ได้ข้อคิดจากปัจฉิมวาจา ดังว่า...สุดท้ายวันพระวันนี้ของท่านทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด...
นมัสการเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณเจ้าค่ะที่แวะไปเยี่ยมเยียน
มาสวัสดีปีใหม่กับพระคุณเจ้าเจ้าค่ะ
เจริญพรสวัสดีปีใหม่กับทุกๆท่านนะ ขอบคุณคุณณัฐที่มาถวายพรถึงที่ เวลาที่ใครมาอวยพรให้เรามักมีความสุขเกิดขึ้นที่ใบหน้าเสมอ..
นมัสการเจ้าค่ะ
แวะมานมัสการ
พระคุณเจ้าคงสบายดีนะเจ้าคะ