วัชรินทร์ ศรีณิบูลย์
นาง วัชรินทร์ ศรีณิบูลย์ รินทร์ ศรีณิบูลย์ (นุชอินทรา)

บันทึกไว้เตือนความจำ ให้รางวัลกับชีวิต


บันทึกความทรงจำ เที่ยวเพ็ชรบูรณ์
       หลังจากที่ทำงานมานาน 1 ปี พอถึงปลายฝน ต้นหนาว จึงเริ่มโปรแกรมพักผ่อน กิจกรรมแรกของฤดูกาลเที่ยวปี 53 นี้คือ เพ็ชร์บูรณ์ ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 - 27
ต.ค.53 จุดหมายแรก แวะเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะที่ไปยังมีน้ำท่วม เลยไม่ได้นั่งรถเที่ยวชมรอบ ๆ เขื่อน แต่ก็ได้บรรยากาศแบบมีน้ำล้นฝั่ง ปัจจุบันบริเวณโดยรอบเขื่อนเปลี่ยนแปลงไปมากจากระยะแรก ๆ ที่เราไปนอนกางเต้นท์ ริมเขื่อน  มีภาพเป็นที่ระลึก กันลืม

  ออกจากเขื่อนป่าสัก เดินทางไปจ้งหวัดเพชรบูรณ์ ระยะทางไม่ไกลเดินทางสบาย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่พักที่เขาค้อ มีรีสอร์ทมากมาย ที่สวย ๆ ก็ดูจากเน็ต ไม่หลอกสายตาสวย ๆ ทุกที่ เช่นที่เขาค้อทะเลหมอก  แต่บังเอิญวันที่ไปที่พักหลายแห่งเต็มต้องตระเวนหาที่พัก แต่ก็ไม่ผิดหวัง ได้ที่พักที่บ้านรชดา อยู่บนเขา สวย อากาศหนาวเย็นขนาดเป็นช่วงเดือนตุลาคม ยังนอนสบายไม่ต้องเปิดแอร์ ราคาก็ไม่แพง บ้านทั้งหลังแค่ 2,500 บาท พักได้หลายคน มีอาหารเช้า

     พักเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1  ปี เลยหาที่พักซะ 2 คืน อยากอายุยืน อีกหน่อย ในคือที่ 2 จึงได้พักที่เขาค้อทะเลหมอก เป็นที่พักที่สวยงาม ท้าทาย เนื่องจากอยู่บนเชิงเขา เป็นหน้าผาสูงชัน  วางแผนว่าตอนเช้าจะได้ดูทะเลหมอก ที่นี่อากาศสดชื่นมาก เหมือนอยู่บนวิมาน  มีความสุขสนุกสนานกับเพื่อน พี่ๆ และครอบครัว ความสุขที่แท้จริงของชีวิต ต้องซื้อด้วยเงิน

      ในวันที่พักเขาค้อทะเลหมอก ผิดหวังเล็กน้อยที่ตอนเช้าไม่เห็นหมอกลงเนื่องจากฝนตกตอนช่วงตี 4 แต่ก็ได้บรรยากาศที่สวยงามมาก ที่เขาค้อทะเลหมอกมีหน้าผาให้ปีนเพื่อทดสอบความแข็งแรงของร่างกาย คนอื่น คงสบาย ๆ แต่เราเหนื่อยแทบแย่ ต้องคลานสี่ขา ผ้าพันคอกันหนาวต้องพันเอง เพราะร้อน หายใจไม่ทัน 

มีลานกางเต็นท์ สำหรับนักท่องเที่ยว  แต่ถ้าช่วงฤดูฝนไม่ขอแนะนำ นอนบ้านจะดีกว่า

บ้านกังหัน  หลังเล็ก ๆ  น่ารัก เหมาะสำหรับ 2 คน แต่พวกเราไปกัน 9 คน ต้องใช้บ้านหลังใหญ่  แต่ราคาก็ไม่แพง หลังละ 3,500 บาท มีอาหารเช้า กลางคืนเต็นท์ว่าง ๆ ก็ไปอาศัยนอนได้

ระหว่างทางก็แวะจิบน้ำชา ที่ร้านกาแฟ  เป็นร้านที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามมาก หลานสาวตัวเล็ก (รวงข้าว) จะชอบมาก

 

แวะเที่ยวพระตำหนักเขาค้อ  เป็นสถานที่ น่าพักอีกแห่งหนึ่งที่เขาค้อ สงบเงียบอยู่ในความดูแลของทหาร มีบ้านพักเป็นเรือนแถว แต่ที่ดีคือบรรยากาศ หนาวเย็นกำลังสบาย

ระหว่างทางแวะที่ลานหินแตก  เป็นแห่งแรกที่ได้สัมผัสกับละอองหมอกตอนเช้า

 

 

ออกเดินทางไปภูทับเบิก ไร่กะหล่ำปลี มีการตัดไม้เพื่อปลูกกะหล่ำปลีกันทั้งภูเขา ดีหรือไม่ดีไม่อยากวิจารณ์  แต่ว่ามันสวย  อากาศหนาวเย็น แต่เส้นทางขึ้นเขาวกวน ค่อนข้างน่ากลัว  โดยเฉพาะคนที่นั่งหน้าคู่คนขับต้องช่วยเบรคจนปวดขา

จากภูทับเบิกเดินทางต่อไปจังหวัดเลย เป้าหมายคือภูเรือ  ต้องการไปสัมผัสความหนาวเย็นบนยอดภู  แวะพักที่บ้านพักของอุทยาน ตอนเช้าตื่นตั้งแต่ตี 5 ขึ้นไปบนยอดภู ที่บริเวณผาโหล่น้อย  เจอกับอากาศหนาวเย็น  มีหมอกคล้าย ๆ ฝน คนที่ไปต้องเตรียมตัวให้พร้อมควรมีหมวก มีเสื้อกันหนาว ถ้าไม่พร้อมอาจเป็นหวัดปอดบวมได้ง่าย

ออกจากภูเรือ เดินทางไปเชียงคาน  ในช่วงกลางวัน ไม่มีอะไรให้ชม ไปเดินเที่ยวซื้อของที่บริเวณแก่งคุดคู้ ทานอาหารกลางวันริมแม่น้ำโขง แวะซื้อมะพร้าวแก้ว  แล้วเดินทางกลับถึงแปดริ้วประมาณ 22.22 น.ของวันที่ 27 ต.ค.53  ได้กำหนดโปรแกรมใหม่ไว้ว่าเดือนธันวาคม จะไปนอนกางเต้นท์ดูดาวที่เขาแผงม้า ช่วงที่คนน้อย ๆ เขาใหญ่ไม่ไปแล้ว คนเยอะเหมือนค่ายอพยพ

แก่งคุดคู้ต้องมุมนี้ถึงจะสวย...นางแบบเค้าสวย

หมายเลขบันทึก: 409226เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2010 22:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 11:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

แก่งคุดคู้ที่เคยเห็นในหน้าแล้ง เห็นแก่งชัดเจนมาก ตอนน้ำท่วมดูว่าไม่คุดคู้เท่าไรนะครับ 

สวัสดีค่ะ

อีกทริปที่อยากไปคือที่เชียงคานค่ะ

ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสได้ไป หนึ่งขอตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ ^^

มาเยี่ยมครับ...เห็นบรรยากาศสถานที่น่าจัดเข้าค่ายดีครับ..ได้สูดอาศอันบริสุทธิ์บนเขาค้อ...บรรยากาศดีมากเคยไปมาแล้วครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท