เหตุเกิดของคืนวันที่ 27 สิงหาคม 2553


หลังจากวางโทรศัพท์ลง ผมรู้สึกถึงความเครียดเล็กน้อย หลายท่านอาจจะคิดว่าการได้ไปศึกษาดูงานถึงต่างประเทศในครั้งนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในความเป็นจริงก็ใช่แต่ว่าการที่จะทำให้ผมไปดูงานครั้งนี้อย่างมีความสุขผมจะต้องจัดการเรื่องที่ค้างคาให้เสร็จเรียบร้อยก่อน

ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ ผมได้นั่งทำงานอยู่กับครูเปิลที่ห้อง ป.2/2 ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อผมหยิบออกมาดูก็พบว่าสายเรียกเข้าคือ ผอ.ชมนาด ทองดี (ผอ.โรงเรียนที่ผมทำงานอยู่) ขณะที่กำลังจะกดรับอยู่นั้นในใจผมก็คิดขึ้นว่าต้องมีงานด่วนแน่ๆเลยท่านถึงได้โทรมาในเวลานี้  เมื่อผมรับโทรศัพท์สิ่งแรกที่ผมได้ยินก็คือคำว่า “แสดงความยินดีด้วยนะ” ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้อะไรมากมายนอกจากคำว่า “ครับ” แต่ก็คิดอย่างงงๆกับตัวเราเองว่าไปทำอะไรไว้ ในช่วงนี้ก็ไม่ได้ส่งอะไรเข้าประกวดงานไหน เสียงที่ท่านผอ.พูดต่อมาก็คือ “กทม.ให้ครูชานนท์ไปดูงานหมากล้อมที่ประเทศจีน ให้ติดต่อกลับศึกษานิเทศก์ปิยะธิดา (ศึกษานิเทศก์เจี๊ยบ) โดยด่วนเดี๋ยวนี้เลย แล้วเรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกใครนะ เดี๋ยวผอ.จะเป็นคนแจ้งในที่ประชุมเอง” หลังจากวางสายโทรศัพท์ ผมรีบโทรไปหาศึกษานิเทศก์ตามที่ท่านผอ.บอก ผมก็รีบที่จะกดโทรศัพท์ไปหาศึกษานิเทศก์ปิยะธิดาทันที เมื่อท่านรับสายท่านก็ได้บอกกับผมว่า “ทางบริษัท ซีพี  ออลล์ โดยคุณวันทนีย์ เป็นคนเสนอชื่อผมให้ไปศึกษาดูงานการเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันหมากล้อมจีนโลก โดยได้ให้โควต้ากับทางกทม.ทั้งหมด 5 คนคือ   นางสาวมาสวิมล รักบ้านเกิด รองผอ.สำนักการศึกษา,       ศึกษานิเทศก์ปิยะธิดา เกษสุวรรณ,ศึกษานิเทศรัชนี    สินธุเศรษฐ,   ครูรัตนาภรณ์ วงศ์ศรีอ่อน โรงเรียนสามเสนนอกและผมนายชานนท์    เฮงสกุล  ครูโรงเรียนวัดมัชฌันติการาม โดยให้ผมรีบไปทำหนังสือเดินทาง (Pass sport) โดยด่วน” หลังจากวางโทรศัพท์ลง ผมรู้สึกถึงความเครียดเล็กน้อย หลายท่านอาจจะคิดว่าการได้ไปศึกษาดูงานถึงต่างประเทศในครั้งนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในความเป็นจริงก็ใช่แต่ว่าการที่จะทำให้ผมไปดูงานครั้งนี้อย่างมีความสุขผมจะต้องจัดการเรื่องที่ค้างคาให้เสร็จเรียบร้อยก่อนการไปดูงานก็คือ เนื่องจากผมเป็นประธานชมรมหมากล้อมโรงเรียนกรุงเทพมหานคร และทางชมรมฯกำลังจะจัดอบรมการผลิตสื่อการเรียนรู้หมากล้อม ตามงบประมาณสนับสนุนจากทางคุรุสภา ซึ่งในที่ประชุมคณะกรรมการการดำเนินงานได้ตกลงกันจะจัดงานการอบรมในวันที่ 19  กันยายน 2553ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ผมจะได้ไปศึกษาดูงาน กคือวันที่ 16 – 22 กันยายน ทำให้ผมต้องเริ่มที่จะต้องมีการวางแผนการทำงานกันใหม่         โดยเลื่อนการอบรมเป็นวันที่ 12 กันยายน ซึ่งผมก็ได้รีบติดต่อกับคณะกรรมการถึงเหตุความจำเป็นในการเลื่อนการอบรมเข้ามา ซึ่งคณะกรรมการทุกคนก็มีความเข้าใจในเหตุผล  จนสามารถทำให้งานสามารถลุล่วงไปอย่าด้วยดี ทำให้ผมหายกังวลกับงานที่ต้องรับผิดชอบในครั้งนี้

                แต่อีกสิ่งที่หนึ่งที่ผมยังกังวลอยู่ก็คือ “การทำหนังสือเดินทาง (Passport)” เพราะผมไม่เคยออกนอกประเทศมาก่อนเลย ผมเลยต้องรีบหาข้อมูล ซึ่งสิ่งที่ช่วยเหลือผมเป็นอย่างมากก็คือ อากู้หรือWWW.GOOGLE.COMเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ทำให้ผมสามารถรู้อะไรได้อย่างง่ายดายขึ้นเยอะ เมื่อผมเริ่มหาข้อมูลที่จะต้องทำหนังสือเดินทาง ผมจึงได้เรียนรู้อะไรได้มากยิ่งขึ้นทราบถึงสถานที่และขั้นตอนการทำหนังสือเดินทาง และผมก็ได้วันที่จะไปทำหนังสือเดินทางที่แถวเซ็นทรัลปิ่นเกล้า  หรืออาคารธนาลงกรณ์ทาวเวอร์(ชั้นใต้ดิน)

 

หมายเลขบันทึก: 407181เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2010 21:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2012 20:24 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ยินดีด้วยนะคะ....ตอนนี้คงกลับมาแล้ว..อย่าลืมเล่าให้อ่านด้วยนะคะว่าบรรยากาศของหมากล้อมที่ประเทศจีนแตกต่างจากบ้านเรามั้ย...

ขอบคุณครับ แล้วผมจะลงเรื่องราวที่ไปมาอีกเรื่อยๆนะครับ

เด็กบ้านแพ้วดีใจด้วยนะคะ เด็กแม่กลองเก่งจัง แล้วที่จีนมีอะไรแตกต่างจากประเทศเราบ้างช่วยเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

ขออภัยที่ตอบช้านะครับ ที่เซียงไฮ้เท่าที่ผมไปดูมานะครับ สิ่งที่แตกต่างกับบ้านเราอย่างมากก็คือ ความมีวินัยของประชากรที่นั้น เหตุก็เพราะว่า ที่นั้นมีการปกครองในระบอบของเผด็จการ ทำให้การที่รัฐมีแผนจะพัฒนาเรื่องใดก็สามารถจะทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผมมองว่ามันก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งในเรื่องของระเบียบวินัย ซึ่งดูกับบ้านเราตอนนี้ทุกคนมีเหตุผลในเรื่องของจุดยืนของตัวเองกันหมด ดังนั้นการจะทำอะไรซักอย่างก็มีปัญหาติดเหตุผลกัน 108 ที่ผมกล้าที่จะพูดแบบนี้ก็เพราะว่า อย่างงาน Word Expo 2010 ที่จีนเป็นเจ้าภาพ เขาได้มีแผนที่จะทำไม่ตำกว่า 10 ปี มีการย้ายโรงงานบริเวณที่จัดงาน สร้างที่พักอาศัยให้ใหม่ สำหรับผู้ที่โดนย้าย ปรับปรุงบ้านเรือนให้ใหม่ ติดดวงไฟประดับรอบเมืองเพื่อความสวยงามของทั้งเมือง โดยรัฐบาลเป็นผู้ออกค่าจ่าย ถ้าเป็นบ้านเราเหรอครับ ผมตอบได้คำเดียว่า "ฝัน"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท