เที่ยวพม่าใน 3 วัน : นมัสการพระธาตุอินทร์แขวน


พระธาตุอินทร์แขวน

-------

      ทัวร์นำเที่ยว พาเราออกนอกเมืองหงสาวดี เพื่อเดินทางไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งอยู่บนภูเขาไจ๊เที่ยว
 
       รถพาเราชมบรรยากาศ ทุ่งนา สวนยางพารา แม่น้ำหงสาวดี แม่น้ำสะโตง หลับบ้าง ตื่นบ้าง กดชัตเตอร์ข้างทางไปบ้าง ที่ชอบใจมาก คือการได้เห็นดอกผักตบชวาสีม่วง ที่ไม่ได้พบเจอแถวบ้านนานมากแล้ว
 
      จนรถพาจอดแวะ ที่ไกด์แก้วเรียกว่า "สภากาแฟ" เป็นร้านอาหารข้างทาง ที่คล้ายๆทางภาคเหนือของไทย สังเกตุเห็นว่า มีต้นไม้ ดอกไม้ คล้ายๆบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นโกศล กุหลาบ กระเพรา ป้าแดงไม่ได้อุดหนุนอะไรของร้านนี้ แม้..ไกด์จะบอกว่า เข้าห้องน้ำเขาแล้วก็ อุดหนุน ชา กาแฟ ชาเป็นของพม่า หอมชื่นใจ แต่..หาไม่เจอและสื่อสารอะไรไม่ได้ ไกด์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เลยไม่ได้ชิมรสชาพม่า เพราะที่เจอ ก็เป็นชาลิฟตัน และเนสกาแฟ ที่เหมือนบ้านเราไม่ผิดเพี้ยน

        เราต้องเปลี่ยนรถขึ้น อินทร์แขวน ที่เป็นรถเฉพาะ กำลังความแรงคงมากโข คนนั่งก็ต้องเกาะเกี่ยวให้ดี ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดบาดเจ็บในขณะที่รถเหวี่ยงเข้าโค้ง ลงเขาหรือขึ้นเขา กระนั้นบางคนยังบ่นปวดเข่า เพราะที่นั่งทำด้วยท่อนไม้ วางพาดบนกะบะรถซึ่งแคบมาก หากขายาวหน่อย หัวเข่าก็จะชนกับอีกท่อนที่อยู่ด้านหน้า หรือ บางคนก็ใช้ค้ำยัน เพื่อไม่ให้เสียหลัก 
 
         ยังคงมีที่ให้แวะทำบุญตามระหว่างเส้นทาง ดูเหมือนจะเป็น ผ้าป่า กฐิน อย่างที่บ้านเรา ซึ่งจะถูกเชิญชวนและอวยพรด้วยภาษาพม่า ที่ฝากไม่เข้าใจ แต่มีบทสวดที่คล้ายคลึงกับบ้านเราอยู่บางวลี
 

 

             การเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาที่หักศอกทุก 20-50 เมตร ความชัน 40 องศา ไกล 3 กิโลเมตร ชาวพม่าจึงได้เตรียมเสลี่ยงเอาไว้บริการ เป็นเก้าอี้ไม้ไม้ไผ่ และมีคานหามสำหรับสี่คน ด้วยอัตราค่าบริการ ไป-กลับ 650 บาท ไม่รวมทิป อีกคนละอย่างต่ำ 200 บาท แถมด้วยน้ำใจด้วยโค๊กกระป๋องระหว่างที่เดินทางขึ้นไปด้วย ด้วยการบอกต่อกันมา จึงมีหลายคนเตรียมโค๊กกระป๋องไปจากเมืองไทย เพื่อจะได้ในราคาที่ถูกลง แต่ต้อหิ้วหนักไปจากเมืองไทย 
 
              ก่อนหน้าที่จะเดินทาง ไกด์ได้สอบถามว่า มีใครจะนั่งเสลี่ยง มีใครจะเดินขึ้นเอง ด้วยความที่ รู้สึกว่า ค่าเสลียงแพง จะเวียนหัวมั้ย อายจัง แถมอีกหลายคนบอกว่า "ยังไม่ตาย ก็โดนสี่คนหามแล้ว" ที่สำคัญอย่างทดสอบความแข็งแกร่งของตนเองว่าไหวหรือเปล่า จึงตัดสินใจ เดินขึ้น หลังจากที่นั่งจับชีพจรของตนเองว่า ปกติสักแค่ไหน 
 
             คนที่เลือกนั่ง เสลี่ยง บอกว่า ชิวมาก สบายจัง แต่เราสิกลับเหงื่อท่วมตัว ร้อนมาก ผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยฉุ่มไปด้วยเหงื่อ กระนั้น...ก็ยังแวะ ถ่ายรูปเป็นระยะๆ  
 
            ยิ่งหยุดยิ่งเหมือนฟ้าจะมืดลงไปทุกขณะ ตะโกนบอกคนนั่งเสลี่ยงว่า "หน้ามืดแล้วคร้า" บางคนชักชวนให้ขึ้นเสลี่ยง บางคนจะลงแล้วเปลี่ยนให้ "ไม่ค่ะ" เสียงยังแข็ง
 
            และ..ในที่สุด..."พี่...หน้ามืด ขอนอนให้เลือดไปเลี้ยงหัวหน่อย" บอกน้องๆที่มาเดินเป็นเพื่อนและร่วมแชร์มุมถ่ายรูปด้วยกัน
 
                น้องๆหลายคน ดูตกใจ ไกด์โอม รีบกลับมาดู "ไม่เป็นไรจ๊ะ" บอกน้องโอม แถมยังถ่ายรูปให้น้องโอมได้อีก
 
 
               น้องก้อย อาสาที่จะสะพายกล้องให้ ส่สนน้องจุ๊บส่งไม้เท้าของตัวเอง และยังมีอีกหลายคนที่ช่วยดูแลและแสดงน้ำใจ ต้องขอบพระคุณอย่างมากมาย 
 
                 เหมือนผีซ้ำกรรมซัด เมื่อถึงที่พัก ก็พบว่า ห้องที่ตัวเองได้รับ อยู่ต่ำสุดลงไปยังหน้าผาข้างล่าง
 
                 "พี่ไม่ต้องลงไปห้องหรอก เดินขึ้นมาไม่ไหวหรอก" ไกด์แก้วบอกด้วยสีหน้าบ่นคิ้วขมวด
 
                  ไกด์แก้ว สบายหน่อยที่ไม่ต้องเดินขึ้น หรือนั่งเสลี่ยง แต่ได้ใช้สิทธิคนพม่า นั่งรถขึ้นมา นักท่องเที่ยวต่างชาติ หากไม่เดินก็ต้องอุดหนุน เสลี่ยง
 
                  จำได้ว่า เกือบหกโมงเย็นที่ไปถึงที่พัก ชื่อ "mountain top hotel" โรงแรมน่ารัก อยู่ถัดมาเป็นโรงแรมที่สาม หากไล่จากความใกล้พระธาตุอินทร์แขวน
 
                    คนที่เดินขึ้นเองจะมีลูกหาบคอยบริการ ด้วยอัตราขั้นต่ำ 1500 จ๊าด ต่อกระเป๋า 1 ใบ ขากลับอีก 1500 จ๊าด ซึ่งเป็นกระเป๋าใบเล็กที่ทัวร์บอกให้จัดไว้สำหรับการนำขึ้นอินทร์แขวนแยกจากกระเป๋าใบใหญ่ ในส่วนที่จำเป็น แต่หลายคนบรรจุเอาโค๊กกระป๋องไว้ด้วย และอุปกรณ์ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นร่ม ไฟฉาย รองเท้าแตะ ซึ่งก็ดูเหมือนว่า จะหนักเอาการ
 

 

                    ก่อนที่ทานข้าวเย็น ไกด์แนะนำให้ขึ้นไปไหว้พระธาตุอินทร์ก่อนให้ครั้งแรก เพื่อชมความงามในต่างเวลา พออาบน้ำทานข้าวเสร็จ ก็ขึ้นไปนั่งสมาธิ สวดมนต์กันอีกรอบ
 
                       พระธาตุอินทร์แขวน หากไม่นับความมหัศจรรย์ของพระธาตุที่เหลืองอร่าม ที่ดูลอยแตะพื้นอย่างน่าประหลาดใจแล้ว ความอลังการของบริเวณวัด  ไฟประดับละลาน ลานกว้าง ที่มีวัยรุ่นมาเล่นสเกตบอร์ดบ้าง รูปสิงห์ หน้าวัด
                        ที่นี่ต้องจ่ายค่ากล้องถ่ายรูปอีกเช่นเคย ดูเหมือนจะแพงกว่าที่อื่น ในราคา 1000 จ๊าด
                        เดินไม่ทันไกด์แก้ว เพราะพื้นค่อนข้างลื่น จึงไม่รู้ว่าไกด์พาเข้าไปทำอะไร ในห้องสี่เหลี่ยมด้านขวา ที่มีรูปปั้นกษัตริย์ พระพุทธเจ้า เต็มห้อง ไกด์แนะนำให้พับเงินทำบุญและนำนามบัตรมาติดเอาไว้ เหมือนเป็นการฝากตัวให้ปราศจากโรคภัยก่อนที่จะนำน้ำมนต์มาปะพรมร่างกาย
                  
     ส่วน ด้านซ้ายเป็นห้องเล็กๆมีรูปปั้นหญิงสาวนอนอยู่ จำไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ไกด์บอกว่า ขอให้หายจากการป่วยอะไรได้หมด ให้วางเงินที่บริเวณที่เราเจ็บป่วยไม่สบาย ก็จะหายได้อย่างปาฎิหารย์ ป้าแดงเองอยากจะวางไว้ที่มือ และศีรษะ แต่ก็ทำได้ไม่สะดวกเพราะคนเยอะ เลยอธิษฐานว่า" วางตรงนี้ หมายถึง มีสุขภาพแข็งแรง นะเจ้าคะ"
     
       บริเวณพระธาตุอินทร์แขวน มีชาวพม่าจำนวนมากที่มานั่งสวดมนต์ในศาลา ด้านหน้าคือพระธาตุอินแขวน ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถเดินลงไปยังตัวพระธาตุ ใครที่ซื้อแผ่นทองมา ต้องฝากผู้ชายไปปิด..แล้วเดินลงไปชมอีกด้านหนึ่ง
 
       ป้าแดงซื้อแผ่นทอง และกระดิ่งในราคา 2000 จ๊าด มีระฆังขนาดต่างๆไว้จำหน่ายด้วย แต่ราคาสูง บางคนเตรียมมาจากเมืองไทย ดูมีความพร้อมอย่างมาก ใครที่บริจาคทำบุญจะได้เข็มกลัดรูปพระธาตุอินทร์แขวนเป็นที่ระลึกด้วย กระดิ่งนำเป็นแขวนไว้ที่รั้วหน้าพระธาตุ ส่วนแผ่นทองก็ฝากผู้ชายไปปิดตัวพระธาตุ
 
      เดินชมความงามของพระธาตุ และถ่ายรูปได้ไม่นาน ฝนก็เริ่มลงเม็ดและดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องกลับกัน 
  
     จ่ายค่าฝากรองเท้า สามคู่ 500 จ๊าด หัวหน้าทัวร์ บอกให้ใส่รองเท้าแตะของโรงแรมไป กันหาย แต่ลืมนึกถึงรองเท้าที่มีน้ำหนักที่หนักและดูดพื้น ทำให้ปวดน่องเพิ่มมากขึ้น
 

       อาหารที่พม่า ทุกมื้อต้องมีไข่เจียว คงคิดไปว่า เป็นสิ่งถูกปากคนไทย ไกด์โอมเตรียมอาหารหลายอย่างมาจากเมือง โดยเฉพาะน้ำจิ้มรสแซ่บ ผลไม้กระป๋อง อาหารกระป๋อง สำหรับทานกับข้าวต้มตอนเช้า มิน่าละ กระเป๋าน้องโอมจึงแน่นจนซิปแตก
 
         ฝนตกหนักทั้งคืน จึงไม่มีโอกาสขึ้นไปไหว้พระธาตุอีก แต่..มีหลายคนที่ขึ้นไป โดยเฉพาะน้องไกด์โอมที่บอกว่า "ไปดูผู้ชาย"
 
        ไม่รู้ว่า เวลาเท่าไร โรงแรมปิดไฟ มืดหมด มีเพียงแสงจันทร์ และดวงดาว ที่ส่องสว่างผ่านทางหน้าต่าง ในคืนวันออกพรรษา เสียงเม็ดฝนที่กระทบหลังคา ทำให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากบ้านเรา นั้นหมายถึงว่า ทำให้ไม่คิดถึงบ้านมากนัก
        ตีห้าพวกเราทุกคน ถูกปลุกขึ้นมา พร้อมๆกับเสียงสวดมนต์ดังขึ้นจากวัด ดูเหมือนจะมีสำเนียง คำว่า นะโม กับสาธุ ที่คล้ายๆกัน
 

        ทะเลหมอกหลังห้องพัก ดูสวยงาม จนดึงดูดให้หลายคนแอคชั่น ถ่ายรูป จนเกือบลืมเวลานัด
 
        กว่าจะถ่อสังขาร ผยุงตัวเอง พร้อมสัมภาระ ขึ้นมายังล๊อปปี้ ก็ทำเอาเกือบหน้ามืด เมื่อนอนไม่ค่อยหลับ เพราะแสบฝ่าเท้ามากซึ่งมากกว่าอาการปวดน่องที่กลัวจนต้องกินยาคลายกล้ามเนื้อและนวดยา(เตรียมมาจากบ้าน)

        ทื่ล๊อปปี้ ไม่เจอใคร จึงต้องรีบไปเก็บบรรยากาศในยาม เจอคนกรุ๊ฟเดียวกัน บอกว่า มาสวดมนต์ตั้งแต่ตีสี่แล้ว เราเป็นกลุ่มสุดท้ายอีกแล้ว พี่ๆที่มาด้วย จึงกลับลงๆไปก่อน กลัวจะเป็นตัวถ่วง จึงถ่ายรูปพระธาตุในระยไกล กล้องเริ่มปัญหาถ่ายไม่ได้ คงเพราะโดนฝนตั้งแต่ จึงเป็นโอกาสรีบตามพี่ๆกลับลงไป
  
       ตั้งใจว่าขาลงคงต้องนั่งเสลี่ยง แต่ดูเหมือนไม่มีใครจัดการให้ จึงตัดสินใจที่จะเดินลง พี่คนหนึ่งที่เดินขึ้นมาด้วยกัน บอกว่า ขาลงคงไม่เหนื่อยเท่าไร จึงชวนกันเดินลงก่อนที่คณะเสลี่ยงจะติดตามมา
 
       คณะที่เดินด้วยกัน เมื่อวาน ยังคงติดตามถามถึง เรื่องที่หน้ามืดเมื่อวาน คนกรุงเทพก็ใช่ว่า แล้วน้ำใจ น้องก้อย น้องจุ๊บก็เดินลงมาด้วยกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ได้ถ่ายรูปในยามเช้ากันน้อยมาก
     ระหว่างทางก็มีการทำบุญให้แก่ แม่ชี พระสงฆ์ ขอทานเป็นระยะ สองคน พากันลื่นไถลกันคนละครั้ง แต่ไม่หกล้ม เพราะคุยกันเสียเพลิน

 

ร้านค้าระหว่างทางขึ้นลงมีตลอดทาง ทั้งร้านของฝากและร้านอาหาร(ถั่วงอกพม่า ผอมยาวมาก)

 

      ถึงด้านล่าง หลายคนที่นั่งเสลี่ยง บอกให้ช่วยตรวจให้ด้วยว่าตับแตกหรือเปล่า เพราะโดนเสลี่ยงกระแทกตับไต อย่างหนัก บางคนที่เจอคนหามสุภาพก็สบายหน่อย แต่บางคนที่คนหามวิ่งก็เจ็บกันหน่อย
 
      ก่อนลงจากอินทร์แขวน บนรถบรรทุก พสวกเราติดอยู่บนรถเสียนานเพราะต้องคอยให้รถขึ้นมาก่อน แล้วรถขาลงจึงจะไปได้ ทำให้หลายคนต้องเสียเงินไปกลับพระธาตุอินแขวนจำลอง จากอันละ 100 บาท กลายเป็น สองกัน 100 สามอัน 100 ตามลำดับ

 

พระธาตุอินทร์แขวน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีจอ หากมีโอกาสได้กลับไปอีก คราวนี้ คงต้องอาศัย สี่คนหามและนั่งชิวๆไปบนเสลี่ยงอย่างแน่นอน
 
 

  

ปล. ทำผ้าเช็ดหน้าสีเขียวผืนโปรดหาย....ที่นี่ โชคดีที่มีสำรอง

 

หมายเลขบันทึก: 407179เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2010 21:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ก็กำลังมองๆ ที่เที่ยวปีใหม่นี้เหมือนกัน ว่างๆ จาปัยเที่ยวมั่ง Thank Q'.

สวยมากๆ ป้าเเดง น่าไปมากค่ะ มีโอกาสอยากไปจัง

คุณ วีระศักดิ์ น้องกุ้ง ป้าแดง ชอบนะคะ พม่า

กลับมาบ้าน รีบบอก คุณสามีว่า "เราน่าจะทาสีบ้านและสีรั้วใหม่นะ" ไม่รู้ทำไม อิอิอิ

เป็นตาสะออนแท้ เอื้อย

อยากไปหลาย

ชอบมาก ความฝันเลยหละ ปีนี้ต้องไปให้ได้ ชัวร์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท