หลังจากที่ท่าน ห.ศน.อาจารย์หม่อมหลวงบุญเหลือย้ายไปเป็นอาจารย์ที่ วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน เมื่อ พ.ศ.2502 หลวงสวัสดิสารศาสตรพุทธิ อธิบดีกรมวิสามัญศึกษา ได้เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยศึกษานิเทศก์เสียเอง เป็นเวลา 3 เดือน แล้วให้ ศึกษานิเทศก์ เลือก ห.ศน.กันเอง ใช้แบบการเลือก "คาร์ดินัล" โดยแจกกระดาษชิ้นเล็กๆให้ ศน.เขียนชื่อคนที่จะเลือก ในที่สุดศาสตราจารย์กิตตคุณ ฐะปะนีย์ก็ได้รับเลือกเป็น ห.ศน. และทำหน้าที่นี้จนถึง พ.ศ.2516 จึงย้ายไปเป็นอาจารย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปลี่ยนจากการทำงานพัฒนาครู ไปสู่การทำงานผลิตครู
พ.ศ.2498-2510 ได้มีการย้ายหน่วยศึกษานิเทศก์ 4 ครั้ง ตอนที่ท่านเป็น ห.ศน.ใหม่ๆ หน่วย ศน.มาตั้งที่บริเวณสนามเสือป่า และครั้งสุดท้ายก็ได้ย้ายไปอยู่ที่บริเวณโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ในสมัยท่านอธิบดีสนั่น สุมิตร ซึ่งหน่วยศน.ที่นี่มีความสมบูรณ์มาก มีทั้งสำนักงาน สถานที่อบรมครู และหอพักสำหรับครูที่เข้ามาอบรมอยู่ในอาคารหลังเดียวกัน
ท่านบอกว่าที่ใช้หัวเรื่องบันทึกว่า "เส้นทางสายนิเทศ" นั้น เพราะผู้ที่เข้ามาเดินอยู่บนเส้นทางสายนิเทศแล้วก็จะต้องทำใจยอมรับสถานการณ์ที่ตนกำลังเผชิญอยู่ และต้องหาทางทำงานในหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบให้ได้ผลดีที่สุด แม้งานบางอย่างจะเข้าลักษณะ "ปิดทองหลังพระ" เราก็ต้องเต็มใจทำ เพราะเรามีจุดหมายอยู่ที่ความเจริญของเด็กที่จะเติบโตเป็นพลเมืองดีของชาติต่อไปในภายภาคหน้า
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ฐะปะนีย์ ได้บันทึกในตอนท้ายที่เป็นคติเตือนใจสำหรับศึกษานิเทศก์ไว้ว่า
"ในฐานะที่เคยเดินบนเส้นทางสายนี้มาก่อน ขอเสนอ "ลายแทง" ในการทำงานดังนี้
1.เตรียมตัวพร้อม ในด้านต่างๆ เช่น สุขภาพกาย-ใจ วิทยาการ เอกสาร อุปกรณ์
2.ยอมรับฟัง คำแนะนำ คำติชม วิพากษ์วิจารณ์ เพื่อปรับปรุงตนเอง
3.ไม่ทิ้งหลัก มีทั้งหลักวิชา หลักการ หลักธรรม หลักฐาน
4.รักค้นคว้า ค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อให้ทันเหตุการณ์ ทันโลก ทันคน
5.เอื้ออาทร ต่อหมู่คณะ ต่อโรงเรียน ผู้บริหาร ครู นักเรียน และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่ายเพื่อผลดีของงาน"
ท่านอาจารย์ธเนศค่ะ
ครูตาชอบ "ลายแทงการทำงาน" ค่ะ ใช้ได้กับทุกงาน ทุกคน ทุกยุค ทุกสมัยเลยนะคะ โดยเฉพาะงานจัดการศึกษาเพื่อเด็กไทยค่ะ
"ในฐานะที่เคยเดินบนเส้นทางสายนี้มาก่อน ขอเสนอ "ลายแทง" ในการทำงานดังนี้
1.เตรียมตัวพร้อม ในด้านต่างๆ เช่น สุขภาพกาย-ใจ วิทยาการ เอกสาร อุปกรณ์
2.ยอมรับฟัง คำแนะนำ คำติชม วิพากษ์วิจารณ์ เพื่อปรับปรุงตนเอง
3.ไม่ทิ้งหลัก มีทั้งหลักวิชา หลักการ หลักธรรม หลักฐาน
4.รักค้นคว้า ค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อให้ทันเหตุการณ์ ทันโลก ทันคน
5.เอื้ออาทร ต่อหมู่คณะ ต่อโรงเรียน ผู้บริหาร ครู นักเรียน และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่ายเพื่อผลดีของงาน"
วันนี้จัดโครงการสัมมนาวิชาการ จะนำข้อคิดนี้แบ่งปันที่ประชุมค่ะ
ลายแทงนี้น่าจะทันสมัยและใช้ได้ในการพัฒนาตนเองทุกคนครับ