พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “ดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์ เวลาพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที คำทำนายของอาตมานี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่เล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อๆไป นับเป็นกรรมของสัตว์ ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา”
พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตว่า :
ได้เห็นก้อนศิลาแท่งทึบขนาดใหญ่เท่าเรือ ลอยอยู่เหนือบนผิวน้ำ เหมือนกับเรือสำเภาเปล่า ตามธรรมดาแล้วก้อนศิลาย่อมจมอยู่ใต้น้ำ แต่ก้อนศิลานั้นกลับลอยอยู่บนผิวน้ำ
พระพุทธองค์ทรงทำนายไว้ว่า :
(สิลา ปลวนฺติ) ในอนาคตกาลข้างหน้าโน้น คนพาลสันดานชั่ว คนทุศีล ทุธรรม คนขี้โกง คนหัวประจบสอพลอ คนทุจริตคิดมิชอบ คนไม่มีความละอาย จะได้รับการยกย่องเชิดชูในสังคม เป็นผู้มีบทบาท มีอำนาจ มื่ชื่อเสียงเกียรติยศ มีพวกพ้องลูกน้องบริวารมาก ถ้าเป็นฆราวาสก็จะมีแต่ผู้เชิดหน้าชูตา ไปไหนมาไหนมีแต่คนเคารพยำเกรง มีฝูงชนให้การต้อนรับเอาใจ เรียกว่าเป็นกระจกบานใหญ่ให้แสงสะท้อนเงาของประเทศนั้นๆ สังคมของประเทศนั้นมีความเจริญหรือเสื่อมลง ก็ให้ดูกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสภา จะเป็นสื่อบอกประตูหน้าต่างของสังคมนั้นได้เป็นอย่างดีว่าประเทศใดมีตัวแทนลักษณะใด จะรู้ได้ว่าผู้ที่เลือกเขาเข้ามาก็เป็นลักษณะนั้นเหมือนกัน เพราะเขาจะเลือกเอาคนลักษณะเดียวกัน ชนิดเดียวกันเข้ามา แต่ถ้าเป็นนักบวช นักพรต ก็เป็นลักษณะนี้ ศาสนาจะมีความเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงก็ขึ้นอยู่กับพุทธบริษัททั้งสี่ หากปล่อยลำพังพระอย่างเดียวจะโดดเด่นขึ้นในท่ามกลางของสังคมนั้นไม่ได้ พระที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังได้ก็เพราะญาติโยมนำออกไปโฆษณากันเองว่ารูปนั้นมีความดี มีความขลังอย่างนั้น รูปนี้มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ รูปนั้นมีอภินิหารอย่างนี้ไปทางไหนโยมก็นำไปออกข่าว โดยไม่ต้องเสียค่าออกสถานี ไม่ต้องอัดสปอร์ตโฆษณา ไม่ต้องมีสปอนเซอร์ว่ารูปไหนปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ รูปไหนเป็นพระอริยเจ้า ฆราวาสญาติโยมจะเป็นผู้ให้ใบประกาศคาดการณ์ให้เอง โดยไม่เกรงใจพระว่าท่านจะชอบหรือไม่ ลูกศิษย์แต่ละครู ศิษย์แต่ละสำนักก็จะผลิต จะกำหนดรูปแบบอาจารย์ของตนเองให้เป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเรียกว่า "อรหันต์จัดตั้ง" โดยศิษย์ของตัวเอง เรื่องข้อวัตรปฏิบัติของอาจารย์ของตัวเองมีความเคร่งครัดอย่างไรก็นำไปโฆษณาประชาสัมพันธ์กันเกินความเป็นจริง นี้แหละก็คือ ก้อนศิลาแท่งทึบจึงได้ลอยอยู่บนผิวน้ำ (เพราะว่าลมปากอยู่เหนือน้ำลายอย่างไรละ!) จึงมีความโดดเด่น เห็นได้ชัดเจน เป็นธุรกิจในคราบผ้ากาสวพักตร์บังหน้าไป มีพ่อค้าขายผ้ากาสวพักตร์จัดกันเป็นขบวน (ชวนคนทำบุญแล้วแบ่งครึ่งหนึ่ง) บางที่มีการจัดทัวร์หัวใสไปทำบุญเพื่อที่จะได้พักได้นอนในราคาถูก แต่คิดกับคนไปด้วยในราคาเต็ม ได้สองต่อสามต่อ ต่อที่หนึ่งได้ค่ารถแบ่งกัน ต่อที่สองได้ครึ่งหนึ่งจากการแบ่งส่วนที่เขาทำบุญแล้วนำมาแบ่งเอา ต่อที่สามไม่ต้องเสียค่าน้ำค่าไฟในการหากิน แต่คนเหล่านี้ศาสนาอาศัยไม่ได้ เอาศาสนามาแอบอ้างหากิน เมื่อช่วงปลายศาสนาโน้น คนจะหมดความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาของพระตถาคต และผู้คนจะมีศรัทธาเบาบางและค่อยจืดจางลงไป เพราะเห็นความชั่วร้ายในพระที่อยู่ในยุคนั้นๆ ผู้ที่มีปัญญาดีมีความมั่นคงมีเหตุมีผล เขาจะแสวงหาพระที่เป็นพระได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง เมื่อปลายศตวรรษศาสนาโน้น เรื่องอย่างนี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อีกไม่นานคนทุกท่านจะได้ยินได้ฟังได้เห็นด้วยตัวเอง ยิ่งในยุคข้าวของแพงหรือสงคราม
ขอให้บุญรักษา ธรรมคุ้มครองทุกคนนะคะ
ที่มา
พระครูปลัดวีระนนท์ วีรนนฺโท. ๒๕๕๑. พุทธทำนาย ๑๖ ประการ. พิมพ์ครั้งที่ ๗. บริษัท ธนาเพรส จำกัด. กรุงเทพฯ.
สามารถดาวน์โหลด E-book ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.veeranon.com/images/stories/book/16Predictions_th.pdf
พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน
สงวนลิขสิทธิ์ หากพิมพ์เพื่อจำหน่าย
ผู้มีจิตศรัทธาท่านใดสนใจพิมพ์หนังสือธรรมะเล่มใดแจกเป็นธรรมทานขอรับต้นฉบับฟรีได้ที่วัด เพื่อให้เนื้อหาของหนังสือถูกต้องและแม่นยำ หรือสนใจปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4
สอบถามรายละเอียดได้ที่วัดทุกวันค่ะ
http://www.veeranon.com/