การส่งไฟล์หลากหลายรูปแบบให้กันทางอีเมล์กลายเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งที่ทำให้เพลิดเพลินและได้ความรู้ความคิดทั้งผู้รับและผู้ส่ง เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้รับภาพสไลด์สวยงามชุดหนึ่งพร้อมกับเพลงประกอบชื่อ He Ain’t Heavy, He’s My Brother
เพลงนี้ทำให้นึกได้ถึงเรื่องที่ได้ยินมาตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมจากอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนอื่นซึ่งมาเยี่ยมและเล่าให้ฟัง
เป็นเรื่องของอาหมวยวัยราวๆหก-เจ็ดขวบที่กระเตงน้องชายตัวเล็กๆไว้กับเอวขณะเดินไปเก็บชามก๋วยเตี๋ยวตามโต๊ะในโรงอาหารของโรงเรียน แล้วเอาไปส่งให้คนล้างหลังล้อเข็นของเตี่ย
อาจารย์ใหญ่ซึ่งเดินตรวจไปตามบริเวณโรงเรียนได้เห็นภาพนี้จนชินตั้งแต่ต้นปีการศึกษาจนถึงปลายปี วันหนึ่งท่านพบอาหมวยกับน้องที่โต๊ะตัวหนึ่ง จึงถามว่า
“อาหมวย ครูเห็นหนูอุ้มน้องยังงี้ทุกวันมากว่าครึ่งปีแล้ว ไม่หนักบ้างหรือ”
“หนักไม่ได้ค่ะ” อาหมวยเงยขึ้นตอบ
“ทำไม”
“ อีเป็นน้องหนูค่ะ”
คำตอบของอาหมวยกับของบ็อบบี สก็อตต์ และ บ็อบ รัสเซล ผู้แต่งเพลงที่ผมกล่าวถึงข้างบนนี้ ตรงกันราวกับเตี๊ยมกันไว้ได้อย่างไร ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเกี่ยวโยงถึงกันได้เลย
ความรัก ความอาทรที่พี่มีต่อน้องเป็นความรู้สึกของมนุษย์ที่เป็นสากลจริงๆ ภาพเด็กอุ้มน้องเป็นภาพธรรมดาที่เห็นได้ทุกมุมโลกจนชินสายตามนุษย์ทุกชาติทุกภาษา แต่ภาพธรรมดานี้มีความหมายต่อโลกมาก เพราะมันสัมพันธ์กับคำที่ชาวโลกใช้ร่วมกันว่า ภราดรภาพ (brotherhood)เป็นอย่างยิ่ง
ชาวไทยเรานิยมเรียกคนนอกครอบครัวเป็นพี่เป็นน้องกันมานานมากแล้ว แสดงถึงความรู้สึกที่ดีที่มีต่อกันราวกับเป็นคนในครอบครัว ทำให้ดูเหมือนว่าเราไม่แพ้ใครในโลกเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ในบางแห่งและบางเงื่อนไข ภราดรภาพกลับเป็นเรื่องยากหรือไกลเกินเอื้อม แม้แต่ในประเทศเดียวกัน เช่นบางประเทศในแอฟริกา และแม้แต่ในประเทศไทยเอง ณ บางช่วง
มนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ โลกก็พลอยไม่สมบูรณ์แบบ คำจำพวกภราดรภาพ มิตรภาพ และ สันติภาพจึงเป็นคำในอุดมคติตลอดมา และคงเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไรก็ไม่รู้
ไม่มีความเห็น