จิตตปัญญาเวชศึกษา 149: ความรู้ที่ตกผลึก คืออนาคตผุดกำเนิด ตอน 2


ความรู้ที่ตกผลึก คืออนาคตผุดกำเนิด

ถ้าเราไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาตัด บั่น หั่น ทอน ทำยาวเป็นสั้น ทำฟุ่มเฟือยเป็นกะทัดรัด แล้วเราจะถอดความรู้อย่างไร?

ผลึกที่ได้มานั้น ดูเผินๆจะแตกต่างจากสารละลายเข้มข้นก่อนหน้านี้เป็นคนละสสาร คนละเรื่อง คนละอย่างกัน แต่แท้ที่จริงก็ยังคงมีส่วนประกอบเดิม หากแต่สุกงอมปรุงแต่งได้รูป ได้อายุ ได้ปัญญาตามกาลเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น เอาผลึกเกลือแกงไปวิเคราะห์ เราก็ยังคงได้ NaCl ออกมาเหมือนเดิม เหมือนเอาเพชรไปวิเคราะห์ เราก็ได้​ "ถ่าน" หรือ carbon ออกมาเหมือนเดิม

แต่ไม่เหมือนเดิม!!

การทำงานของธรรมชาติ ของปรากฏการณ์นั้น ถ้าจะเรียกอีกแบบ ก็คือการเกิด "สุกงอมของเหตุปัจจัย" นั่นเอง แต่ได้สรรสร้างสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา หากในสิ่งใหม่นั้น ถ้าเราพินิจพิจารณา เราจะสามารถ trace หาที่มา ที่ไป เหตุผลกลใน ได้อยู่เสมอ ยิ่งหาละเอียดยิ่งเจอละเอีดด หาหยาบๆก็เจอหยาบๆ หาเร็วๆก็ได้ผิวๆ หาอย่างประณีตเราก็ได้สัมผัสกับเจตสิกจิตวิญญาณของสรรพสิ่ง ได้ความจริง ได้ปัญญา

สิ่งที่ควรสังเกตก็คือ การถอดความรู้นั้น ตัวผู้ถอดพึงตระหนักว่าตนเองก็เป็นหนึ่งใน "สารละลาย" หรือ "บริบท" ด้วย เมื่อนั้น เราจะถอดแบบกระโดดลงไปร่วม ทั้งเนื้อทั้งตัว เอาปัญญา ตัวตน จิต ของเราไปสัมผัส สังเกต สังเกต สังเกต หล่อหลอมกับสิ่งที่เราได้รับรู้ใหม่ เมื่อถึงเวลา อะไรที่เป็นสาเหตุแต่แรกเริ่มที่ทำให้เราได้เจอะเจอปรากฏการณ์นี้ ก็จะ "ผุดปรากฏ" หรือ "ตกผลึก" ออกมาเอง ในสิ่งแวดล้อมที่ใส นิ่ง ไม่ปนเปื้อนด้วยทิฏฐิ ด้วยอคติ หรือสัญญาวิปลาสใดๆ

เหมือนเรื่องเล่าในตอนก่อนที่คุณพ่อต่อซุ้มให้ลูกสาววันแต่งงาน หากคุณพ่อได้ไป "ตกผลึก" ก็จะเกิดรับรู้ว่า บางทีงานที่สูงส่งสวยงาม มันจะต้องบรรจุไว้ด้วยความรัก ความห่วงใย ความหวังดี และความสุขที่สุดตอนกำลังกระทำ ทุกๆเกรนละเอียดของงานไม้ ที่กระดาษทรายลงไปลูบถู มีความคะนึงหาห่วงใยในตัวลูกที่ได้เลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออก และอาจจะมีหลาน เหลน มาได้สัมผัสกับงานชิ้นนี้ในอนาคต ยิ่งต้องละเอียด ยิ่งต้องนุ่มนวล ยิ่งต้องขจัดเศษเสี้ยนทุกชิ้นออกไปให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่ตาเนื้อจะมองเห็นได้

และหากได้นำเอา "ความรู้" นี้ไปใช้ต่อ มันจะไม่ได้ออกมาเป็น "หลักสูตรการต่อซุ้ม" แต่ออกมาเป็น "หลักสูตรการใช้ชีวิตอันสุนทรีย์" แทน นี่คือความแตกต่างระหว่างตกตะกอน กับตกผลึกความรู้

ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เซอร์ไอแซก นิวตัน เขียนถึงเพื่อนของเขา บอกว่า "สิ่งดีงาม สิ่งยิ่งใหญ่ที่มวลมนุษย์เสพอยู่ทุกวันนี้นั้น ล้วนได้มาจากการที่เรามี privilege มายืนอยู่บนบ่าของเทพมหายักษ์" นั่นคือ บรรพบุรุษของเรา ปัญญาของบรรพบุรุษก่อนหน้าเรา เราจึงดูเหมือนจะมองได้ไกลกว่า กว้างกว่า จนบางทีนึกว่าเรานี้ช่างฉลาดกว่า เก่งกว่า

ถ้าหลงอย่างนั้น เราก็ลืมขอบคุณบันไดที่ทำให้เราสูง ขอบคุณเก้าอี้ที่ทำให้เรานั่งสบาย ขอบคุณนักเรียนที่ทำให้ครูพบว่าเขาสอนได้ ขอบคุณคนไข้ที่ทำให้หมอทราบว่าเขาช่วยเหลือผู้คนได้

และไม่เชื่อมโยงอนาคต เข้ากับอดีต

คิดว่าเราทำได้ก็เพราะ "ตะกอน" ที่เราหาเจอ เชื่อ และใช้ อยู่ทุกวี่วันเท่านั้น

เมื่อเราถอดความรู้ ก็คือเราได้ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์นั้นๆหลอมรวมกับ "เราทั้งหมด" เกิดสิ่งใหม่ที่นำไปสู่ความเชื่อปฏิบัติใหม่ ในความใหม่ ก็มีร่องรอยที่มาของของเก่าอยู่เสมอ ไม่มีอะไรที่ใหม่บริสุทธิ์ แม้แต่ intuition หรือฌานทัศนะ ก็จะต้องมีรากฐานที่มา ที่อาจจะซ่อนเร้นอยู่เบื้องลึก รอเวลาตกผลึกในกาลอันควรเท่านั้นเอง

เราทุกคนสามารถถอดความรู้ได้ และควรที่จะทำเอง เพราะเราจึงจะทราบว่าชีวิตของเราเกี่ยวข้องพัวพันกับใคร กับอะไรบ้าง อะไรที่เป็นสำคัญมากของเราซศฃึ่งจะแตกต่่างจากของคนอื่นๆ ดังนั้น เราจะพบว่าจะไปใช้ความรู้ที่คนอื่นถอด มันอาจจะหลวมไป หรือคับไป ไม่พอดี เหมือนยืมเสื้อเพื่อนมาใส่ เพราะเห็นว่าเขาใส่แล้วสวยงามดี แต่ปรากฏว่าไม่เข้ากับขนาดของเรา หรือขนาดเท่ากันก็ไม่เข้ากับบุคลิกของเราก็ยังได้

หากเราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ได้สุ่ม ไม่ได้ random ประสบการณ์ของเราแต่ละคนจึงต้องเกิดมาจาก design อะไรบางอย่างเพื่อเราเอง และเราเองนี้ที่มีประวัติอัน unique ไม่ซ้ำ ไม่เหมือนคนอื่น จะต้องเป็นผู้ถอดรหัสและตีความเอาเองว่ามันคืออะไร อนาคตที่กำลังผุดกำเนิดขึ้นนั้นเป็นบทเรียนของเรา เป็นปัญญาของเรา และกำลังจะกลายเป็นปัจจุบัน เป็นอดีตของเราต่อไป

หมายเลขบันทึก: 405298เขียนเมื่อ 29 ตุลาคม 2010 12:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

พอมีเวลาอ่านบทความของอาจารย์แล้ว

รู้สึกว่าได้ calibrate ตัวเองอีกครั้งหนึ่งคะ

ถามตัวเองว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นในของการตกผลึก

สสารยังลอยวน ฟุ้งกระจาย จากหลากหลายกระแส

คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะตกผลึกคะ

ดีครับ อย่าพึ่งเร่งรัด มันจะตกตะกอนออกเป็นคำๆ ตกผลึกนั้นมันจะซึมลึก "กลายเป็นของเรา กลายเป็นเรา" ไป เป็นการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงโดยแท้ อย่าเรียนเพื่อสร้าง "บทเรียน" เฉยๆ เรียนเพื่อรักเป็น รักตัวเรา รักคนอื่น รักโลกใบนี้

พยายามเรียนรู้เพื่อรักโลกใบนี้ค่ะ

เข้ามาเรียนรู้ข้อคิดดีๆจากอาจารย์ค่ะ

ขอบคุณสำหรับแง่คิดดีๆคะ.........กำลังค้นหาตัวเองและรวบรวมว่าเราเรียนรู้อะไรมาบ้างและจัดการกับความรู้ที่เพิ่งเรียนจบมาอย่างไร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท