putarapon

เราสร้างความอยากเอง = เราก็สร้างความเกิดใหม่อีก

         ในทางพุทธศาสนา  ปัญหาเรื่องตายแล้วเกิดใหม่อีกหรือไม่  เป็นเรื่องประกอบเท่านั้น  เพราะมุงสอนให้คนละจากการทำไม่ดี  ให้ทำความดีในชาตินี้   แต่ส่วนมากก็อดสงสัยมิได้ในเรื่องตายเรื่องเกิด   และกล่าวได้ว่า  ส่วนมากเชื่อว่าตายแล้วเกิดอี

          สรุปความในตอนนี้ว่า  เรื่องตาย  เกิดหรือไม่เกิด  ใครจะเชื่อหรือไม  อย่างไรไม่สำคัญ  ข้อสำคัยอยู่ที่ว่า  ใครจะเป็นผู้บอกได้  จะรุ้จริงได้อย่างไร 

          ตอบได้ว่า  ผู้บอกมีอยู่แล้ว  คือ  พระพุทธเจ้า  ท่านตอมไว้ในหลักอริยสัจสี่  ถอดความสั้นๆ ว่า  “มีตัญหา  (ความอยาก)  ก็มีชาติ  (ความเกิด)  สิ้นตัญหา  ก็สิ้นชาติ”

          ในครั้งพุทธกาล  มีแม่ทัพใหญ่ผู้หนึ่งชื่อ  ท่านสีหะ  ไปเฝ้ากราบทูลถามว่า  จะทรงบีญญัติแสดงผลทานที่มองเห็นได้ในปัจจุบันได้หรือไม่

          พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ได้  คือ  เป็นที่รักของชนมา,  เป็นที่คบหาของคนดี,   มีเสียงพูดถึงในทางดีงาม,  กล้าเข้ามาในหมู่คนต่างๆ,  ตายไปสุคติ (ไปดี) โลกสวรรค์,

         ท่านแม่ทัพสีหะกราบทูลว่า  ๔  ข้อต้นไม่ต้อวถึงความเชื่อต่อพระพุทธเจ้า  เพราะรู้ได้ด้วยตนเอง  ส่วนหลังไม่รู้  แต่ก็ถึงความเชื่อต่อพระพุทธเจ้า

         ท่านแม่ทัพเป็นทหาร  กราบทูลตรงๆ  รู้ว่ารู้  ไม่รู้ว่าไม่รู้  แต่มีศรัทธาต่อพระพุทธองค์มั่นคง  ฉะนั้น  ถึงไม่รู้  แต่มีผู้รู้เป็นผู้นำทาง  และมีความเชื่องฟังผู้รู้  ก็ย่อมเดินถูกทางแน่นอน

         แต่ถ้าเราจะรู้ด้วยตนเองได้นั้น  มีผู้แนะนำว่า  ต้องทำสมาธิจนได้ดวงตาชั้นใน  มองเห็นความจริงได้ด้วยตนเองจึงจะสิ้นสงสัย  ถายังไม่ได้ดวงตาชั้นใน  อย่างดีก้ต้องอาศัยศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าไปก่อน

[บุษรา]

• สวัสดีค่ะ
• นั่นแน๊...... จับได้แล้ว ว่ายังไม่นอนเหมือนพี่นกเลย.....   
• หลับฝันดีค่ะ
• ขอบคุณค่ะ