การประเมินงานวิจัย ( evaluation of Research )
ในการทำวิจัยในแต่ละครั้งผู้วิจัยจะต้องศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เพื่อที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในงานวิจัยของตนแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับนักวิจัยทุกคนก็คือ การศึกษาค้นคว้างานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในประเด็นนี้ผู้วิจัยจำเป็นต้องทราบว่างานวิจัยที่เราจะนำมาใช้สำหรับการวิจัยของตนนั้นมีความรู้น่าเชื่อถือเพียงใด ควรแก่การนำผลการวิจัยมาใช้หรือไม่ ดังนั้นสิ่งจำเป็นประการหนึ่งสำหรับนักวิจัยที่ต้องรู้ก็คือ การประเมินงานวิจัย (Evaluation of Research)
การประเมินงานวิจัยนั้น มีมิติการพิจารณาอยู่ 2 มิติ คือ
1. มิติด้านคุณค่า ซึ่งเป็นการพิจารณาประโยชน์หรือความสำคัญของงานวิจัยนั้น เช่น ช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วน ปัญหาสำคัญ พัฒนาสิ่งใหม่ หรือเป็นประโยชน์ในเชิงวิชาการ เช่น ทดสอบทฤษฎี
2. มิติด้านคุณภาพ เป็นการพิจารณาถึงความถูกต้อง เหมาะสม ตามหลักของการวิจัยที่ดี
การประเมินคุณภาพ
การประเมินคุณภาพงานวิจัยนั้นเป็นการพิจารณาในด้านวิธีวิทยาการวิจัย ( Research Mothodology )
ชื่อหัวข้อปัญหาการวิจัย
1) หัวข้อปัญหาการวิจัยหรือชื่อเรื่องมีความชัดเจนเพียงใด
2) หัวข้อปัญหาการวิจัยได้แสดงถึงขอบเขตการวิจัยหรือไม่
3) หัวข้อปัญหาการวิจัยได้แสดงถึงวิธีการศึกษาหรือแนวทางการศึกษาหรือไม่
ความเป็นมาของปัญหา
รัตนะ บัวสนธ์ (2548 : 256) ได้เสนอข้อพิจารณาสำหรับการประเมินความเป็นมาของปัญหาการวิจัยไว้ ดังนี้
1) มีการนำเสนอความเป็นมาของปัญหาที่ชัดเจนเพียงไร
2) ปัญหาที่ศึกษานั้นได้เสนอแนวคิดให้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นควรศึกษา เพราะเหตุใดและก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไร หรือไม่
3) ได้เสนอให้ทราบว่าสิ่งที่เป็นปัญหานั้นเกิดขึ้นตามสภาวะหรือสภาพที่เป็นจริงในปัจจุบันนั้นอย่างไรหรือไม่
4) ได้เสนอให้ทราบว่าสิ่งที่เป็นปัญหานั้นมุ่งศึกษาหรือมุ่งแก้ปัญหาในประเด็นใด ชัดเจนเพียงใด
5) ได้เสนอให้ทราบว่าการศึกษาตัวแปรของปัญหานั้น ๆ อาศัยทฤษฎีหรืหลักการใด ๆ หรือไม่
6) การบรรยายรายละเอียดของปัญหาได้เสนอไว้อย่างมีระบบตามความสัมพันธ์ของสิ่งที่เกี่ยวข้องตามลำดับเพียงใด
นอกจากนี้บุญชม ศรีสะอาด (2543 : 158 ) ได้เสนอข้อพิจารณาสำหรับการประเมินความเป็นมาของปัญหาการวิจัยไว้ในลักษณะเดียวกัน กล่าวคือ
1) กล่าวถึงปัญหาชัดเจน ชี้ให้เห็นความสำคัญของปัญหาการวิจัยนั้นคือมีเหตุผลที่ทำการวิจัยชัดเจนและเหตุผลที่ทำการวิจัยก็เป็นเหตุผลสำคัญ
2) มีหลักเหตุผลที่หนักแน่นเพียงพอในการเลือกตัวแปรหรือองค์ประกอบที่จะศึกษาและแสดงถึงความสัมพันธ์กับปัญหาวิจัย
3) ชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมโนภาพ (Concept) ที่อยู่เบื้องหลังปัญหาอย่างเป็นระบบไปตามลำดับ
4) แยกประเด็นปัญหาที่ชัดเจน โดยใช้หัวข้อหรือบริบท (Pragraph) ดีเหมาะสม
5) ใช้ข้อความที่รัดกุมไม่คลุมเครือ
เอกสารอ้างอิง
บุญชม ศรีสะอาด. (2543). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
รัตนะ บัวสนธ์. (2548). ปรัชญาวิจัย (Philosophy of Research). กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไม่มีความเห็น