ไร้สาระ(1)


ไร้สาระรู้ไหม

   

        THE OLD LETTER   FROME  MY DEAR.............
           สิ่งที่เรารักเราหวง มักถูกเก็บไว้ในที่มิดชิดปลอดภัย นานๆจะได้หยิบมาอ่านมาดูมาพิจารณาสักครั้ง จดหมายในวันที่เราจีบใครสักคนที่เราเขียนหรือที่อีกฝ่ายเขียนแล้วส่งมาให้ ตอนนั้รู้สึกหวานๆ แต่ไม่เลี่ยนแต่ก็ไม่ขมจนเอียน ข้อความด้านล่างคือจดหมายสองฉบับที่ผมเก็บไว้ อยากให้คุณอ่านเล่นๆ ในวันที่เรากำลังไร้สาระ....ไร้สาระรู้ไหม.....
            วันหนึ่ง...มีผู้หญิงคนหนึ่งได้เดินทางมาถึงครึ่งทางชีวิต....ด้วยความ รู้สึกที่โดดเดี่ยว..ท่ามกลางกระแสพายุที่มีทั้งคลื่นลมแรงและราบเรียบ...แต่เธอ ก็เดินทางประคองชีวิตมาได้จนถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต  ทำให้เธอรู้ว่า..โลก ที่คนหลายคนบอกว่าน่าอยู่...มันไม่ใช่เสมอไป...มันมีทั้งด้านสวยงามและไม่สวย งาม...เธอต้องเดินไปด้วยกำลังใจที่อดทน...เพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่เธอต้อง การ...ซึ่งตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ต้องการหรือที่บอกว่าต้องการนั้น.. เป็นความต้องการที่แท้จริงหรือเป็นเพียงสิ่งสมมติ...แต่เธอก็ยังต้องการที่จะค้น หาคำตอบไปเรื่อยๆ ...เธอคิดว่าเมื่อได้คำตอบแล้วไม่ใช่...เธอก็จะค้นหาต่อไป เรื่อยตราบเท่าลมหายใจที่มีอยู่...หรือถ้าใช่..เธอก็คงจะหยุดตัวเองไว้เท่า นั้น...และยึดสิ่งนั้นไว้กับตัวเองตลอดไป...นั่นคือสิ่งที่เธอคิด...
          แล้ววันหนึ่ง...ผู้ หญิงคนนั้นก็มาหยุดพัก...เพราะเหนื่อยจากการเดินทางที่ยาวนาน...ใต้ร่มไม้ใหญ่ ต้นหนึ่ง...เพราะมีความรู้สึกว่าต้นไม้ต้นนั้นน่าจะเป็นร่มเงาให้หายเหนื่อยได้ เพราะมีร่มเงาที่แผ่กว้างออกไป...เธอจึงได้นอนพักผ่อน ณ ตรงนั้น...จนงีบหลับไป เพราะความเหนื่อยล้า....ไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้..จนกระทั่งรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะ มีความรู้สึกว่าแสบร้อนเนื้อตัวไปทั่ว...จนนอนต่อไปไม่ไหว...เธอตื่นขึ้นมาจึง ได้รู้ว่าร่มเงาที่เธอไว้ใจว่าจะให้ความชุ่มชื่นเย็นฉ่ำแก่ตนเองนั้น..บัดนี้... มันอันตรธานหายไปแล้วและมีแสงแดดเข้ามาแทนที่..นานเท่าไหร่ไม่ทราบได้...รู้แต่ ว่าถ้าเธออยู่ต่อไป...แสงแดดนั้นมันจะทำให้ผิวของเธอไหม้เกรียมได้...ทำให้เธอ ต้องลุกขึ้นมาเพื่อก้าวเดินต่อไปอีก......
         อยากรู้ไหม ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร....
           วันหนึ่ง ขณะที่เดินทางโดยลำพังนั้น  ผู้หญิงคนนั้นก็นึกได้ว่าตราบใดที่เรา หยุดอาทิตย์ไม่ได้  ตราบนั้นเราคงต้องเดินทางไม่สิ้นสุด  เธอเลยนึก ว่าจะทำยังไงให้แสงเงาอาทิตย์สามารถหยุดเคลื่อนที่ได้...แล้วเธอก็นึกได้ว่า  ถ้าเธอมีต้นไม้ใหญ่สองต้นมาอยู่ระหว่างตัวเธอแล้วให้ต้นไม้นั้นสามารถ แผ่กิ่งก้านถึงกันได้  เธอก็จะสามารถมีร่มเงาให้อยู่อย่างร่มเย็นตลอดไป... เมื่อนึกได้แบบนั้นเธอก็เดินทางแสวงหาต้นไม้ที่มีลักษณะดังกล่าว...แต่หาเท่า ไหร่ก็ไม่เจออีก..เธอเดินทางจนเหนื่อยล้า..จึงหยุดพักและคิดว่ามันช่างทรมานเหลือเกิน  เหนื่อยเหลือเกิน  เหนื่อยเกินที่จะตามหาอีกแล้ว...แล้ว เธอก็เหลือบไปเห็นต้นไม้เล็กสองต้นที่มีลำต้นอวบอิ่มมาก จึงคิดว่า..ถ้าเราดูแล รักษาไม่ให้มันตาย  ต้นไม้คู่นี้ก็จะทำคุณประโยชน์โดยการเป็นร่มเงาให้แก่เราได้...เธอจึงเปลี่ยนใจที่จะเดินทางแสวงหา และเลือกที่จะฟูมฟักรักษามันต่อไป.....
จริงๆ อยากฝึกเขียนภาษาอังกฤษ มากเลยนะ...แต่ไม่เก่ง...อยากรู้ไหมทำไมผู้หญิงคนนั้น จึงก้าวเดินต่อไป  เพราะเค้าคิดนะสิว่า ร่มไม้ที่คิดว่าจะให้ร่มเงาตลอด ไป  ก็ไม่จีรังยั่งยืนเหมือนกัน...เธอจึงเสาะแสวงหาสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เธอ สามารถหยุดการเดินทางที่เหน็ดเหนื่อยลงได้...จึงหา...หา....และหาต่อไปอย่างไม่ หยุดยั้ง....และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันไหนที่จะเจอ....เชื่อไหมว่าเธอเป็นตัวอย่าง ของสิ่งที่ได้ชื่อว่าคน....ที่ชัดเจนเลยใช่ไหม...ไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมี... มักแสวงหาสิ่งใหม่...โดยไม่ฉุกคิดว่าตัวเองอาจมีสิ่งที่ดีอยู่แล้ว...อาจเป็น ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นมากกว่าความรุ่มร้อน...ซึ่งมีเพียงไม่กี่นาทีก็จะ หายไป...
          เวลาที่เธอสบายใจ เธอกลับไม่คิดอะไร...แต่พอมีความร้อนมากระทบกายเพียงนิดเดียวก็ทำให้เธออยู่ไม่ ได้  เธออาจไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า...แสงแดดที่กระทบตัวเธอตอนนั้นเป็นแสงแดด ที่อบอุ่นด้วยซ้ำไป...ไม่ใช่แสงแดดที่ร้อนระอุของตอนกลางวัน...ปานนั้นเธอก็ลืม นึกไป....มาดูต่อไปไหมว่าเธอจะทำอย่างไร
         เธอเดินไปเรื่อยๆ....ไปใน ทางที่คิดว่าปลอดภัย....พยายามให้ตัวเองปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ...บางทีก็ต้อง เดินทางไปในที่ขรุขระ...จนทำให้เท้าเป็นแผล...แต่ก็ไม่ย่อท้อ...ด้วยความหวังที่ มีอยู่เต็มหัวใจที่จะไปให้ถึงฝั่งฝัน....ตอนนี้เธอคิดว่าเธอเดินมาไกลจนไม่ สามารถย้อนกลับไปทางเดิมได้  ถึงแม้จะอยากเดินกลับไปก็ตาม  นอกจากว่า โลกจะกลมและทำให้เธอสามารถโคจรกลับมาที่เดิมได้....เท่านั้นเอง
                           *************************************
            ไม่รู้ จะบอกว่าเสียใจหรือดีใจนะ..ที่ได้รับจดหมายฉบับนี้  เพราะมีความรู้สึก ว่าเราได้ไปบังคับให้ใครเขาเขียน  ....มันไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกที่อยากเขียนเหมือนที่เราเป็น  ....
                        ***********************************
            กำลังนั่งคิดว่าจะตอบจดหมายดีไหม  ก็พอดีได้รับโทร...จากคนที่กำลังจะเขียนถึง.. เลยลุกไปรับ เพราะตัดใจไม่ได้....แล้วก็กลับมานั่งคิดว่าจะเขียนดีไหม...แต่ในที่ สุดก็ต้องเขียน เพราะบางอย่างมันพูดไม่ได้หรือพูดได้ไม่หมด...
            น้องอ่านเนื้อความในจดหมายแล้วอยากจะบอกว่า  ถ้าเป็นผู้หญิงที่หลงรักพี่ชายอยู่แล้ว  มันคงเป็นบาปมากนะในความรู้สึก...  ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งจะทำตัวเองให้เป็นม่ายเพื่อจะได้พบและอยู่กับพี่ชาย.....เพราะพี่ชายให้ ความหวังไว้มากเหลือเกิน....ซึ่งไม่ใช่น้องแน่นอน
            น้อง เข้าใจว่าพี่โอ๋จะระวังตัวมากเวลาน้องส่งอะไรไปให้อ่าน  ...ไม่รู้ทำไมต้อง เป็นแบบนั้น  ....แต่กับคำพูดของพี่ชายบางทีก็เผลอที่จะระวัง...ซึ่งถ้าพี่ ชายไปใช้กับคนอื่น  น้องไม่รู้นะว่าเค้าจะคิดอย่างไร...น้องอยากจะบอกว่า จริงๆ แล้วพี่ชายของน้องเป็นคนที่มีเสน่ห์นะ...เป็นคนที่มีวาจาไพเราะ...ฟังแล้ว สบายใจ ....เพราะฉะนั้นทุกคนที่รู้จักก็ไม่พ้นที่จะอยากพบเจอและอยากสาน สัมพันธ์...ยกเว้นแต่ตัวพี่ชายเองเท่านั้นที่ไม่ต้องการ...( โปรดรู้ตัวเองซะ บ้างนะค่ะ)
           ในบาง ครั้ง...น้องสาวคนนี้ก็อยากที่จะถ่ายทอดความรู้สึกให้พี่ชายได้รับรู้  อยากให้รู้ว่าขณะนั้นมีความรู้สึกอย่างไร  ....ต้องการความสนใจ  ห่วงใย  ทำไมเมื่อไม่ได้รับตอบจึงทำให้เกิดความรู้สึกอีกแบบหนึ่งขึ้นมา  เพราะการเขียนจดหมายถึงใครก็อยากให้เขารับรู้และสะท้อนความรู้สึกกลับ คืนมา....เพราะไม่เช่นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเขียนบันทึกส่วนตัว...ซึ่งไม่ มีใครต้องรับรู้.........
           น้องจะเขียน จดหมายฉบับนี้เป็นครั้งสุดท้ายและจะไม่รบกวนพื้นที่จดหมายของพี่ชายอีก....ถ้ามี ความรู้สึกอะไรก็จะบันทึกมันไว้กับตัวเองเช่นเดิม  เพราะสิ่งที่เราคิดว่า มีและได้กลับคืนมา  สุดท้ายแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด....มันเหมือนเดิม...เราก็ยังคงว่างเปล่า....เหมือนเดิม....พี่ชายอาจเป็นใครที่มองตัวน้องสาว คนนี้ได้ทะลุปรุโปร่ง  แต่พี่ชายก็ปฏิเสธที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความ รู้สึกของน้อง...น้องจึงมิบังอาจแม้แต่จะคิด....แต่ก็ขอบคุณสำหรับมิตรภาพและคำสอนที่ดีที่มีให้เสมอมา...น้องจดจำมันได้เสมอ...ยังไงพี่ชายก็เป็นคนพิเศษสำหรับน้องเสมอ  เป็นคนที่อยู่เหนือคำว่า"รักใคร่ "  มันเป็นความรัก ความผูกพันซึ่งมีความอบอุ่นเมื่อได้คิดถึง  เมื่อได้ยินเสียง  .... เมื่อ....           
            น้องไว้ใจพี่ชายจนไม่มีอะไรจะต้องสงสัยอีกต่อไป...ไม่ว่าพี่ชายจะพูดจริงหรือ โกหก น้องก็เชื่อเสมอว่านั่นคือความจริงเพราะพี่ชายต้องการให้เป็นแบบนั้น...นี่ คือสิ่งที่อยากบอก และน้องจะพูดแต่ความจริงจากความรู้สึกกับพี่ชายตลอดไป  ไม่ต้องถามว่าทำไมจึงไว้ใจ...เพราะตอบไม่ได้...บรรยายไม่ ถูก....          
             พี่ชาย คอยย้ำเตือนเสมอว่าให้นึกถึงลูก...บางทีน้องก็มานั่งคิดนะว่า...พี่ชายกำลังคิด อะไรกับน้องทำไมต้องย้ำบ่อยๆ ...ไม่ไว้ใจ  ระแวงหรือห่วงอะไรทั้งๆ ที่น้อง บอกเสมอว่าทุกลมหายใจเข้าออก...คนที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของน้องคือลูก...แต่ การกระทำที่แสดงออกในขณะนั้นมันอาจไม่เหมือนแต่ถ้ามีคนรู้จักหยุดคิดและพิจารณา ดีๆ แล้วจะเห็นว่าน้องเป็นแบบนั้นจริงๆ ....น้องไม่อยากพูดอะไรที่ย้ำๆ เพราะ นั่นไม่ใช่วิสัยของน้อง...ถ้าบอกแล้วไม่เชื่อก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพูดอีก..( เหมือนใครบางคนนั่นแหล่ะ)...
           สัญญาว่าถ้า น้องจะไม่มีใคร...น้องต้องอยู่ตัวคนเดียวให้ได้ ไม่ได้หวังให้ใครมาเลี้ยงดูหรอก ค่ะ  คำสุดท้ายที่จะบอกสำหรับครั้งสุดท้ายนี้น้องขอสัญญาว่าน้องจะดูแลลูก ให้ดีที่สุด...แต่จะเป็นคนดีแค่ไหนคงบอกไม่ได้...เพราะมาตรฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  น้องไม่ใช่พระเจ้าที่จะไปกำหนดชีวิตใครให้เป็นเหมือนที่เราต้อง การได้..
           ยาวหน่อยนะ ...แต่ก็ขอบคุณที่กรุณาอ่าน  ด้วยรักและคิดถึงเสมอค่ะ
                     บางครั้งที่อ่อนไหว  ขอเพียงใครสักคน
                     จัดการความสับสน  ให้พ้นไปจากใจ
                     บางคราวที่แข็งกระด้าง  คือข้ออ้างความหวั่นไหว
                     ที่เกิดจากหัวใจ  ที่ไม่มีใครดูแล....

คำสำคัญ (Tags): #ไร้สาระ
หมายเลขบันทึก: 398582เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2010 20:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:32 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท