อย่างไรก็ตาม นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาอนุกรรมการกกต.ที่สอบคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นเสียงข้างมาก ได้พากันให้ปากคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่พรรคเพื่อไทยไม่เคยแสดงอาการ มีแต่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เมื่อ ม.ล.ประทีป จะมาให้ปากคำต่อศาล พรรคเพื่อไทยกลับออกมาจี้ให้ ม.ล.ประทีป ลาออก จึงสื่อได้ว่าใครที่ไม่เป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย ก็จะออกมาตำหนิ และถือว่าเป็นกระบวนการกดันด้วยการใช้กำลัง และใช้การเมืองผ่านสื่อบีบเป็นระยะ เพื่อสื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ผิด และถ้าไม่ยุบพรรค แสดงว่าเกิด 2 มาตรฐาน ทั้งๆที่ผู้ที่ออกมาพูด ทั้งนายจาตุรนต์และนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่เคยเข้าไปฟังในศาล แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ นายวิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นพิพาทเรื่องดังกล่าวในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงนั้น ตนขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำถูกต้อง ทั้งในเรื่องข้อกล่าวหาเรื่องป้ายโฆษณาผิดขนาด การใช้เงินกกต.ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติ การทำบัญชี และกรณีบริษัท แมสไซอะ ครีเอชั่น จำกัด ที่โยงกับบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) และ นายธงชัย ดลศรีชัย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องภายนอกที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่อาจรู้ได้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นการกดดัน ม.ล.ประทีป และศาลรัฐธรรมนูญ อย่างน่ารังเกียจ และเป็นการใช้ข้อมูลเท็จให้สังคมสงสัย เพื่อทำลายความชอบธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยมชมนะคะ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ^^